คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โอนสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 486 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10130/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในเช็คพิพาทโดยทายาทตามพินัยกรรม และการหักกลบลบหนี้
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสดหรือผู้ถือย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา918ประกอบมาตรา989ช. เป็นผู้จัดการมรดกของก.ตามคำสั่งศาลก.ทำพินัยกรรมต่อหน้าช.น.และย. โดยพินัยกรรมระบุให้โจทก์เป็นผู้ร่วมรับมรดกหลังจากช.เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลแล้วช. ได้มอบเช็คพิพาทซึ่งเป็นส่วนแบ่งมรดกให้แก่โจทก์จำเลยมิได้นำสืบหักล้างว่าพินัยกรรมดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดบ้างและคำให้การของจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่าก.มิได้ทำพินัยกรรมแต่อย่างใดการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยในข้อที่ว่าเป็นที่น่าสงสัยว่าก.ทำพินัยกรรมจริงหรือไม่เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นไม่รับวินิจฉัยให้นั้นชอบแล้วเมื่อโจทก์ผู้เป็นทายาทโดยพินัยกรรมได้รับมอบเช็คพิพาทจากผู้จัดการมรดกเช่นนี้โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยการสืบสิทธิจากก.เจ้ามรดกหาใช่เป็นผู้รับโอนจากผู้ทรงคนก่อนโดยลำพังไม่จึงไม่ต้องห้ามที่จำเลยจะนำสืบต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับก. ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา916 จำเลยอ้างว่ามูลหนี้ตามเช็คพิพาทระงับสิ้นไปด้วยการหักกลบลบหนี้กันจำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งแต่เมื่อพยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้มูลหนี้ตามเช็คพิพาทจึงมิได้ระงับสิ้นไปจำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9206/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อต่อสู้หลังโอนสิทธิเรียกร้อง: อายุความและการสละสิทธิ
คำว่า "ข้อต่อสู้ที่มีต่อผู้โอน" ตาม ป.พ.พ.มาตรา 308 นั้นหมายความว่า ข้อต่อสู้ที่มีอยู่ในวันที่มีการโอนสิทธิเรียกร้อง การที่จำเลยหรือลูกหนี้รู้ว่ามีข้อต่อสู้ดังกล่าวในวันที่ทำการโอนสิทธิเรียกร้อง แต่ก็ยังให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้อง ถือว่าจำเลยหรือลูกหนี้สละข้อต่อสู้นั้นแล้ว จำเลยจึงไม่อาจยกข้อต่อสู้ที่มีอยู่ต่อผู้โอนดังกล่าวขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้ แต่ถ้าข้อต่อสู้นั้นเกิดขึ้นภายหลังวันโอนสิทธิเรียกร้อง ย่อมไม่ตัดสิทธิของจำเลยหรือลูกหนี้ที่จะยกข้อต่อสู้ดังกล่าวขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องได้ ดังนั้น เมื่อขณะที่มีการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับบริษัท ว. คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความฟ้องเรียกเอาค่าจ้างทำของซึ่งมีกำหนด 5 ปี จำเลยจึงยังไม่อาจยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความดังกล่าวขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องได้ ต่อมาจำเลยได้ให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องไปโดยไม่อิดเอื้อน และโจทก์นำคดีมาฟ้องหลังจากคดีขาดอายุความแล้วจำเลยจึงมีสิทธิยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความดังกล่าวนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8266/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินมีข้อจำกัดการโอนสิทธิ: สิทธิครอบครองยังไม่สมบูรณ์ ทำให้การซื้อขายและการครอบครองเพื่อตนเองไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ที่มีข้อกำหนดห้ามโอนภายใน 10 ปี ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 31 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334 (พ.ศ.2515) ข้อ 6 ที่บังคับใช้ในกรณีนี้ในระยะเวลาที่ห้ามโอนนั้นถือได้ว่ารัฐยังไม่ได้มอบสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่บิดาโจทก์ บิดาโจทก์และโจทก์คงมีสิทธิเพียงทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเท่านั้นเมื่อบิดาโจทก์และโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท จึงไม่อาจสละหรือโอนสิทธิครอบครองที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377, 1378 ให้แก่ผู้อื่นได้ แม้จะรับฟังว่าบิดาโจทก์ขายที่ดินพิพาทและมอบการครอบครองที่ดินให้แก่จำเลย ก็ไม่มีผลตามกฎหมายจำเลยไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท
การเปลี่ยนเจตนายึดถือหรือครอบครองที่ดินตาม ป.พ.พ.มาตรา1381 จะต้องเป็นกรณีที่ครอบครองที่ดินแทนผู้อื่น แต่เมื่อไม่ถือว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์แล้ว จึงไม่มีกรณีที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยเปลี่ยนเจตนาครอบครองหรือเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่ดินพิพาทแทนโจทก์เป็นครอบครองหรือยึดถือเพื่อตนเอง จำเลยจึงไม่ได้สิทธิในที่ดินพิพาทโดยการครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 77/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสิทธิเรียกร้องตามตั๋วสัญญาใช้เงิน เริ่มนับแต่วันทวงถามหนี้หลังการโอนสิทธิ
จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังลอยตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 9ฉบับ จำเลยจึงมีความผูกพันร่วมกับบริษัท จ. ผู้ออกตั๋วรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 9 ฉบับ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 919, 967 และ 985
โจทก์แจ้งการรับโอนสิทธิเรียกร้อง และทวงถามหนี้จากจำเลยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2530 จำเลยได้รับการแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องและทวงถามเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2530 กรณีเช่นนี้ถือว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลยมีผลตามกฎหมายเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2530 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ทวงถามจำเลยให้ใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นวันเริ่มต้นถึงกำหนดใช้เงิน เพราะก่อนหน้านั้นจำเลยยังไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดในการใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทเพียงแต่ว่าโจทก์มีสิทธิจะเรียกร้องทวงถามให้ใช้เงินได้ทันทีเท่านั้น เมื่อจำเลยทราบแล้วเพิกเฉยไม่ชำระจึงตกเป็นผู้ผิดนัด อายุความแห่งสิทธิเรียกร้องของโจทก์ต้องเริ่มนับแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2530 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม2530 ยังไม่เกิน 1 ปี นับแต่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลย คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาถึงผู้รับโอนสิทธิ และการครอบครองปรปักษ์หลังมีคำพิพากษา
โจทก์เคยถูกมารดาจำเลยฟ้องขับไล่ออกจากที่พิพาท และคดีถึงที่สุดแล้วโดยศาลพิพากษาให้ขับไล่ แม้จำเลยมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว เมื่อจำเลยได้ที่พิพาทจากมารดา การที่โจทก์ฟ้องคดีใหม่ว่าครอบครองปรปักษ์ในที่พิพาทมาโดยตลอด แต่โจทก์มิได้ตั้งรูปเรื่องเข้ามาใหม่ว่าเป็นการได้กรรมสิทธิ์มาภายหลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้วอย่างไร แม้จำเลยคดีนี้ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีก่อน แต่จำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทสืบต่อจากผู้ชนะคดีตามคำพิพากษา จึงไม่ถือว่าเป็นบุคคลภายนอก โจทก์ในคดีนี้ต้องผูกพันโดยคำพิพากษาในคดีเดิมด้วย และโจทก์ก็ไม่ได้เป็นบุคคลภายนอกคดีที่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า
ศาลอุทธรณ์สั่งเฉพาะค่าทนายความให้โจทก์ใช้แทนจำเลยส่วนค่าใบแต่งทนายความเข้ามาใหม่มิได้วินิจฉัยถึง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา161 ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ใช้ค่าธรรมเนียมอื่นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7348/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า: หน้าที่การดำเนินการขออนุมัติการโอนสิทธิ และผลของการผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญาว่าจะโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ภายในวันที่ 22สิงหาคม 2534 ซึ่งจำเลยทราบดีว่าการโอนสิทธิการเช่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากการรถไฟแห่งประเทศไทยเสียก่อน โดยต้องใช้เวลาในการยื่นเรื่องราวจนได้รับอนุมัติอย่างน้อย 1 เดือน แต่จำเลยมิได้ดำเนินการยื่นเรื่องราวขอโอนก่อนวันครบกำหนดที่จะต้องโอนตามสัญญาเดิม ดังนั้น จะอ้างว่าโจทก์บ่ายเบี่ยงเรื่องค่าธรรมเนียมการต่ออายุสัญญาเช่า ซึ่งค่าธรรมเนียมดังกล่าวต้องชำระในวันโอนหากไม่ยื่นเรื่องราวขอโอนเสียก่อนก็ไม่อาจอนุมัติให้โอนได้ หากจำเลยขออนุมัติให้โอนไว้แล้ว โจทก์ไม่ยอมชำระค่าธรรมเนียม จึงจะถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา เมื่อจำเลยยังมิได้ยื่นเรื่องราวขอโอนไว้ก่อน จึงไม่มีเหตุที่การรถไฟ-แห่งประเทศไทยจะปฏิเสธ แต่เมื่อโจทก์และจำเลยขอโอนสิทธิการเช่าในวันครบกำหนดโอนแล้วได้รับการปฏิเสธ ย่อมถือได้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ปฏิเสธการโอนสิทธิการเช่าดังกล่าวแก่โจทก์แล้ว จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องคืนเงินมัดจำแก่โจทก์
