พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้ประโยชน์ทางสาธารณะ การรุกล้ำที่ดิน และอายุความละเมิด
ถนนสาธารณะอยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล แต่ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน โจทก์มีที่ดินและบ้านเรือนอยู่ติดถนนสาธารณะดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์จากการใช้ถนนสาธารณะนั้นยิ่งกว่าบุคคลทั่วไปการที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนปิดกั้นถนนสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามปกติโจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้ จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไป คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ประโยชน์ถนนสาธารณะ การละเมิดสิทธิ และอายุความของการกระทำละเมิดต่อเนื่อง
แม้ถนนสาธารณะจะอยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล แต่ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะโจทก์ซึ่งมีที่ดินและบ้านเรือนอยู่ติดถนนสาธารณะดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์จากการใช้ถนนสาธารณะนั้นยิ่งกว่าบุคคลทั่วไป การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนปิดกั้นถนนสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้ การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นถนนสาธารณะเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไป คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2558/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์, ค่าปลงศพ, ค่าอุปการะเลี้ยงดู, และการฟ้องแทนผู้เยาว์
โจทก์เป็นสามีของผู้ตาย ไม่ปรากฏว่ามีพินัยกรรมเป็นอย่างอื่น โจทก์จึงเป็นผู้ได้รับทรัพย์มรดกโดยสิทธิทายาทโดยธรรมของผู้ตายเป็นจำนวนมากที่สุด เป็นผู้มีอำนาจและมีหน้าที่ต้องจัดการทำศพผู้ตายตาม ป.พ.พ.มาตรา 1649 โจทก์จึงมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าปลงศพภริยาโจทก์ก็ได้ แม้บิดาโจทก์จะได้ออกเงินให้โจทก์ใช้จ่ายในการทำศพ จำเลยก็จะมายกเป็นข้อปัดป้องความรับผิดของจำเลยหาได้ไม่.
ลูกจ้างประสบอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานและอธิบดีกรมแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าทดแทนให้แก่มารดา สามี และบุตร เป็นการจ่ายเงินเพื่อการคุ้มครองแรงงานไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิด โจทก์ซึ่งเป็นสามีของลูกจ้างผู้ตายยังคงมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเรื่องละเมิดได้.
ในตอนต้นของคำฟ้องโจทก์มีชื่อโจทก์เพียงผู้เดียว แต่โจทก์เป็นบิดาผู้ใช้อำนาจปกครองและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กหญิง จ. และปรากฏในคำฟ้องว่า โจทก์กับนาง ส.ผู้ตายมีบุตรด้วยกันคือ เด็กหญิง จ. ทั้งโจทก์เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูไว้เป็นจำนวนเงินชัดเจน ถือได้ว่าโจทก์ได้ฟ้องคดีในฐานะบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ด้วยแล้ว.
ลูกจ้างประสบอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานและอธิบดีกรมแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าทดแทนให้แก่มารดา สามี และบุตร เป็นการจ่ายเงินเพื่อการคุ้มครองแรงงานไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิด โจทก์ซึ่งเป็นสามีของลูกจ้างผู้ตายยังคงมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเรื่องละเมิดได้.
ในตอนต้นของคำฟ้องโจทก์มีชื่อโจทก์เพียงผู้เดียว แต่โจทก์เป็นบิดาผู้ใช้อำนาจปกครองและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กหญิง จ. และปรากฏในคำฟ้องว่า โจทก์กับนาง ส.ผู้ตายมีบุตรด้วยกันคือ เด็กหญิง จ. ทั้งโจทก์เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูไว้เป็นจำนวนเงินชัดเจน ถือได้ว่าโจทก์ได้ฟ้องคดีในฐานะบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ด้วยแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การประเมินค่าเสียหายทางกายและทรัพย์สิน
โจทก์ที่ 1 ได้รับบาดเจ็บสะบ้า หัวเข่าขวาแตก ได้รับอันตรายสาหัสนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึง15 วัน และเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วยังต้องไปรักษาตัวต่อที่บ้านอีกหลายเดือนจึงค่อย เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นแต่ก็ยังไม่ปกติ สมควรกำหนดค่าป่วยเจ็บที่ต้องทนทุกข์ทรมาน 10,000 บาท.
หลังเกิดเหตุโจทก์ที่ 1 ไม่สามารถใช้เข่าขวาได้ดีเหมือนเดิม นั่งพับเพียบไม่ได้ นั่งยอง ๆ ไม่ได้ ขาไม่มีกำลัง ไม่สามารถวิ่งและออกกำลังกาย ได้ เห็นได้ว่าโจทก์ที่ 1 ได้เสื่อมเสียบุคลิกภาพไป สมควรกำหนดค่าเสียหายให้10,000 บาท.
