คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจ้าของรวม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 275 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินร่วม เจ้าของรวมต้องไม่เปลี่ยนลักษณะการยึดถือโดยไม่บอกกล่าวเจ้าของรวมคนอื่น
ตราบใดที่ยังไม่มีการแบ่งแยกที่ดินกันเป็นส่วนสัด การที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์คนหนึ่งคนใดเข้าครอบครองส่วนหนึ่งส่วนใดของที่ดินก็ต้องถือว่าครอบครองที่ดินส่วนนั้น ๆ ในฐานะเจ้าของรวมคนหนึ่งเท่านั้น หาก่อให้เกิดสิทธิที่จะอ้างว่าตนครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเสียแต่คนเดียวไม่ เว้นเสียแต่จะได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยบอกกล่าวไปยังเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือทรัพย์แทนเจ้าของรวมคนอื่นอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดิน เจ้าของรวม การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งเปลี่ยนเจตนา
ผู้ร้อง ผู้คัดค้านและบุคคลอื่นถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทร่วมกัน ซึ่งตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1358 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เจ้าของรวมมีสิทธิจัดการทรัพย์สินรวมกันและเจ้าของรวมคนอื่นมีสิทธิใช้ทรัพย์สินได้ แต่การใช้นั้นต้องไม่ชัดต่อสิทธิแห่งเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ตามมาตรา 1360 ตราบใดที่ยังไม่มีการแบ่งแยกที่ดินกันเป็นส่วนสัดการที่ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์คนหนึ่งคนใดเข้าครอบครองส่วนหนึ่งส่วนใดของที่ดิน ก็ต้องถือว่าครอบครองที่ดินส่วนนั้น ๆ ในฐานะเจ้าของรวมคนหนึ่งเท่านั้นดังนั้น การที่ผู้ร้องได้เข้าไปครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทหาทำให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ทางปรปักษ์ไม่เว้นเสียแต่จะได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยการบอกกล่าวไปยังเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือทรัพย์แทนเจ้าของรวมคนอื่นอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6982/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันเจ้าของรวมอื่น การครอบครองปรปักษ์นอกประเด็น
ตามคำฟ้องโจทก์ยืนยันว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่เดิมขอให้จำเลยจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้เป็นของโจทก์ตามสัญญา มิได้ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์แต่เป็นของจำเลย คดีจึงมีประเด็นแต่เพียงว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดเท่านั้น ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์ด้วย เพราะการครอบครองปรปักษ์จะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของจำเลย แม้โจทก์จะครอบครองมากว่า 10 ปี ศาลก็จะพิพากษาให้เป็นของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
โจทก์และจำเลยมีข้อพิพาทเกิดขึ้นต่อกัน โดยจำเลยขอให้เจ้าหน้าที่ที่ดินรังวัดที่ดินรวมเอาที่พิพาทเข้าด้วยเพื่อแบ่งแยกออกโฉนดที่ดินระหว่างเจ้าของรวม แต่โจทก์ไม่ยอมโดยได้ระวังชี้แนวเขตที่ดินของโจทก์รวมไปถึงที่พิพาทตามที่ครอบครองมาด้วย จำเลยจึงได้ทำบันทึกข้อตกลงมีข้อความว่า ที่ดินแปลงที่แบ่งแยกจากโฉนดเป็นแปลงที่ 7 (ซึ่งหมายถึงที่พิพาท) แบ่งให้โจทก์ โจทก์จึงยินยอมให้จำเลยดำเนินการรังวัดไปได้ บันทึกข้อตกลงดังกล่าวจึงเข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยทั้งห้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกัน การที่จำเลยที่ 2 และที่ 4 เจ้าของรวมเพียง 2 คน ทำบันทึกอันเข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความว่าให้แบ่งที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรรมสิทธิ์รวมให้แก่โจทก์เป็นการจำหน่ายตัวทรัพย์สินของเจ้าของรวม เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5ผู้เป็นเจ้าของรวมคนอื่นมิได้ตกลงยินยอมในการให้ที่พิพาทแก่โจทก์ด้วย ข้อตกลงดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 และในขณะที่ทำบันทึกที่พิพาทยังมิได้แบ่งแยกเป็นส่วนสัดของจำเลยที่ 2 และที่ 4 โจทก์จึงไม่มีอำนาจบังคับให้จำเลยทั้งห้าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้แก่โจทก์ตามบันทึกข้อตกลงนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6940/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งทรัพย์สินโดยเจ้าของรวม: ศาลต้องกำหนดวิธีแบ่งให้ชัดเจนหากตกลงกันไม่ได้
การที่ศาลพิพากษาให้โจทก์แบ่งทรัพย์ให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามฟ้องแย้งควรระบุวิธีการแบ่งให้ชัดเจนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1364 คือถ้าการแบ่งไม่ตกลง ก็ให้ขายโดยประมูลราคาในระหว่างเจ้าของรวมหรือขายทอดตลาด เพื่อมิให้เกิดเป็นปัญหาในชั้นบังคับคดีเพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การบังคับคดีจะต้องอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษา และมาตรา 272วรรคแรก บัญญัติให้ศาลออกคำบังคับโดยกำหนดวิธีที่จะปฎิบัติตามคำบังคับไว้ด้วย จำเลยฟ้องแย้งขอแบ่งทรัพย์กึ่งหนึ่ง โดยระบุราคาทรัพย์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน ซึ่งมีความหมายว่าถ้าการแบ่งตัวทรัพย์ไม่อาจเป็นไปได้ ก็ขอแบ่งส่วนเป็นเงิน การให้ขายเอาเงินแบ่งกันจึงไม่เกินคำขอในฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6135/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ เจ้าของรวม: การฟ้องคดีซ้ำในประเด็นเดียวกันเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีนี้และคดีก่อนจำเลยเป็นบุคคลเดียวกัน ที่ดินพิพาทแปลงเดียวกัน โจทก์ในคดีทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน และประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีเป็นอย่างเดียวกัน คือ โจทก์ทั้งสองคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่ โดยฝ่ายโจทก์ต่างอ้างว่าได้รับมรดกที่ดินพิพาทมาจากบิดา เฉพาะโจทก์ทั้งสองในคดีก่อนได้ยืนยันด้วยว่า หลังจากรับที่ดินพิพาทมาแล้ว โจทก์ทั้งสองในคดีดังกล่าวกับโจทก์ในคดีนี้เข้าครอบครองทำประโยชน์ร่วมกันและแทนกันตลอดมาดังนี้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีกรณีถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองคดีเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาท เมื่อโจทก์ทั้งสองในคดีก่อนฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนกับโจทก์ในคดีนี้ จึงเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่การเป็นเจ้าของรวมเพื่อต่อสู้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และเป็นการใช้สิทธิฟ้องแทนโจทก์ในคดีนี้ด้วย ตามป.