พบผลลัพธ์ทั้งหมด 191 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต: การพิจารณาเจตนาในการแปรรูปไม้เพื่อใช้ประโยชน์
ไม้ของกลางเป็นไม้สด ไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายแต่อย่างใด และไม่ปรากฏว่าจำเลยซื้อมาจากที่ไหนอย่างใด จำเลยได้เอาไม้ของกลางนี้มาฝังดินทำเป็นเสาเรือนโดยไม่ได้บากให้เป็นช่องรับไม้รอดที่ตียึดเสา กลับตีพุกประกับช่วย เป็นการแสดงเจตนาให้เห็นได้ว่าจำเลยเอามาทำเสาเรือนเพื่อพราง ไม่ใช่เพื่อให้เป็นเราเรือนอย่างถาวร ไม้ของกลางจึงยังไม่เป็นไม้แปรรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1493/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาว่าไม้แปรรูปอยู่ในสภาพสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ตามกฎหมายป่าไม้ จำเป็นต้องมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องคำให้การว่า++และโจทก์แถลงยังไม่ชัดแต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยว่าไม้สักที่จำเลยมีไว้ละใช้ตีพื้นตีฝา ไม้ลักษณะบานประตูหน้าต่างที่ยังไม่ติดอาคาร ไม้โครงเตียงที่ยังไม่ได้ประกอบเป็นเตียง เป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้หรือไม่ ก็จำต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีไม้แปรรูป ความผิดต่อเนื่อง และอำนาจแก้ไขศาลฎีกา
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในความครอบครองนั้น เป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดมาตั้งแต่วันมีไว้ในความครอบครองจนถึงวันที่เจ้าพนักงานจับกุมจำเลย
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2584 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2498 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2584 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2498 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความและความผิดต่อเนื่องในคดีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นใช้ผิด
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในความครอบครองนั้น เป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดมาตั้งแต่วันมีไว้ในครอบครองจนถึงวันที่เจ้าพนักงานจับกุมจำเลย
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปและครอบครองไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ แม้ได้รับอนุญาตทำไม้แล้ว ก็ต้องขออนุญาตแปรรูปอีก
ไม้ซึ่งแต่แรกจำเลยได้รับอนุญาตให้ทำ และมีไว้โดยชอบนั้น ถ้าจำเลยจะมีไม้นั้นซึ่งได้แปรรูปแล้วไว้ในครอบครองต่อไป จำเลยก็ต้องได้รับอนุญาตอีกชั้นหนึ่ง ฉะนั้นเป็นผิดตามาตรา 48 การถากซ้อมไม้นั้นเป็น+ โดยไม่ได้ขออนุญาตไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 50(1) จำเลยจึงมีความผิดฐานแปรรูปไม้ตามมาตรา 48 ด้วย และไม้นั้นเป็นไม้ที่มีไว้เนื่องจากการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ต้องริบตามมาตรา 74(อ้างฎีกาที่ 1551/2497)
จำเลยกระทำผิด 2 กระทง คือ ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลล่างลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท แล้วลดรับสารภาพ ก็เห็นได้ว่าลงโทษมาเฉพาะกระทงเดียว ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา73(2) แก้ไขโดย(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 แล้ว เพราะความผิดแต่ละกระทงโทษหนักเท่ากัน ศาลจะลงโทษกระทงใดกระทงหนึ่งแต่กระทงเดียวก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 167/2507)
จำเลยกระทำผิด 2 กระทง คือ ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลล่างลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท แล้วลดรับสารภาพ ก็เห็นได้ว่าลงโทษมาเฉพาะกระทงเดียว ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา73(2) แก้ไขโดย(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 แล้ว เพราะความผิดแต่ละกระทงโทษหนักเท่ากัน ศาลจะลงโทษกระทงใดกระทงหนึ่งแต่กระทงเดียวก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 167/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1099/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ของผู้ครอบครองไม้แปรรูป: ไม้ที่ใช้สร้างบ้านเกิน 2 ปี ไม่เป็นความผิด
ถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4(4) ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4 บัญญัติให้ผู้ครอบครองมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ไม้ในความครอบครองนั้นไม่เป็นไม้แปรรูปก็ตาม ในเรื่องนี้โจทก์ฎีกาได้แต่ข้อกฎหมาย เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพยานโจทก์ว่า ไม้นั้นไม่เป็นไม้แปรรูปแล้ว ไม้ของกลางที่มีไว้ก็ไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย จำเลยก็ไม่จำต้องนำสืบพิสูจน์อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1099/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่พิสูจน์ความเป็นไม้แปรรูปและการฟังข้อเท็จจริงจากพยาน
ถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2474 มาตรา 4(4) ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4 บัญญัติให้ผู้ครอบครองมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ไม้ในความครอบครองนั้นไม่เป็นไม้แปรรูปก็ตาม แต่ในเรื่องนี้โจทก์ฎีกาได้แต่ข้อกฎหมาย เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพยานโจทก์ว่า ไม้นั้นไม่เป็นไม้แปรรูปแล้ว ไม้ของกลางที่มีไว้ก็ไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย จำเลยก็ไม่จำต้องนำสืบพิสูจน์อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปvs.เครื่องใช้: การพิจารณาความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะทำเป็นบานหน้าต่างแล้ว
บานหน้าต่างไม้สักของกลางจำนวน 22 บาน ซึ่งเป็นบานโกลน ยังไม่ทำบังใบเพื่อให้เป็นบานซ้ายบานขวา ทั้งเจ้าพนักงานจับได้ขณะที่จำเลยบรรทุกบานหน้าต่างเหล่านั้นขึ้นรถยนต์จะนำไปยังที่อื่นในยามวิกาล ประมาณ1.00 น. ดังนี้ บานหน้าต่างไม้สักของกลางนั้น หาใช่เป็นบานหน้าต่างสำเร็จรูปที่มีสภาพเป็นเครื่องใช้ไม่ เมื่อจำเลยมีไว้โดยมิได้รับอนุญาตจำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993-996/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเกวียนและกระบือที่ใช้ในการลักลอบขนไม้แปรรูปผิดกฎหมาย
การที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเกิน 120 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม้นั้นเจ้าพนักงานจับได้ขณะบรรทุกอยู่เกวียนซึ่งเทียมด้วยกระบือนั้น ต้องฟังว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและกระบือเป็นพาหนะลากเข็นไม้แปรรูป ถือได้ว่าเกวียนและกระบือนั้นได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองแล้ว จึงเป็นองต้องริบตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเกวียนและโคที่เป็นอุปกรณ์ในการกระทำความผิดฐานมีไม้แปรรูปผิดกฎหมาย
เกวียนและโคที่จำเลยให้เป็นพาหนะบรรทุกไม้แปรรูปที่ผิดกฎหมายไปเพื่อจำหน่ายและเจ้าพนักงานจับได้ในระหว่างทางพร้อมด้วยไม้ของกลางนั้น เห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ.