คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แบ่งแยกที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 172 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีแบ่งแยกที่ดิน: ศาลมีอำนาจปรับลดเนื้อที่ตามความเป็นจริง แม้คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ศาลพิพากษาให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตรงตามโฉนดโดยถือตามคำฟ้องของโจทก์ เมื่อปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริงขาดไปจากจำนวนที่ระบุไว้ในโฉนดที่ดิน ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้บังคับคดีแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ลดลงตามส่วนของเนื้อที่ดินที่เหลือผิดไปจากคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วได้ กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการแก้ไขคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วเพราะในชั้นบังคับคดีศาลย่อมมีอำนาจบังคับคดีไปตามความเป็นจริงได้
เมื่อข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยปรากฏชัดอยู่ในสำนวนโดยคำแถลงรับของคู่ความพอที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีแบ่งแยกที่ดิน: ศาลมีอำนาจปรับลดเนื้อที่ตามข้อเท็จจริง แม้คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ศาลพิพากษาให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตรงตามโฉนดโดยถือตามคำฟ้องของโจทก์ เมื่อปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริงขาดไปจากจำนวนที่ระบุไว้ในโฉนดที่ดิน ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้บังคับคดีแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ลดลงตามส่วนของเนื้อที่ดินที่เหลือผิดไปจากคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วได้ กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการแก้ไขคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วเพราะในชั้นบังคับคดีศาลย่อมมีอำนาจบังคับคดีไปตามความเป็นจริงได้
เมื่อข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยปรากฎชัดอยู่ในสำนวนโดยคำแถลงรับของคู่ความพอที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกที่ดินตามคำพิพากษาต้องโดยความตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ศาลชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งเรียกโฉนดหากวิธีการไม่เหมาะสม
การที่ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าตกลงแบ่งไม่ได้ให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันตามส่วนนั้น เห็นได้ว่าการแบ่งที่พิพาทจะกระทำได้ก็โดยตกลงกันระหว่างโจทก์จำเลย และที่ศาลชั้นต้นแจ้งผลของคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ก็มิได้มุ่งหมายให้จำเลยมีอำนาจแบ่งโฉนดที่พิพาทฝ่ายเดียวอันเป็นการนอกเหนือคำพิพากษาแต่อย่างใด ดังนั้น การที่จำเลยได้ดำเนินการขอแบ่งแยกที่พิพาทจนนำช่างแผนที่ไปทำการรังวัดปักหลักเขต จึงเป็นการกระทำไปตามลำพังโดยโจทก์มิได้ตกลงด้วย และเมื่อการที่ศาลชั้นต้นเคยมีคำสั่งให้โจทก์ส่งโฉนดที่พิพาทต่อศาลเพื่อส่งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินตามที่จำเลยขอ ปรากฏภายหลังว่าไม่เหมาะสมโดยวิธีการที่โจทก์แถลงมีเหตุผลในการปฏิบัติตามคำพิพากษายิ่งกว่า ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งนั้นได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกที่ดินตามคำพิพากษาต้องเป็นไปโดยความตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ศาลชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งเดิมเพื่อแก้ไขวิธีการบังคับคดี
การที่ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าตกลงแบ่งไม่ได้ให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันตามส่วนนั้น เห็นได้ว่าการแบ่งที่พิพาทจะกระทำได้ก็โดยตกลงกันระหว่างโจทก์จำเลย และที่ศาลชั้นต้นแจ้งผลของคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ต่อเจ้าพนักงานที่ดินก็มิได้มุ่งหมายให้จำเลยมีอำนาจแบ่งโฉนดที่พิพาทฝ่ายเดียวอันเป็นการนอกเหนือคำพิพากษาแต่อย่างใด ดังนั้น การที่จำเลยได้ดำเนินการขอแบ่งแยกที่พิพาทจนนำช่างแผนที่ไปทำการรังวัดปักหลักเขต จึงเป็นการกระทำไปตามลำพังโดยโจทก์มิได้ตกลงด้วย และเมื่อการที่ศาลชั้นต้นเคยมีคำสั่งให้โจทก์ส่งโฉนดที่พิพาทต่อศาลเพื่อส่งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินตามที่จำเลยขอ ปรากฏภายหลังว่าไม่เหมาะสมโดยวิธีการที่โจทก์แถลงมีเหตุผลในการปฏิบัติตามคำพิพากษายิ่งกว่าศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งนั้นได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความในการแบ่งแยกที่ดิน ถือเป็น binding agreement ที่จำเลยต้องปฏิบัติตาม
จำเลยขายที่ดินให้โจทก์โดยไม่ได้กำหนดว่าส่วนที่ขายอยู่ตอนใดของโฉนด แต่จำเลยได้จดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดนั้น แล้วต่อมาโจทก์จำเลยได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินนี้โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินนำแผนที่สังเขปแสดงรูปส่วนของที่ดินที่จะแบ่งแยกไว้และโจทก์จำเลยได้ลงลายมือชื่อในเอกสารบันทึกการแบ่งแยกที่ดินไว้เป็นหลักฐานด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งแยกที่ดินที่โจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิ์รวมกันอยู่ จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องยึดถือปฏิบัติตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันบังคับใช้ได้ แม้จะไม่ได้ระบุรายละเอียดการแบ่งแยกที่ดินชัดเจน
