พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความถูกต้องของพินัยกรรมและการเรียกร้องสิทธิในมรดก โดยมีข้อโต้แย้งเรื่องการตอบแทนและพินัยกรรมใหม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า มารดาของโจทก์จำเลยได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์จำเลยและหลาน ดังสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ไปขอรับมรดกที่ดินตามรายการข้อ 1 ของพินัยกรรมครึ่งหนึ่งจำเลยร้องคัดค้านเจ้าพนักงานจึงงดการรับมรดกไว้ และสั่งให้โจทก์ฟ้องต่อศาล ที่จำเลยคัดค้านการรับมรดกนั้นเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายการที่โจทก์ขอรับมรดกเพื่อลงชื่อเป็นเจ้าของนั้น เพราะโจทก์ได้ออกเงิน (ค่าที่ดิน)ทำศพ ตามคำสั่งของผู้ตายแล้ว ดังนี้ แม้รายการข้อ 1ของพินัยกรรมท้ายฟ้องจะว่าที่ดินแปลงนี้ให้โจทก์จำเลยบุตรจัดการขาย นำเงินที่ขายได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เมื่อตาย แต่เมื่ออ่านประกอบฟ้องก็พอจะได้ความว่ามิใช่กรณีรับมรดกเฉยๆ หากแต่มีการกระทำของโจทก์เป็นการตอบแทนอยู่ ครั้นเมื่อจำเลยให้การ จำเลยมิได้เถียงถึงสิทธิของโจทก์อันจะได้จากพินัยกรรมนี้เลย เป็นแต่เถียงว่าผู้ตายทำพินัยกรรมใหม่แล้วยกเลิกพินัยกรรมที่โจทก์อ้าง ประเด็นในคดีคงมีแต่เพียงว่าพินัยกรรมที่ฝ่ายใดอ้างเป็นพินัยกรรมที่ใช้ได้ ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไป จะว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกครึ่งหนึ่ง และพิพากษายกฟ้องเสียโดยไม่ฟังข้อเท็จจริงต่อไปนั้น ไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บำนาญตกทอดไม่ใช่ทรัพย์สินในมรดก ผู้จัดการมรดกไม่มีสิทธิเรียกร้อง
บำนาญตกทอดไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้ตายมีอยู่ในขณะตาย จึงไม่เป็นมรดก ฉะนั้น การที่ผู้จัดการมรดกฟ้องศาลให้พิพากษาให้ตนมีสิทธิเรียกบำนาญตกทอดจัดการมรดกจึงปราศจากมูลตามกฎหมายที่จะอ้างอิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละมรดกก่อนเจ้ามรดกถึงแก่กรรมเป็นโมฆะ การฟ้องแบ่งมรดกมีผลเพิกถอนทะเบียนรับมรดก
การสละมรดก่อนเจ้ามรดกถึงแก่กรรมย่อมเสียไป และไม่มีทางแสดงเจตนา ให้สัญญานั้นกลับมีผลขึ้นได้อีกอย่างไร ฉะนั้น ถ้าเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้ว ทายาทยังมีความตั้งใจสละมรดกอยู่เช่นเดิม ก็ต้องมีการแสดงเจตนาใหม่ให้ถูกต้องอีกชั้นหนึ่ง
โจทก์และจำเลยต่างเป็นทายาท เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งที่พิพาทให้ โจทก์ย่อมฟ้องเรียกให้แบ่งได้ และมีผลเท่ากับขอเพิกถอนการจดทะเบียนรับมรดกของจำเลยอยู่ในตัวโดยโจทก์ไม่จำต้องขอให้เพิกถอนทะเบียนอย่างใด
