พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถเมื่อลูกจ้างขับรถโดยมิได้รับอนุญาต และหลักการครอบครองรถเพื่อรับผิดตามกฎหมาย
การที่พลตำรวจเอารถของกรมตำรวจขับไปโดยพละการมิได้ขออนุญาตจากผู้ครอบครองรักษารถไปชนรถโจทก์เสียหาย เมื่อโจทก์ไม่มีพะยานแสดงให้เห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 ขับรถไปชนรถโจทก์นั้นได้กระทำไปในทางที่จ้างตาม ป.พ.พ.มาตรา 425 กรมตำรวจก็ไม่ต้องรับผิด , และตามพฤติการณ์เช่นว่านี้ พลตำรวจเป็นผู้ครอบครองรถในขณะเกิดเหตุ กรมตำรวจมิได้ครอบครองอันจำต้องรับผิดตาม ป.พ.พ.มาตรา 437
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานนอกประเด็นฟ้อง ส่งผลต่อความรับผิดของเจ้าของรถ
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ควบคุมจัดการเดินรถแทนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของรถ แล้วจำเลยที่ 1ขับรถชนโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหาย แต่ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 มีหน้าที่เก็บสตางค์ค่าโดยสารในรถยนต์ของจำเลย ไม่ใช่เป็นผู้ควบคุมจัดการเดินรถแทนจำเลยที่ 2 ดังฟ้อง จึงเป็นการสืบนอกประเด็น จะรับฟังมาวินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบตามฟ้องไม่ได้ ต้องยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของเจ้าของรถบรรทุกที่ไม่ทราบการกระทำผิดของผู้เช่า
จำเลยได้จ้างรถยนต์บรรทุกข้าวสารออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปรากฏว่าเจ้าของรถยนต์ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดแล้ว ก็ต้องคืนรถยนต์ให้แก่เจ้าของรถยนต์ไป
จำเลยจ้างรถยนต์บรรทุกข้าวสารออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าว โดยเจ้าของรถได้ถามจำเลยว่ามีใบอนุญาตไหม จำเลยว่ามีแล้วเจ้าของรถจึงรับจ้างบรรทุกไป ดังนี้ ฟังได้ว่าเจ้าของรถมิได้กระทำผิดร่วมกับจำเลย
จำเลยจ้างรถยนต์บรรทุกข้าวสารออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าว โดยเจ้าของรถได้ถามจำเลยว่ามีใบอนุญาตไหม จำเลยว่ามีแล้วเจ้าของรถจึงรับจ้างบรรทุกไป ดังนี้ ฟังได้ว่าเจ้าของรถมิได้กระทำผิดร่วมกับจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถไม่รู้เห็นการใช้รถในการกระทำผิดศุลกากร ศาลไม่ริบรถ
เจ้าของรถจักรยาน 3 ล้อให้ผู้อื่นเช่ารถไป แล้วผู้เช่าไปบรรทุกของเพื่อนำออกนอกราชอาณาจักร์อันเป็นผิดต่อ พ.ร.บ.ศุลกากร โดยเจ้าของรถผู้ให้เช่ามิได้รู้เห็นนั้น ศาลไม่รับรถจักร์ยาน อ้างฎีกาที่ 172/2484, 961/2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถไม่มีส่วนรู้เห็นต่อการกระทำผิดทางศุลกากรของผู้เช่า ศาลไม่ริบรถ
เจ้าของรถจักรยาน 3 ล้อให้ผู้อื่นเช่ารถไป แล้วผู้เช่าไปบรรทุกของเพื่อนำออกนอกราชอาณาจักรอันเป็นผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร โดยเจ้าของรถผู้ให้เช่ามิได้รู้เห็นนั้น ศาลไม่ริบรถจักรยานอ้างฎีกาที่ 172/2484,561/2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถบรรทุกต่อความเสียหายจากความประมาทของผู้ขับ เมื่อมีการจ้างเหมาเดินรถ
มีผู้ว่าจ้างรถบรรทุกไปเดินในทางส่วนตัวเพื่อรับคนโดยสารและบรรทุกของเช่นเดียวกันเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นเพราะความประมาทของผู้ขับ เจ้าของรถต้องรับผิดเพราะเป็นการกระทำในหน้าที่ลูกจ้างมิใช่ผู้ขับได้เปลี่ยนไปอยู่ในความควบคุมของผู้ว่าจ้างรถไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถบรรทุกต่อความประมาทของผู้ขับในฐานะลูกจ้าง
มีผู้ว่าจ้างรถบรรทุกไปเดินในทางส่วนตัวเพื่อรับคนโดยสารและบรรทุกของเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นเพราะความประมาทของผู้ขับ เจ้าของรถต้องรับผิดเพราะเป็นการกระทำในหน้าที่ลูกจ้างมิใช่ผู้ขับได้เปลี่ยนไปอยู่ในความควบคุมของผู้ที่ว่าจ้างต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3069/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถบรรทุกต้องรับผิดชอบหากปล่อยปละละเลยให้คนขับบรรทุกน้ำหนักเกิน แม้มีระเบียบแต่ไม่ตรวจสอบ
ตามคำร้องขอคืนของกลางของผู้ร้องมีประเด็นเพียงว่า ศาลจะสั่งคืนรถบรรทุกลากจูงและรถกึ่งพ่วงของกลางให้แก่เจ้าของซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นที่ว่าสมควรริบรถบรรทุกลากจูงและรถกึ่งพ่วงหรือไม่ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีหลักซึ่งถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องจะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาในคำร้องขอคืนรถบรรทุกลากจูงและรถกึ่งพ่วงของกลางต่อไปอีกไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้จำเลยจงใจฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกินก็ตาม แต่ระเบียบและประกาศดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้ร้องใช้บังคับต่อจำเลยเท่านั้น ผู้ร้องยังต้องมีหน้าที่ตรวจตราว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของผู้ร้องดังกล่าวหรือไม่เพื่อมิให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินอีกด้วย ทั้งการตรวจตรามิใช่เพียงแต่มีระเบียบและประกาศให้จำเลยปฏิบัติตามหรือหัวหน้างานโทรศัพท์สอบถามจากจำเลยเท่านั้น นอกจากนี้การที่ผู้ร้องไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องในขณะที่มีการขนถ่ายสินค้าภายในโรงงานของบริษัท