จำเลยขายที่ดินให้โจทก์โดยไม่ได้กำหนดว่าส่วนที่ขายอยู่ตอนใดของโฉนด แต่จำเลยได้จดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดนั้น แล้วต่อมาโจทก์จำเลยได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินนี้โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินนำแผนที่สังเขปแสดงรูปส่วนของที่ดินที่จะแบ่งแยกไว้และโจทก์จำเลยได้ลงลายมือชื่อในเอกสารบันทึกการแบ่งแยกที่ดินไว้เป็นหลักฐานด้วยดังนี้ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งแยกที่ดินที่โจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิ์รวมกันอยู่จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องยึดถือปฏิบัติตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินและการเช่าปากเปล่า ศาลมีอำนาจงดสืบพยานและพิพากษาคดีได้
โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าที่พิพาทได้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ออกโฉนดเป็นส่วนสัดแล้วจำเลยไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยเป็นผู้อาศัยอยู่ในที่พิพาท ประสงค์จะขอทำกินต่อไปอีก 5 ปี โจทก์ไม่ยินยอม คำแถลงของโจทก์จำเลยตามที่ศาลชั้นต้นจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าว มิใช่เป็นการแถลงข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ที่จะทำการเปรียบเทียบให้คู่ความได้ตกลงหรือประนีประนอมยอมความกันในข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 20 เท่านั้น แต่เป็นการแถลงรับข้อเท็จจริงบางประการอันเป็นประเด็นข้อพิพาทเมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติไม่จำต้องสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป ก็ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาคดีไปได้
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่ามีสิทธิเหนือพื้นดินในที่พิพาทโดยให้ค่าตอบแทนโจทก์เป็นรายปี เท่ากับเป็นเรื่องจำเลยเช่าที่พิพาทของโจทก์ เมื่อการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแม้จำเลยจะกล่าวอ้างว่าโจทก์ยอมให้อยู่ในที่พิพาทอีก 15 ปีก็ตามจำเลยก็ไม่อาจยกสิทธิที่เกี่ยวกับสัญญาเช่าขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ให้เช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 การที่จำเลยอาศัยอยู่ในที่พิพาทจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมไม่บังคับจดทะเบียนเช่าเพราะที่ดินยังไม่ได้แบ่งแยก คดีใหม่ขอให้แบ่งแยกและจดทะเบียนเช่า ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าตึกแถวให้โจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าตึกแถวปลูกอยู่ในที่ดินส่วนใดเพราะยังไม่ได้แบ่งแยกเป็นส่วนสัดไม่อาจบังคับได้ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองมาฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยไปจัดการแบ่งที่ดินออกเป็นส่วนสัดเฉพาะที่ปลูกตึกแถว และให้ไปจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ที่ 2 ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกที่ดินมรดกและการครอบครองปรปักษ์ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยสัดส่วนการถือครองและอายุความครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 บัญญัติว่า'ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน' นั้น ย่อมนำสืบหักล้างได้ว่าความจริงมีอยู่อย่างไร และศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่า ฝ่ายใดมีส่วนเป็นเจ้าของในส่วนใดเท่าใด หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายไม่
ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนของจำเลยมา 10 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิ์นั้น เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยได้รับโอนที่ดินพิพาทจากบิดาเมื่อวันที่25 มกราคม 2482 แล้วครอบครองตลอดมา ตามคำให้การนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ยกประเด็นขึ้นอ้างแล้วว่าจำเลยครอบครองที่ดินมาเกิน 10 ปี ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีสิ้นสุดแล้ว ศาลไม่อาจพิจารณาข้อตกลงแบ่งแยกที่ดินเพิ่มเติมได้
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยไปจดทะเบียนการซื้อขายที่ดินโฉนดพิพาทต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยให้โจทก์มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางแถบคลองเป็นจำนวน 100 ส่วนใน 780 ส่วนของเนื้อที่ทั้งหมดตามโฉนดที่ดินดังกล่าวและเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนสิทธิให้โจทก์เรียบร้อยแล้ว การบังคับคดีจึงสิ้นสุดลง การที่โจทก์จำเลยมาตกลงจะแบ่งแยกที่ดินกันอีกจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำพิพากษา ไม่อาจที่จะนำมาพิจารณาและบังคับในคดีนี้ได้
of 18