สัญญาระบุว่าค่าต่อสัญญาเช่ากับค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิการเช่าผู้จะรับโอนเป็นผู้ชำระซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระ เมื่อโจทก์เคยขอให้จำเลยร้องขอลดหย่อนค่าธรรมเนียมการต่ออายุสัญญาเช่าจึงมีการรั้งรอที่จะยื่นเรื่องราวขอโอนสิทธิการเช่า นับว่าโจทก์มีส่วนในความล่าช้าของการดำเนินการอยู่ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7214/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองที่ดินและการโอนสิทธิแก่ผู้รับโอนโดยสุจริต แม้จดทะเบียนถูกต้อง ก็ไม่ทำให้เกิดสิทธิในที่ดินได้
พ.สามีจำเลยเคยถูกส.ร้องทุกข์และกล่าวหาดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์พ.ต่อสู้ว่าที่ดินปลูกต้นไม้เป็นของพ.ได้รับมาโดยทางมรดกมิได้อาศัยหรือเช่าที่ดินแปลงนั้นจากใครศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าคดีไม่พอฟังว่าต้นไม้และที่ดินที่ปลูกต้นไม้เป็นของส. พิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าวถึงที่สุดจากข้อต่อสู้ของพ.ในคดีดังกล่าวถือได้ว่าพ.ได้โต้แย้งส.ผู้มีชื่อเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทว่าพ.เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งเท่ากับพ.ได้เปลี่ยนเจตนาการครอบครองที่ดินพิพาทจากการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของส.มาเป็นการแย่งการครอบครองเพื่อตนเองแล้วตั้งแต่นั้นเมื่อส.ไม่ได้ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทเสียภายใน1ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375ส.ก็หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งสิทธิครอบครองที่พิพาทจากพ. การที่ส.ขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์หลังจากที่ส.หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนที่ดินพิพาทจากพ.หรือจำเลยแล้วแม้โจทก์จะซื้อที่ดินพิพาทจากส.โดยสุจริตและจดทะเบียนการโอนต่อเจ้าหน้าที่โดยสุจริตก็ตามโจทก์ในฐานะผู้รับโอนก็ย่อมจะไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7016/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิประทานบัตรทำเหมืองแร่ และสิทธิในที่ดิน การขาดนัดยื่นคำให้การทำให้จำเลยไม่อาจยกประเด็นใหม่ได้
เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การประเด็นข้อพิพาทคงเกิดจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องโจทก์เท่านั้นจำเลยไม่มีสิทธิ์อ้างข้อเท็จจริงเป็นประเด็นขึ้นมาใหม่คงมีสิทธิเพียงสาบานตนให้การเป็นพยานเองและถามค้านพยานโจทก์เพื่อที่จะหักล้างพยานหลักฐานโจทก์เท่านั้นการเบิกความของจำเลยในข้อที่ไม่ได้เป็นประเด็นในคดีจึงรับฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: โอนสิทธิได้เพียงเท่าที่ผู้โอนมีสิทธิ แม้มีสัญญาซื้อขาย
บ. ครอบครองที่พิพาทแทน ส. การที่โจทก์ซื้อที่พิพาทจาก บ. ไม่ทำให้โจทก์ได้สิทธิครอบครองเพราะโจทก์ผู้รับโอนย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ บ. มีอยู่ในฐานะผู้ยึดถือที่พิพาทแทน ส.เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิการเช่าซื้อที่ดินและบ้านพิพาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ผู้รับโอนสุจริตและชำระค่าตอบแทนแล้ว กรรมสิทธิ์เป็นของผู้รับโอน
แม้หนังสือมอบอำนาจระบุแต่เพียงว่าโจทก์แต่งตั้งให้ ช.มีอำนาจฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายกับขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากบ้านพิพาทโดยมิได้ระบุถึงให้ออกจากที่ดินพิพาทด้วยแต่เมื่อบ้านพิพาทตั้งอยู่บนที่ดินพิพาทย่อมมีความหมายรวมถึงให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทด้วย ช. จึงมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ จำเลยดำเนินการปลอมลายมือชื่อจำเลยร่วมซึ่งเป็นคู่สมรสลงในเอกสารจัดการโอนสิทธิการเช่าซื้อที่ดินและบ้านพิพาทอันเป็นสินสมรสให้แก่โจทก์โดยปราศจากความยินยอมของจำเลยร่วมแต่เมื่อโจทก์เป็นบุคคลภายนอกได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจำเลยร่วมจึงจะขอให้ศาลเพิกถอนการโอนดังกล่าวไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1480วรรคแรก
of 49