น. ได้ ก็มิใช่ว่าผู้ร้องไม่อาจตรวจตราได้ว่ามีการบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ เมื่อผู้ร้องไม่มีการควบคุมตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของผู้ร้องหรือไม่ ย่อมเป็นช่องทางให้จำเลยฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องได้โดยง่าย ซึ่งผู้ร้องย่อมทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนี้ การที่ผู้ร้องปล่อยปละละเลยให้จำเลยฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องจนจำเลยบรรทุกน้ำหนักเกินเนื่องจากจำเลยเข้าใจว่าน้ำหนักน้ำมันรถจะขาดหายไปพอดีกับน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไว้และจำเลยต้องการทำเวลาเพื่อจะได้ขับรถได้จำนวนหลายรอบ ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย
แม้จำเลยจงใจฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกินก็ตาม แต่ระเบียบและประกาศดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้ร้องใช้บังคับต่อจำเลยเท่านั้น ผู้ร้องยังต้องมีหน้าที่ตรวจตราว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของผู้ร้องดังกล่าวหรือไม่เพื่อมิให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินอีกด้วย ทั้งการตรวจตรามิใช่เพียงแต่มีระเบียบและประกาศให้จำเลยปฏิบัติตามหรือหัวหน้างานโทรศัพท์สอบถามจากจำเลยเท่านั้น นอกจากนี้การที่ผู้ร้องไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องในขณะที่มีการขนถ่ายสินค้าภายในโรงงานของบริษัท น. ได้ ก็มิใช่ว่าผู้ร้องไม่อาจตรวจตราได้ว่ามีการบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ เมื่อผู้ร้องไม่มีการควบคุมตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของผู้ร้องหรือไม่ ย่อมเป็นช่องทางให้จำเลยฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องได้โดยง่าย ซึ่งผู้ร้องย่อมทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนี้ การที่ผู้ร้องปล่อยปละละเลยให้จำเลยฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องจนจำเลยบรรทุกน้ำหนักเกินเนื่องจากจำเลยเข้าใจว่าน้ำหนักน้ำมันรถจะขาดหายไปพอดีกับน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไว้และจำเลยต้องการทำเวลาเพื่อจะได้ขับรถได้จำนวนหลายรอบ ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7200/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถและผู้ประกอบการขนส่งต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และขอบเขตความรับผิดตามสัญญาประกันภัย
จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 85 - 3491 นครปฐม และจำเลยที่ 4 เป็นเจ้าของรถบรรทุกกึ่งพ่วงหมายเลขทะเบียน 82 - 7411 นครปฐม โดยจำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้รับอนุญาตเป็นผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกคันดังกล่าว แม้จำเลยที่ 3 และที่ 4 จะให้จำเลยที่ 2 เช่าซื้อรถบรรทุกดังกล่าวไปก็เป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ของรถเท่านั้น จำเลยที่ 3 และที่ 4 หาได้บอกเลิกการประกอบการขนส่งที่เป็นสิทธิเฉพาะตัวของจำเลยที่ 3 และที่ 4 แก่ทางราชการไม่ กลับยอมให้จำเลยที่ 2 นำรถบรรทุกคันเกิดเหตุดังกล่าวไปใช้ประกอบการขนส่งโดยให้จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เป็นคนขับในวันเกิดเหตุ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 กับจำเลยที่ 2 ร่วมกันประกอบการขนส่ง ฉะนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุไปกระทำละเมิดอันต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ทั้งสองภายในขอบอำนาจแห่งฐานะตัวแทนเช่นนี้ จำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นตัวการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 กระทำไปนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 427, 820
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5896/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของเจ้าของรถแท็กซี่และสหกรณ์จากการกระทำละเมิดของคนขับ
สัญญาเช่าข้อ 7 ระบุว่า สมาชิกต้องไม่นำรถยนต์ไปให้ผู้อื่นขับขี่เป็นอันขาด แสดงว่าจำเลยที่ 2 ทราบแต่แรกว่าไม่สามารถนำรถของตนให้ผู้อื่นหรือจำเลยที่ 1 เช่า สัญญาดังกล่าวนี้จึงเป็นการทำขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการนำรถออกรับจ้างเท่านั้น เมื่อจำเลยร่วมที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ทำสัญญายอมผูกพันให้จำเลยร่วมที่ 2 ใช้รอยตราหรือเครื่องหมายและคำว่า "สหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร จก" ไว้ที่ด้านข้างของรถแท็กซี่เพื่อออกแล่นรับผู้โดยสารในนามของจำเลยที่ 2 โดยเปิดเผย จำเลยร่วมที่ 2 เป็นสมาชิกของจำเลยที่ 2 การนำรถแท็กซี่เข้าร่วมเป็นกิจการและตรงตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงได้ผลประโยชน์จากการที่จำเลยที่ 1 ขับรถแท็กซี่ที่มีตราของจำเลยที่ 2 ออกแล่นรับจ้าง จำเลยร่วมที่ 2 เจ้าของรถย่อมต้องได้รับผลประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ 2 ได้เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทน จำเลยร่วมที่ 2 และจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วยเช่นกัน