พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,473 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4328/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายยาเสพติด – การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหา – ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษฐานครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้ข้อกล่าวหาเดิมไม่ตรง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 กับ ศ. ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 3 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่สายลับ แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 ซื้อเมทแอมเฟตามีน มาจากจำเลยที่ 2 จำนวน 10 เม็ด ได้เสพไปจนเหลือ 3 เม็ด แล้วจำเลยที่ 1 กับ ศ. นำเม็ดแอมเฟตามีนไปจำหน่ายให้แก่สายลับ โดยจำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างไปจากข้อเท็จจริงที่โจทก์ฟ้องในข้อสาระสำคัญ ทั้งการกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับด้วย จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 2 ในข้อหาดังกล่าวได้
การที่จำเลยที่ 2 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 3 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
การที่จำเลยที่ 2 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 3 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4300/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งแยกความผิดและลงโทษจำเลยแต่ละรายในคดีร่วมกันมียาเสพติด การพิจารณาโทษเฉพาะส่วน
จำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีน 5 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นคนละจำนวนกับเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 โดยนำเมทแอมเฟตามีน 5 เม็ด ดังกล่าวมารวมกับเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด ที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย โดยที่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 จึงไม่ถูกต้องและถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 5 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด เท่านั้น ปัญหานี้แม้โจทก์และจำเลยที่ 1 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี จึงพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3805/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์จากความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด: การครอบครองเพื่อขายเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามยาเสพติด
การที่ผู้จะถูกริบทรัพย์ ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (อีเฟดรีน และ เพโมลีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขาย ซึ่งเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ดังนี้ การมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขาย จึงอยู่ในความหมายของความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3678/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อมูลให้ความร่วมมือตำรวจหลังศาลตัดสิน ไม่เป็นเหตุให้ได้รับประโยชน์จากกฎหมายลดโทษยาเสพติด
ข้อเท็จจริงที่เป็นข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษที่จำเลยให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจอันจะเป็นเหตุให้ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดโดยอาศัย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 นั้น จะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ได้เกิดขึ้นก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษา เมื่อปรากฏว่าข้อมูลที่จำเลยอ้างว่าเป็นผู้ให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจจนสามารถจับคนร้ายซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายยาเสพติดให้โทษได้นั้น เกิดขึ้นภายหลังจากที่จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจที่จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3541/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการค้ายาเสพติด: ความรับผิดของผู้ชี้ช่องและบทลงโทษ
จำเลยที่ 6 เป็นเครือข่ายของขบวนการค้ายาเสพติด ต้องการขายเมทแอมเฟตามีน พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจึงปลอมตัวไปติดต่อล่อซื้อกับจำเลยที่ 6 ในครั้งแรกจำเลยที่ 6 เสนอขายเมทแอมเฟตามีน 300,000 เม็ด ราคาเม็ดละ 65 บาท มีการขอดูเงินที่จะซื้อแล้ว จำเลยที่ 6 ขอรับเงินก่อน พยานโจทก์ไม่ยอม ต่อมาจำเลยที่ 6 พาจำเลยที่ 1 มาพบพยานโจทก์และมีการแนะนำจำเลยที่ 1 ให้รู้จักกับพยานโจทก์ในครั้งนี้จำเลยที่ 6 เสนอขายเมทแอมเฟตามีน 100,000 เม็ด ราคาเม็ดละ 32 บาท มีการขอดูเงินก่อนและพวกจำเลยที่ 1 จะขอรับเงินครึ่งหนึ่งก่อนส่งมอบเมทแอมเฟตามีน พยานโจทก์ไม่ยอม หลังจากนั้น 2 เดือนเศษ ต่อมาจำเลยที่ 1 ติดต่อกับพยานโจทก์โดยตรง เป็นเหตุให้จับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ได้ โดยจำเลยที่ 6 ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ปรากฏว่าระหว่างที่ติดต่อกับจำเลยที่ 1 มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับจำเลยที่ 6 ทั้งฟังไม่ได้ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 6 เป็นผู้บอกขาย ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 6 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ในการมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลาง แต่ถือว่าการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นผลสำเร็จได้จากการชี้ช่องของจำเลยที่ 6 ซึ่งอยู่ในเครือข่ายค้ายาเสพติดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 6 จึงเป็นผู้สนับสนุนในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่พยานโจทก์ ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 6 ได้เพราะไม่เกินคำขอของโจทก์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2967/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งบรรจุยาเสพติดเพื่อจำหน่ายเข้าข่ายความผิดฐาน 'ผลิต' ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 บัญญัติว่า "ผลิต" หมายความว่า เพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์และให้หมายความรวมถึง การแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุด้วย ดังนั้น การที่จำเลยแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนใส่หลอดกาแฟ 6 หลอด หลอดละ 10 เม็ด และยังเตรียมบรรจุอีก 2,600 เม็ด ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสะดวกแก่การจำหน่าย ทำให้ยาเสพติดให้โทษแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น อันเป็นอันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรง จึงเป็นความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษใหม่ตามกฎหมายยาเสพติดที่แก้ไข กรณีโทษเดิมหนักกว่าโทษใหม่
ความผิดฐานผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายตาม พ.รบ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 65 วรรคสอง (เดิม) ต้องระวางโทษประหารชีวิตสถานเดียว ศาลอุทธรณ์ภาค 9 จึงพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงจำคุก 25 ปี เช่นนี้ต้องถือว่าโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 กำหนดตามคำพิพากษาคือโทษประหารชีวิต มิใช่โทษจำคุก 25 ปี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อปรากฏว่าระหว่างที่จำเลยกำลังรับโทษตามคำพิพากษาซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วนั้น ได้มี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 9 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 65 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน ซึ่งเฮโรอีนที่จำเลยผลิตโดยการแบ่งบรรจุมีน้ำหนัก 0.30 กรัม เป็นที่เข้าใจว่าหากคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์คงไม่ถึง 3 กรัม เมื่อจำเลยผลิตเฮโรอีนของกลางโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยจึงต้องด้วยมาตรา 65 วรรคสี่ ที่แก้ไขใหม่ ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงห้าล้านบาท อันเป็นคุณแก่จำเลยมากกว่ากฎหมายเดิม เมื่อโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 กำหนดคือโทษประหารชีวิต หนักกว่าโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงห้าล้านบาทตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ศาลต้องกำหนดโทษให้จำเลยใหม่ตามโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตาม ป.อ. มาตรา 3 (1) มิใช่ถือเอาโทษจำคุก 25 ปี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ลดโทษให้แล้วมาเป็นหลักในการเปรียบเทียบกับโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด: รถยนต์, โทรศัพท์, เงินสด และการพิจารณาความเชื่อมโยงกับการกระทำผิด
จำเลยที่ 3 ใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะไปซื้อผักกาดขาวมาใช้ซ่อนเร้นเมทแอมเฟตามีนของกลาง และพาจำเลยที่ 5 และที่ 6 ซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไปส่งที่ศาลาพักผู้โดยสาร อันเป็นการใช้รถยนต์ของกลางในการกระทำความผิดหรือให้ได้รับผลในการกระทำความผิดโดยตรงอันจะพึงริบตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 และ ป.อ. มาตรา 33 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์ต้องแสดงถึงเจตนาและพฤติการณ์ร่วมกัน
ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของสายลับโทรถึงจำเลยที่ 2 ให้นำ 3,4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน 4 เม็ด มาส่งให้จำเลยที่ 1 เพื่อจำหน่ายแก่สายลับ จากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบ 3,4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้สายลับและรับเงินจากสายลับก็เพื่อหักเอากำไรไว้ก่อน ก่อนที่จะชำระแก่จำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 2 มี 3,4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน 8 เม็ด และส่งให้จำเลยที่ 1 เพื่อจำหน่ายแก่สายลับ 4 เม็ด แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยมีพฤติการณ์ร่วมกันจำหน่าย 3,4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนมาก่อน จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ครอบครอง 3,4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน 8 เม็ด เพื่อจำหน่ายอีกฐานหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21103/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติด แม้ผู้คัดค้านอ้างรายได้จากอาชีพอื่น ศาลพิพากษายืนริบทรัพย์สิน
ผู้ร้องฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ระหว่างพิจารณาคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน มีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 จำนวน 6 รายการ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริตเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษผู้คัดค้านที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ยกฟ้องผู้คัดค้านที่ 2 พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติว่า "เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ถ้าปรากฏหลักฐานว่าจำเลยหรือผู้ถูกตรวจสอบเป็นผู้เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบรรดาเงินหรือทรัพย์สินที่ผู้นั้นมีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริตเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด" ดังนั้น ทรัพย์สินตามคำร้องต้องด้วยข้อสันนิษฐานของบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวว่า เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 จึงมีภาระในการพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว มาตรา 29 (1) (2) ว่าทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือได้ทรัพย์สินมาโดยสุจริต ทางนำสืบของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ได้ความว่า ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 มีรายได้จากการประกอบอาชีพขายมีด ถ่าน และไม้กวาด สัปดาห์ละ 4 วัน ผู้คัดค้านที่ 1 มีรายได้จากการขับรถจักรยานยนต์รับจ้างสัปดาห์ละ 3 วัน รายได้จากการรับจ้างบรรทุกศพไม่แน่นอนแล้วแต่จะมีผู้ว่าจ้างไม่น่าเชื่อว่าในแต่ละเดือนจะมีเงินฝากในบัญชีแต่ละบัญชีจำนวนมาก บางเดือนมีเงินเข้าฝากหลายครั้ง และตามบันทึกถ้อยคำเอกสารหมาย ร.16 และ ร.17 ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ให้การรับว่าเงินดังกล่าวได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของผู้คัดค้านที่ 1 ผู้คัดค้านที่ 2 ให้การด้วยว่ารู้เห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของผู้คัดค้านที่ 1 แม้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องผู้คัดค้านที่ 2 แต่ได้ความว่าผู้คัดค้านที่ 2 ทราบว่าผู้คัดค้านที่ 1 มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน และผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาของผู้คัดค้านที่ 1 มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของผู้คัดค้านที่ 1 ทรัพย์สินทั้ง 6 รายการ จึงเป็นทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 มีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริต เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของผู้คัดค้านที่ 1