พบผลลัพธ์ทั้งหมด 271 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: ศาลชอบที่จะไต่สวนคำร้องขอขายที่ดินแยกแปลง หากมีเหตุผลที่อาจชำระหนี้ได้ด้วยการขายแปลงเดียว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 1 รวมพร้อมกัน 7 แปลง จำเลยที่ 1 ร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ขายที่ดินของจำเลยที่ 1 แยกทีละแปลง โดยอ้างว่าเจ้าพนักงานประเมินราคาที่ดินแปลงหนึ่งไว้ในราคาตารางวาละ 2,000 บาท ราคาที่ดินทั้งแปลงมีจำนวนถึง 1,160,000 บาท แต่หนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยมีเพียง 421,000 บาท หากขายที่ดินแปลงดังกล่าวแปลงเดียวก็เพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ดังนี้ หากความจริงเป็นดังที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้าง ก็มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลอาจพิจารณาอนุญาตให้ขายที่ดินของจำเลยที่ 1 ทีละแปลงดังที่จำเลยที่ 1 ร้องขอได้ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยที่ 1 เสียก่อนที่จะพิจารณาสั่งคำร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่จัดการมรดกตามกฎหมาย แต่ศาลต้องไต่สวนเมื่อมีข้อกล่าวหาการจัดการที่ไม่ถูกต้อง
ผู้จัดการมรดกอาจกระทำการตามหน้าที่ได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากทายาท
คำร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้จัดการมรดกไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและจัดการแบ่งปันมรดกไม่ถูกต้อง เมื่อปรากฏจากบัญชีเครือญาติว่าเจ้ามรดกมีทายาทโดยธรรม 9 คน แต่ผู้จัดการมรดกแถลงรับต่อศาลว่าแบ่งมรดกให้ทายาทเพียง 8 คน โดยไม่แจ้งเหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่แบ่งมรดกให้แก่ทายาทอีกคนหนึ่งศาลต้องไต่สวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การจัดการมรดกถูกต้องและเป็นการละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวน ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้จัดการมรดกไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและจัดการแบ่งปันมรดกไม่ถูกต้อง เมื่อปรากฏจากบัญชีเครือญาติว่าเจ้ามรดกมีทายาทโดยธรรม 9 คน แต่ผู้จัดการมรดกแถลงรับต่อศาลว่าแบ่งมรดกให้ทายาทเพียง 8 คน โดยไม่แจ้งเหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่แบ่งมรดกให้แก่ทายาทอีกคนหนึ่งศาลต้องไต่สวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การจัดการมรดกถูกต้องและเป็นการละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวน ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การงดไต่สวนคำคัดค้านที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ศาลชั้นต้นตั้ง ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตาม กฎหมายและจัดการแบ่งปันมรดกไม่ถูกต้อง ผู้ร้องแถลงรับต่อ ศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า เจ้ามรดกมีทายาท 9 คนแต่ แบ่งมรดกให้ทายาทเพียง 8 คน โดย ไม่ แจ้ง เหตุผลว่า เหตุใดจึงไม่แบ่งมรดกให้แก่ทายาทอีกคนหนึ่ง ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความไว้ตาม รายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวยังไม่บริบูรณ์การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการไต่สวนคำร้อง ของ ผู้คัดค้าน จึงไม่ชอบด้วย กระบวนพิจารณา เพราะการจัดการมรดกของผู้ร้องจะถูกต้องและเป็นการละเลยไม่ทำการตาม หน้าที่หรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านต้อง นำสืบให้ปรากฏ ควรที่ศาลชั้นต้นต้องดำเนิน กระบวนพิจารณาไต่สวนต่อไปให้สิ้นกระแสความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกไม่ถูกต้อง การงดไต่สวนคำคัดค้านที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ศาลชั้นต้นตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำร้องอ้างว่า ผู้ร้องไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและจัดการแบ่งปันมรดกไม่ถูกต้อง ผู้ร้องแถลงรับต่อศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 22 กันยายน 2529 ว่า เจ้ามรดกมีทายาท 9 คนแต่แบ่งมรดกให้ทายาทเพียง 8 คน โดยไม่แจ้งเหตุผลว่า เหตุใดจึงไม่แบ่งมรดกให้แก่ทายาทอีกคนหนึ่ง ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความไว้ตามรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวยังไม่บริบูรณ์การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการไต่สวนคำร้อง ของ ผู้คัดค้านจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาเพราะการจัดการมรดกของผู้ร้องจะถูกต้องและเป็นการละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านต้องนำสืบให้ปรากฏควรที่ศาลชั้นต้นต้องดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนต่อไปให้สิ้นกระแสความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุสุดวิสัยและหน้าที่ศาลในการไต่สวน