หลังเกิดเหตุโจทก์ที่ 1 ไม่สามารถใช้เข่าขวาได้ดีเหมือนเดิม นั่งพับเพียบไม่ได้ นั่งยอง ๆ ไม่ได้ ขาไม่มีกำลัง ไม่สามารถวิ่งและออกกำลังกาย ได้ เห็นได้ว่าโจทก์ที่ 1 ได้เสื่อมเสียบุคลิกภาพไป สมควรกำหนดค่าเสียหายให้10,000 บาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดราชการ: การคำนวณค่าเสียหายจากบำนาญถือเป็นค่าเสียหายในมูลละเมิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งเจ็ดกระทำการโดยไม่ชอบ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการและกระทำการขัดต่อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน จนกระทั่งจำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ ทำให้โจทก์หมดสิทธิในการรับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ดังนี้ ฟ้องโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิในการรับราชการของโจทก์ แม้โจทก์คำนวณจำนวนเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญก็มีสภาพเป็นค่าเสียหายในมูลละเมิดนั่นเอง ต้องใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: การละเมิดสิทธิราชการและการเรียกร้องค่าเสียหายจากบำเหน็จบำนาญ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งเจ็ดกระทำการโดยไม่ชอบ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการและกระทำการขัดต่อ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน จนกระทั่งจำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ ทำให้โจทก์หมดสิทธิในการรับบำเหน็จบำนาญตาม กฎหมายเป็นการละเมิดต่อ โจทก์ ดังนี้ ฟ้องโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิในการรับราชการของโจทก์ แม้โจทก์คำนวณจำนวนเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับตาม พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ ก็มีสภาพเป็นค่าเสียหายในมูลละเมิดนั่นเอง ต้องใช้ อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึง การละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้อง ใช้ ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์จึงขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่เป็นไปตามฟอร์ม, คำสั่งระหว่างพิจารณา, และการกระทำโดยสุจริตที่ไม่ถือเป็นการละเมิด
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ ถ้า ศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ รับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
การที่จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อ ใน น.ส. 3 ด้วย จำเลยจึงได้ มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
การที่จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อ ใน น.ส. 3 ด้วย จำเลยจึงได้ มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่เป็นไปตามฟอร์ม, คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่โต้แย้ง, และการกระทำละเมิดจากความเชื่อโดยสุจริต
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 90แต่ถ้าศาลเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน.
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย คำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว.
การที่จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะและเมื่อโจทก์มีชื่อใน น.ส.3 ด้วย จำเลยจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด.
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย คำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว.
การที่จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะและเมื่อโจทก์มีชื่อใน น.ส.3 ด้วย จำเลยจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำต้องห้าม & ละเมิดจากการขัดขวางการขายที่ดิน
คดีเดิม ศาลได้ วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า รูปแผนที่แบ่งแยกตามที่ช่างแผนที่สำนักงานที่ดินทำมาถูกต้อง ตรง ตาม ข้อตกลงของโจทก์จำเลยในชั้น บังคับคดีแล้ว ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกโฉนด ที่ดินเลขที่๑๔๘๘ ให้แก่โจทก์ไปตาม รูปแผนที่นั้น ซึ่ง ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้ จัดการแบ่งแยกออกเป็นโฉนด เลขที่ ๑๗๓๖๔ ให้แก่โจทก์ไปแล้วคดีนี้จำเลยซึ่ง เป็นคู่ความเดียวกับคดีก่อนได้ ยกข้อต่อสู้และฟ้องแย้งว่า รูปแผนที่ในที่ดินโฉนด เลขที่ ๑๗๓๖๔ ไม่ถูกต้องขึ้นมาอีก เป็นเรื่องจำเลยรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดย อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘
โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตาม โฉนด เลขที่ ๑๗๓๖๔เพื่อขายให้แก่ บ. กับพวก จำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อ เจ้าพนักงานที่ดินโดย รู้อยู่แล้วว่าโฉนด ดังกล่าวออกมาโดยชอบ เป็นการจงใจกระทำโดย ผิด กฎหมายให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดิน และได้รับเงินจาก บ. กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อ โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจาก บ. กับพวก ซึ่ง ถ้า โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ย ร้อยละ ๑๒ ต่อปี จำเลยจึงต้อง รับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย.
โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตาม โฉนด เลขที่ ๑๗๓๖๔เพื่อขายให้แก่ บ. กับพวก จำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อ เจ้าพนักงานที่ดินโดย รู้อยู่แล้วว่าโฉนด ดังกล่าวออกมาโดยชอบ เป็นการจงใจกระทำโดย ผิด กฎหมายให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดิน และได้รับเงินจาก บ. กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อ โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจาก บ. กับพวก ซึ่ง ถ้า โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ย ร้อยละ ๑๒ ต่อปี จำเลยจึงต้อง รับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำต้องห้าม-ละเมิดจากการคัดค้านรังวัดที่ดิน ศาลพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายดอกเบี้ย
คดีเดิมศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า รูปแผนที่แบ่งแยกตามที่ช่างแผนที่สำนักงานที่ดินจังหวัดทำมาถูกต้องตรงตามข้อตกลงของโจทก์จำเลยในชั้นบังคับคดีแล้ว ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกโฉนดที่ดินเลขที่ 1488 ให้แก่โจทก์ไปตามรูปแผนที่แบ่งแยกนั้นซึ่งต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้จัดการแบ่งแยกออกเป็นโฉนดเลขที่ 17364 ให้แก่โจทก์ไปแล้ว คดีนี้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันกับในคดีก่อนได้ยกข้อต่อสู้และฟ้องแย้งว่ารูปแผนที่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 17364 ไม่ถูกต้องขึ้นมาอีก เป็นเรื่องที่จำเลยรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
โจทก์ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดเลขที่ 17364 เพื่อขายให้แก่ บ. กับพวกจำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยรู้อยู่แล้วว่าโฉนดดังกล่าวออกมาโดยชอบ เป็นการจงใจกระทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดินและได้รับเงินจาก บ. กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลืออีก 600,000 บาท จาก บ. กับพวก ซึ่งถ้าโจทก์นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)
โจทก์ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดเลขที่ 17364 เพื่อขายให้แก่ บ. กับพวกจำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยรู้อยู่แล้วว่าโฉนดดังกล่าวออกมาโดยชอบ เป็นการจงใจกระทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดินและได้รับเงินจาก บ. กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลืออีก 600,000 บาท จาก บ. กับพวก ซึ่งถ้าโจทก์นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)