โจทก์และจำเลยต่างเป็นทายาท เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งที่พิพาทให้ โจทก์ย่อมฟ้องเรียกให้แบ่งได้ และมีผลเท่ากับขอเพิกถอนการจดทะเบียนรับมรดกของจำเลยอยู่ในตัวโดยโจทก์ไม่จำต้องขอให้เพิกถอนทะเบียนอย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละมรดกก่อนเจ้ามรดกถึงแก่กรรมเป็นโมฆะ การฟ้องแบ่งมรดกมีผลเพิกถอนการจดทะเบียนรับมรดก
การสละมรดกก่อนเจ้ามรดกถึงแก่กรรมย่อมเสียไปและไม่มีทางแสดงเจตนาให้สัญญานั้นกลับมีผลขึ้นได้อีกอย่างไรฉะนั้น ถ้าเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้ว ทายาทยังมีความตั้งใจสละมรดกอยู่เช่นเดิม ก็ต้องมีการแสดงเจตนาใหม่ให้ถูกต้องอีกชั้นหนึ่ง
โจทก์และจำเลยต่างเป็นทายาท เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งที่พิพาทให้ โจทก์ย่อมฟ้องเรียกให้แบ่งได้และมีผลเท่ากับขอเพิกถอนการจดทะเบียนรับมรดกของจำเลยอยู่ในตัว โดยโจทก์ไม่จำต้องขอให้เพิกถอนทะเบียนอย่างใด
โจทก์และจำเลยต่างเป็นทายาท เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งที่พิพาทให้ โจทก์ย่อมฟ้องเรียกให้แบ่งได้และมีผลเท่ากับขอเพิกถอนการจดทะเบียนรับมรดกของจำเลยอยู่ในตัว โดยโจทก์ไม่จำต้องขอให้เพิกถอนทะเบียนอย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บำนาญตกทอดไม่ใช่ทรัพย์สินในมรดก สิทธิเกิดจากกฎหมายเฉพาะ ผู้จัดการมรดกไม่มีสิทธิเรียกร้อง
บำนาญตกทอดไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้ตายมีอยู่ในขณะตายจึงไม่เป็นมรดก ฉะนั้นการที่ผู้จัดการมรดกฟ้องศาลให้พิพากษาให้ตนมีสิทธิเรียกบำนาญตกทอดมาจัดการมรดกจึงปราศจากมูลตามกฎหมายที่จะอ้างอิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดกที่ดินไม่มีโฉนด: โจทก์มีอำนาจฟ้อง แม้ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดก การแจ้งส.ค.1 ไม่ทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์
เมื่อสามีโจทก์ตาย ที่ดินไม่มีโฉนดของสามีโจทก์ตกทอดมาเป็นของโจทก์ตามกฎหมาย แม้โจทก์จะครอบครองแต่ผู้เดียวมาไม่ถึง 10 ปี และมิได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกโจทก์ก็ยังมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ผู้เดียว และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องได้
แม้ที่พิพาทจะไม่มีโฉนดแต่โจทก์ยกให้จำเลยโดยไม่ได้ทำหนังสือและจดทะเบียนฯและมิได้สละสิทธิครอบครองไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิ
การแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ไม่ใช่นิติกรรมการได้มาซึ่งที่ดินและการแจ้งการครอบครองร่วมกับเจ้าของที่ดินจะถือว่าได้สิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็ไม่ได้
แม้ที่พิพาทจะไม่มีโฉนดแต่โจทก์ยกให้จำเลยโดยไม่ได้ทำหนังสือและจดทะเบียนฯและมิได้สละสิทธิครอบครองไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิ
การแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ไม่ใช่นิติกรรมการได้มาซึ่งที่ดินและการแจ้งการครอบครองร่วมกับเจ้าของที่ดินจะถือว่าได้สิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือนาซาร์มีผลเมื่อตาย: การบังคับใช้กฎหมายอิสลามในเรื่องมรดกและการยกทรัพย์
ผู้ตายทำพินัยกรรม (นาซาร์) ปรารถนาจะให้ทรัพย์แก่โจทก์เมื่อตาย และโจทก์ยังไม่ได้ทรัพย์นั้นโดยการครอบครอง ทรัพย์นั้นยังคงเป็นของผู้ตายอยู่จนกระทั่งตาย และเป็นทรัพย์มรดกที่จะแบ่งปันตามกฎหมายอิสลาม (โจทก์จำเลยและผู้ตายเป็นอิสลามศาสนิก และเป็นคดีของศาลจังหวัดปัตตานี) เมื่อทรัพย์นั้นเป็นมรดกดะโต๊ะยุติธรรมต้องใช้กฎหมายอิสลามมาปรับแก่คดี
เจ้ามรดกทำหนังสือนาซาร์ไว้ หนังสือนี้เป็นพินัยกรรมหรือไม่ การแบ่งมรดกจะต้องแบ่งตามหนังสือนาซาร์หรือจะตกได้แก่ทายาท เป็นเรื่องของกฎหมายอิสลาม ดะโต๊ะยุติธรรมเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม
เมื่อดะโต๊ะยุติธรรมวินิจฉัยว่า หนังสือนาซาร์นี้เป็นพินัยกรรมมีผลเมื่อผู้ทำยกให้ตายแล้ว แต่มิใช่พินัยกรรมธรรมดาที่เรียกว่า "วาซียะ" เพราะผลนั้นย้อนหลังไปถึงวันที่กำหนด คือ ก่อนเจ็บตาย 3 วัน ซึ่งเป็นอำนาจของพินัยกรรมชนิดนี้ตามกฎหมายอิสลามก็ต้องเป็นไปตามนั้น และคำวินิจฉัยย่อมเด็ดขาด ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยใหม่ว่าเป็นการยกให้โดยมองผลย้อนหลังไม่ได้ เพราะหนังสือนี้มีผลเมื่อผู้ทำตาย จึงไม่เป็นการยกให้
เจ้ามรดกทำหนังสือนาซาร์ไว้ หนังสือนี้เป็นพินัยกรรมหรือไม่ การแบ่งมรดกจะต้องแบ่งตามหนังสือนาซาร์หรือจะตกได้แก่ทายาท เป็นเรื่องของกฎหมายอิสลาม ดะโต๊ะยุติธรรมเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม
เมื่อดะโต๊ะยุติธรรมวินิจฉัยว่า หนังสือนาซาร์นี้เป็นพินัยกรรมมีผลเมื่อผู้ทำยกให้ตายแล้ว แต่มิใช่พินัยกรรมธรรมดาที่เรียกว่า "วาซียะ" เพราะผลนั้นย้อนหลังไปถึงวันที่กำหนด คือ ก่อนเจ็บตาย 3 วัน ซึ่งเป็นอำนาจของพินัยกรรมชนิดนี้ตามกฎหมายอิสลามก็ต้องเป็นไปตามนั้น และคำวินิจฉัยย่อมเด็ดขาด ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยใหม่ว่าเป็นการยกให้โดยมองผลย้อนหลังไม่ได้ เพราะหนังสือนี้มีผลเมื่อผู้ทำตาย จึงไม่เป็นการยกให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือนาซาร์: พินัยกรรมภายใต้กฎหมายอิสลาม ผลย้อนหลังและการแบ่งมรดก
ผู้ตายทำพินัยกรรม (นาซาร์) ปรารถนาจะให้ทรัพย์แก่โจทก์เมื่อตาย และโจทก์ยังไม่ได้ทรัพย์นั้นโดยการครอบครอง ทรัพย์นั้นยังคงเป็นของผู้ตายอยู่จนกระทั่งตาย และเป็นทรัพย์มรดกที่จะแบ่งปันตามกฎหมายอิสลาม (โจทก์จำเลยและผู้ตายเป็นอิสลามศาสนิก และ เป็นคดีของศาลจังหวัดปัตตานี) เมื่อทรัพย์นั้นเป็นมรดกดะโต๊ะยุติธรรมต้องใช้กฎหมายอิสลามมาปรับแก่คดี