คำร้อง ของจำเลยที่ขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่า มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เพราะวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยเดินทางมาถึงศาลก่อนเวลานัดไปดูใบลอยที่หน้าศาล ปรากฏว่าไม่มีเลขคดี ชื่อโจทก์และจำเลยในใบลอยดังกล่าว ทนายจำเลยไปที่ห้องเก็บสำนวนไม่พบสำนวน เจ้าหน้าที่ห้องเก็บสำนวนดูวันนัดบนปกสำนวนแล้วแจ้งว่าคดีนัดวันรุ่งขึ้น ทนายจำเลยเข้าใจว่าลงนัดในสมุดนัดผิดพลาดไปจึงเดินทางกลับ รุ่งขึ้นมาศาล ปรากฏว่ามีเลขคดีชื่อโจทก์และจำเลยในใบลอย จึงไปที่บัลลังก์ ตามใบลอย ก็ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ศาลว่า ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและพิพากษาคดีไปแล้วตั้งแต่วันวาน ดังนี้ หากความจริงเป็นไปดังที่จำเลยอ้างย่อมฟังได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนและมีคำสั่งใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณา - เหตุสุดวิสัย - การไต่สวน - การพิสูจน์ความจริง - ศาลต้องให้โอกาสจำเลยชี้แจง
คำร้องของจำเลยที่ขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยเดินทางมาถึงศาลก่อนเวลานัด ปรากฏว่าไม่มีเลขคดี ชื่อโจทก์และจำเลยในใบลอยทนายจำเลยไปที่ห้องเก็บสำนวน ไม่พบสำนวนเจ้าหน้าที่ห้องเก็บสำนวนดูวันนัดบนปกสำนวนแล้วแจ้งว่าคดีนัดวันรุ่งขึ้น ครั้นวันรุ่งขึ้นจำเลยมาศาลจึงทราบว่า ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและพิพากษาคดีแล้วตั้งแต่วันวาน ดังนี้ หากความจริงเป็นไปดังที่จำเลยอ้าง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นจึงต้องไต่สวนและมีคำสั่งตามรูปคดี.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลต้องไต่สวนหากจำเลยอ้างเหตุผลสมควรว่าไม่ได้จงใจขาดนัด
คำร้องของจำเลยที่ขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่า มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เพราะวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยเดินทางมาถึงศาลก่อนเวลานัดไปดูใบลอยที่หน้าศาล ปรากฏว่าไม่มีเลขคดี ชื่อโจทก์และจำเลยในใบลอยดังกล่าว ทนายจำเลยไปที่ห้องเก็บสำนวน ไม่พบสำนวนเจ้าหน้าที่ห้องเก็บสำนวนดูวันนัดบนปกสำนวนแล้วแจ้งว่าคดีนัดวันรุ่งขึ้น ทนายจำเลยเข้าใจว่าลงนัดในสมุดนัดผิดพลาดไปจึงเดินทางกลับ รุ่งขึ้นมาศาลปรากฏว่ามีเลขคดีชื่อโจทก์และจำเลยในใบลอยจึงไปที่บัลลังก์ตามใบลอยก็ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ศาลว่า ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและพิพากษาคดีไปแล้วตั้งแต่วันวาน ดังนี้หากความจริงเป็นไปดังที่จำเลยอ้าง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนและมีคำสั่งใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องเพิกถอนหมายบังคับคดี: การพิจารณาข้อเท็จจริงโดยศาลถือเป็นการไต่สวนแล้ว
จำเลยยื่นคำร้องว่ามิได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี ศาลได้นัดคู่ความพร้อมกัน ในวันนัดศาลสอบข้อเท็จจริงจากทนายโจทก์ และพิเคราะห์เหตุผลตามคำร้องของจำเลย แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังนี้ การที่ศาลขึ้นนั่งพิจารณาแล้วสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องคัดค้านหมายบังคับคดี ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่มีอยู่แล้วถือเป็นการไต่สวนเพียงพอ
จำเลยยื่นคำร้องว่ามิได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี ศาลได้นัดคู่ความพร้อมกัน ในวันนัดศาลสอบข้อเท็จจริงจากทนายโจทก์และพิเคราะห์เหตุผลตามคำร้องของจำเลยแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ดังนี้ การที่ศาลขึ้นนั่งพิจารณาแล้วสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องเพิกถอนหมายบังคับคดี: การพิจารณาข้อเท็จจริงถือเป็นการไต่สวนแล้ว
จำเลยยื่นคำร้องว่ามิได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี ศาลได้นัดคู่ความพร้อมกัน ในวันนัดศาลสอบข้อเท็จจริงจากทนายโจทก์ และพิเคราะห์เหตุผลตามคำร้องของจำเลย แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังนี้ การที่ศาลขึ้นนั่งพิจารณาแล้วสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนแล้ว.