คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: ความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย มาตรา 290
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้ตายเนื่องจากโกรธที่ผู้ตายปัสสาวะรดที่นอน จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตายคงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น เมื่อการทำร้ายของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การทำร้ายร่างกายผู้เสียหายหลายคนพร้อมกัน
จำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองในขณะเดียวกันโดยไม่ได้แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร ลักษณะของเจตนาในการกระทำความผิดเป็นอันเดียวกัน แม้จะมีการกระทำต่อผู้เสียหายสองคนด้วยกัน ก็อยู่ภายในเจตนาอันเดียวกันนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 กับพวก จึงเป็นความผิดกรรมเดียว หาใช่สองกรรมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: เจตนาเดียวกันในการทำร้ายผู้เสียหายหลายคน
จำเลยที่ 2 กับพวกมีเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองโดยไม่ได้แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร ลักษณะของเจตนาในการกระทำความผิดเป็นอันเดียวกัน แม้จะมีการกระทำต่อผู้เสียหายสองคนด้วยกันก็อยู่ภายในเจตนาอันเดียวกันนั้น การที่จำเลยที่ 2กับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกาย ส. เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และทำร้าย ป. เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายในขณะเดียวกัน จึงถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษหลายกรรมจากเช็คที่สั่งจ่ายต่างวัน แม้ไม่ได้อ้างมาตรา 91 ในคำฟ้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ไม่ใช่มาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ก็มิได้ระบุให้โจทก์ต้องอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ในท้ายคำฟ้องด้วย ดังนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้ระบุมาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องแต่บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม ศาลก็ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอและไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2673/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกระทำชำเราเด็ก, อนาจาร, และพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร พิจารณาจากพฤติการณ์และเจตนา
คำว่า "พราก" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคแรก หมายความว่าพาไปหรือแยกออกจากความปกครองดูแล จะกระทำโดยวิธีใดก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด ไม่ต้องใช้กำลังหรืออุบาย ดังนั้น ไม่ว่าจำเลยซึ่งมีอาชีพขับรถรับส่งนักเรียนจะพาผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปเพื่อร่วมประเวณีในเส้นทางหรือนอกเส้นทางรับส่งผู้เสียหายไปกลับจากโรงเรียนก็ย่อมเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา: การประเมินเจตนาจากพฤติการณ์ชุลมุนและการกระทำหลังเกิดเหตุ
ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายพักอาศัยอยู่ร่วมกันและไม่มีเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนจึงไม่มีเหตุผลที่จำเลยจะต้องฆ่าผู้ตายทั้งขณะเกิดเหตุเป็นช่วงชุลมุน จำเลยคว้ามีดทำครัวซึ่งอยู่ใกล้มือแทงไปทันทีเพียงครั้งเดียวโดยไม่มีโอกาสจะเลือกแทงว่าเป็นส่วนไหนของร่างกาย บังเอิญไปถูกอวัยวะสำคัญของร่างกายจึงทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และจำเลยก็มิได้แทงผู้ตายซ้ำอีก ทั้งที่มีโอกาสจะทำได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตายเพียงแต่มีเจตนาทำร้ายเท่านั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 290 เมื่อข้อเท็จจริงพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยไม่มีเจตนาฆ่า ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคสุดท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวน: จำเลยต้องมีเจตนาครอบครองเพื่อตนเอง ไม่ใช่เพียงรับจ้างทำงาน
ในชั้นสอบสวนกับชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ และไม่ปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์ว่า จำเลยเข้าไปใส่ปุ๋ยหรือดูแลรักษาต้นยางพาราในสวนยางพาราที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้หรือไม่และทำมานานเท่าใด กรณีอาจเป็นเรื่องที่จำเลยอาจจะรับจ้างใส่ปุ๋ยเมื่อใส่เสร็จแล้วจำเลยก็หมดภาระหน้าที่ โดยมิได้ครอบครองพื้นที่เกิดเหตุด้วยก็เป็นได้คดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองสวนยางพาราที่เกิดเหตุเพื่อผู้อื่นตามความหมายของมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ
คำขอท้ายฟ้องขอให้สั่งให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นคำขอในวิธีการอุปกรณ์ของโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ มาตรา 31 วรรคสาม และพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 72 ตรี วรรคสาม ซึ่งศาลจะมีคำสั่งเช่นนั้นได้ต่อเมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด เมื่อศาลมิได้พิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตราดังกล่าวศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งให้ตามที่โจทก์ขอได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เจตนาครอบครองพื้นที่ป่าสงวน การสั่งให้ผู้นำพื้นที่ออกจากเขตป่าต้องมีคำพิพากษาถึงความผิดเสียก่อน
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้สั่งให้จำเลย คนงาน ผู้รับเหมา ผู้แทนและบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นคำขอในวิธีการอุปกรณ์ของโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 31 วรรคสาม และพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2483 มาตรา 72 ตรี วรรคสาม ซึ่งศาลจะมีคำสั่งได้เช่นนั้นต่อเมื่อศาลพิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตราดังกล่าว เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องโดยมิได้พิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตราดังกล่าว ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งให้ตามที่โจทก์ขอได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1872/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาบุกรุก-พยายามลักทรัพย์: พฤติการณ์นั่งพัก-จับแฮนด์รถไม่พอฟัง
คืนเกิดเหตุอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์จำเลยที่ 3 เมาสุราแล้วอาเจียนจำเลยที่ 1จอดรถให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ลง แล้วจำเลยที่ 2 และที่ 3 พากันเข้าไปนั่งที่ม้านั่งหน้าบ้านผู้เสียหายซึ่งประตูรั้วบ้านเปิดอยู่ พฤติการณ์การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นการถือวิสาสะ เพราะความมึนเมาสุราและไม่สามารถบังคับจิตใจตนเองได้ เมื่อนั่งอยู่ประมาณ 5 นาที อาจจะด้วยความคึกคะนอง จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงลุกขึ้นและเดินไปเอามือจับแฮนด์รถจักรยานยนต์ โดยยังไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้กระทำการใดอันมีลักษณะที่จะติดเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ และไม่ปรากฏว่าพบเครื่องมือใด ๆ ในตัวจำเลยที่ 2 และที่ 3 พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีเจตนาบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และลงมือกระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 2และที่ 3 กระทำความผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้ยานพาหนะเพื่อลักทรัพย์สำคัญกว่าการพาทรัพย์นั้นไป หากไม่มีเจตนาใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด ไม่ถือเป็นความผิดตามมาตรา 336 ทวิ
การกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ ต้องดูที่เจตนาของผู้กระทำผิดเป็นสำคัญ เมื่อจำเลยมีเจตนาจะลักเงินสดที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของผู้เสียหายที่วางอยู่ในรถที่จำเลยขับอยู่ก่อนแล้ว โดยใช้อุบายหลอกผู้เสียหายให้ลงจากรถไปซื้อน้ำอัดลม แล้วถือโอกาสขับรถซึ่งมีกระเป๋าสะพายใส่เงินและกระเป๋าเสื้อผ้าของผู้เสียหายหนีไป จำเลยมิได้มีเจตนาที่จะใช้รถเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาเอาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม จึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะตามมาตรา 336 ทวิ คงผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334
of 408