พ.พ.มาตรา 1359 การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อีกจึงเป็นการใช้สิทธิของเจ้าของรวมเมื่อคดีก่อนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องนั้นมีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องคดีนี้และคดีดังกล่าวศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามป.พ.พ.มาตรา 148 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6135/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: เจ้าของรวมฟ้องแย่งคืนที่ดินหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีนี้และคดีก่อนจำเลยเป็นบุคคลเดียวกัน ที่ดินพิพาทแปลงเดียวกัน โจทก์ในคดีทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน และประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีเป็นอย่างเดียวกัน คือโจทก์ทั้งสองคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่โดยฝ่ายโจทก์ต่างอ้างว่าได้รับมรดกที่ดินมาจากบิดา เฉพาะโจทก์ทั้งสองในคดีก่อนได้ยืนยันด้วยว่า หลังจากรับที่ดินพิพาทมาแล้ว โจทก์ทั้งสองในคดีดังกล่าวกับโจทก์ในคดีนี้เข้าครอบครองทำประโยชน์ร่วมกันและแทนกันตลอดมา ดังนี้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีกรณีถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองคดีเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทเมื่อโจทก์ทั้งสองในคดีก่อนฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนกับโจทก์ในคดีนี้ จึงเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่การเป็นเจ้าของรวมเพื่อต่อสู้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นการใช้สิทธิฟ้องแทนโจทก์ในคดีนี้ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อีกจึงเป็นการใช้สิทธิของเจ้าของรวม เมื่อคดีก่อนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องนั้นมีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องคดีนี้และคดีดังกล่าวศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วจึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 148 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5534/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาซื้อขายก่อนกำหนด และผลของการทำสัญญาซื้อขายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวม
การที่จำเลยทั้งสองบอกเลิกสัญญาก่อนจะถึงกำหนดการโอนเท่ากับจำเลยได้สละเงื่อนเวลาที่จะไปโอนที่ดินให้โจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิบอกกล่าวให้จำเลย-ทั้งสองไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ก่อนกำหนดเวลาตามสัญญาได้ เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ไปโอนให้โจทก์ตามนัด จำเลยทั้งสองจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
การซื้อขายตัวทรัพย์ซึ่งมิใช่เป็นการขายกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนจะทำได้ก็แต่ด้วยความยินยอมแห่งเจ้าของรวมทุกคน เมื่อยังมิได้มีการแบ่งปันทรัพย์มรดกระหว่างทายาท การที่จำเลยที่ 2 เอาทรัพย์มาทำสัญญาจะขายให้โจทก์โดยทายาทอื่นมิได้ยินยอมด้วย จึงไม่มีผลผูกพัน จะฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามสัญญามิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5027/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดิน เจ้าของรวมต้องยินยอม การขายตัวทรัพย์ที่ไม่ได้รับความยินยอมเป็นโมฆะ
จำเลยกับ ว. และ จ. เป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกันโดยไม่ได้แบ่งแยกกันครอบครอง สัญญาซื้อขายที่พิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการขายตัวทรัพย์จะขายโดยมิได้รับความยินยอมของ ว. และ จ.ผู้เป็นเจ้าของรวมด้วยหาได้ไม่ ฉะนั้น สัญญาซื้อขายที่พิพาทดังกล่าวจึงไม่มีผลใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตของเจ้าของรวม ไม่เป็นการทำละเมิด
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งได้ฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อถอนบ้านพิพาทและขนย้ายออกไปจากที่ดินส่วนที่โจทก์ขายฝากให้แก่จำเลย การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นการใช้สิทธิทางศาลและได้กระทำโดยสุจริตซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะและคดีถึงที่สุดแล้ว จึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3487/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ในที่ดินโฉนด เจ้าของรวม การเปลี่ยนแปลงสถานะเจ้าของ และผลต่อการต่อสู้คดี
จำเลยได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินมีโฉนดซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยจนได้กรรมสิทธิ์แล้วก็เท่ากับว่าจำเลยได้ครอบครองปรปักษ์ในส่วนที่โจทก์เองเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย แม้ภายหลังโจทก์จะรับโอนที่ดินจากผู้มีกรรมสิทธิ์รวมคนอื่นจนโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดดังกล่าวเพียงคนเดียวก็ไม่ถือว่าโจทก์เป็นบุคคลภายนอกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง จำเลยจึงยกเอาการได้ที่ดินพิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์ใช้ต่อสู้โจทก์ได้
of 28