เจ้ามรดกทำหนังสือนาซาร์ไว้ หนังสือนี้เป็นพินัยกรรมหรือไม่ การแบ่งมรดกจะต้องแบ่งตามหนังสือนาซาร์หรือจะตกได้แก่ทายาท เป็นเรื่องของกฎหมายอิสลาม ดะโต๊ะยุติธรรมเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม
เมื่อดะโต๊ะยุติธรรมวินิจฉัยว่าหนังสือนาซาร์นี้เป็นพินัยกรรมมีผลเมื่อผู้ทำยกให้ตายแล้วแต่มิใช่พินัยกรรมธรรมดาที่เรียกว่า "วาซียะ" เพราะผลนั้นย้อนหลังไปถึงวันที่กำหนดคือ ก่อนเจ็บตาย 3 วัน ซึ่งเป็นอำนาจของพินัยกรรมชนิดนี้ตามกฎหมายอิสลามก็ต้องเป็นไปตามนั้นและคำวินิจฉัยย่อมเด็ดขาด ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยใหม่ว่าเป็นการยกให้โดยมองผลย้อนหลังไม่ได้ เพราะหนังสือนี้มีผลเมื่อผู้ทำตาย จึงไม่เป็นการยกให้
เจ้ามรดกทำหนังสือนาซาร์ไว้ หนังสือนี้เป็นพินัยกรรมหรือไม่ การแบ่งมรดกจะต้องแบ่งตามหนังสือนาซาร์หรือจะตกได้แก่ทายาท เป็นเรื่องของกฎหมายอิสลาม ดะโต๊ะยุติธรรมเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม
เมื่อดะโต๊ะยุติธรรมวินิจฉัยว่าหนังสือนาซาร์นี้เป็นพินัยกรรมมีผลเมื่อผู้ทำยกให้ตายแล้วแต่มิใช่พินัยกรรมธรรมดาที่เรียกว่า "วาซียะ" เพราะผลนั้นย้อนหลังไปถึงวันที่กำหนดคือ ก่อนเจ็บตาย 3 วัน ซึ่งเป็นอำนาจของพินัยกรรมชนิดนี้ตามกฎหมายอิสลามก็ต้องเป็นไปตามนั้นและคำวินิจฉัยย่อมเด็ดขาด ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยใหม่ว่าเป็นการยกให้โดยมองผลย้อนหลังไม่ได้ เพราะหนังสือนี้มีผลเมื่อผู้ทำตาย จึงไม่เป็นการยกให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับการแบ่งมรดกทำให้จำเลยมิอาจยกอายุความได้
แม้โจทก์ไม่ได้ครอบครองนาพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าอันเป็นมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งร่วมกับจำเลยมาหลายปีก็ดี หากจำเลยยอมรับกับโจทก์ว่ายินดีแบ่งนาพิพาทให้โจทก์แล้ว จำเลยก็จะยกอายุความว่าโจทก์มิได้ฟ้องร้องเรียกมรดกเสียภายใน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตายไม่ได้ เพราะจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องแบ่งมรดก: ผู้ฟ้องต้องพิสูจน์การครอบครองร่วม หากพิสูจน์ไม่ได้ ฟ้องขาดอายุความ
โจทก์จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก ซึ่งตายมาประมาณ 6 ปีแล้ว โจทก์ เพิ่งฟ้องขอแบ่งมรดก ฝ่ายจำเลยสู้ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ฝ่ายโจทก์รับว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์มรดกอยู่ แต่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกับจำเลย เป็นหน้าที่ฝ่ายโจทก์จะต้องนำสืบว่า ฝ่ายโจทก์ได้ครอบครองมรดกร่วมกับฝ่ายจำเลย หากโจทก์นำสืบไม่ได้ก็ต้องถือว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