คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความรับผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,971 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเอกอัครราชทูตต่อความเสียหายจากการยักยอกเงินของลูกน้อง เนื่องจากการละเลยควบคุมดูแล
การที่จำเลยที่2ได้มอบหมายให้จำเลยที่1ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดซึ่งจำเลยที่1มีหน้าที่จัดทำบัญชีแต่มิได้จัดทำไว้ตามระเบียบและจำเลยที่2ก็มิได้ควบคุมดูแลให้จำเลยที่1ปฏิบัติให้ถูกต้องหากจำเลยที่2ควบคุมดูแลจะทราบได้ว่ามีการปลอมเอกสารและจำเลยที่1ยักยอกเงินไปแม้จำเลยที่2จะได้แต่งตั้งให้จ. ควบคุมดูแลอีกชั้นหนึ่งเมื่อจำเลยที่2เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมดูแลอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้จำเลยที่2พ้นความรับผิด ส่วนความเสียหายที่จำเลยที่1ปลอมลายมือชื่อจำเลยที่2ลงในเช็คแล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารนั้นความเสียหายของโจทก์ทั้งสองย่อมเกิดขึ้นแล้วส่วนเงินจำนวนดังกล่าวแม้จะมีคนต้องรับผิดหลายคนโจทก์ทั้งสองจะเลือกฟ้องให้บางคนรับผิดก็เป็นสิทธิที่จะทำได้เมื่อจำเลยที่2ประมาทเลินเล่ออันเป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองก็ไม่ทำให้จำเลยที่2พ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดครองที่ดินของรัฐ: ความผิดเกิดขึ้นทันทีหลังการกระทำ ไม่ต้องรอการแจ้งเตือน
ฎีกาของจำเลยทั้งสามมีใจความกล่าวถึงคำฟ้องคำให้การและศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าอย่างไร หาได้มีข้อความคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
กรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยทั้งสามที่เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐให้ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดถ้าจำเลยทั้งสามเพิกเฉยหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องมีคำสั่งเป็นหนังสือให้จำเลยทั้งสามออกจากที่ดินนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนดก็ต่อเมื่อเป็นการเข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ใช้บังคับ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1)ประกอบมาตรา 108 วรรคแรก แต่การครอบครองที่ดินของรัฐของจำเลยทั้งสามเกิดขึ้นหลังจากวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ใช้บังคับ การกระทำของจำเลยทั้งสามย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1), 108 ทวิในทันทีที่เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐ หาจำต้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่กระทำการต่าง ๆ ดังกล่าวเสียก่อนไม่
ความผิดฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐเกิดขึ้นตั้งแต่ขณะจำเลยทั้งสามเข้าไปยึดถือครอบครองและจะคงเป็นความผิดเช่นนั้นตลอดไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะออกไป เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุในฟ้อง จำเลยทั้งสามยึดถือ ครอบครองที่ดินเกิดเหตุย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่ตรงกับในฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงด้วยว่า ก่อนหน้าวันเกิดเหตุตามฟ้องจำเลยทั้งสามได้เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินเกิดเหตุต่อเนื่องกันมาจนถึงวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง ก็เป็นการฟังข้อเท็จจริงประกอบกันว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้องจริง หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงแตกต่างกับในฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีต้องรับผิด แม้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการยึดทรัพย์
โจทก์เป็นผู้นำ เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของจำเลยซึ่งเป็น ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตามปกติแล้วโจทก์เป็นฝ่ายมีหน้าที่ต้องชำระ ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายตามตาราง5ข้อ3ท้ายป.วิ.พ.และป.วิ.พ.มาตรา149แต่มาตรา149อยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดชั้นที่สุดของคู่ความในเรื่อง ค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งมาตรา161วรรคแรกบัญญัติให้ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีและวรรคสองบัญญัติว่าถ้ามิได้ระบุค่าฤชาธรรมเนียมชนิดใดไว้โดยเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมนั้นให้รวมถึงค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วยคดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีจึงต้องรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีอย่างไรก็ตามบทบัญญัติมาตรา161วรรคแรกให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2727/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้เช่าซื้อและนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างในการใช้รถยนต์
จำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์มอบให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างเป็นผู้ใช้สอยรถยนต์คันดังกล่าวก็เพื่อให้จำเลยที่ 1 ติดต่อการงานให้แก่จำเลยที่ 2จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองใช้และได้รับประโยชน์ในรถยนต์คันดังกล่าวอยู่ในขณะเกิดเหตุ ดังนั้นจำเลยที่ 2 จะอ้างว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของผู้ให้เช่าซื้อและจำเลยที่ 2 เช่าซื้อมาให้จำเลยที่ 1 ใช้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่
พนักงานขายของจำเลยที่ 2 สามารถใช้รถของจำเลยที่ 2จนกว่าจะปฏิบัติงานเสร็จสิ้นแล้วจึงจะนำมาคืน โดยอาจจะปฏิบัติงานในในเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ได้ เมื่อปรากฏว่าในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปปฏิบัติงานให้แก่จำเลยที่ 2 จึงถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าเกิดเหตุนอกเวลาทำการงาน และจำเลยที่ 1 มิได้หมายเหตุไว้ในบัตรตอกเวลาทำงานว่าจำเลยที่ 1ต้องปฏิบัติงานนอกเวลาเพื่อให้จำเลยที่ 2 ทราบ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องภายในระหว่างพนักงานของจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2727/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เช่าซื้อรถยนต์มอบให้ลูกจ้างใช้ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้าง
จำเลยที่2เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์มอบให้จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างเป็นผู้ใช้สอยรถยนต์คันดังกล่าวก็เพื่อให้จำเลยที่1ติดต่อการงานให้แก่จำเลยที่2จึงต้องถือว่าจำเลยที่2เป็นผู้ครอบครองใช้และได้รับประโยชน์ในรถยนต์ค้นดังกล่าวอยู่ในขณะเกิดเหตุดังนั้นจำเลยที่2จะอ้างว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของผู้ให้เช่าซื้อและจำเลยที่2เช่าซื้อมาให้จำเลยที่1ใช้จำเลยที่2จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ พนักงานขายของจำเลยที่2สามารถใช้รถของจำเลยที่2จนกว่าจะปฏิบัติงานเสร็จสิ้นแล้วจึงจะนำมาคืนโดยอาจจะปฏิบัติงานในในเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ได้เมื่อปรากฎว่าในวันเกิดเหตุจำเลยที่1ได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปปฏิบัติงานให้แก่จำเลยที่2จึงถือได้ว่าจำเลยที่1ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่2จำเลยที่2จะอ้างว่าเกิดเหตุนอกเวลาทำการงานและจำเลยที่1มิได้หมายเหตุไว้ในบัตรตอกเวลาทำงานว่าจำเลยที่1ต้องปฏิบัติงานนอกเวลาเพื่อให้จำเลยที่2ทราบจำเลยที่2จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่เพราะเป็นเรื่องภายในระหว่างพนักงานของจำเลยที่2กับจำเลยที่2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานออกเช็คที่ไม่มีเงินเพียงพอ ต้องเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย
แม้หนี้ตามสัญญาจะเนื่องมาจากต. ภริยาโจทก์นำบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสไปจำนองประกันหนี้ที่จำเลยกู้ยืมเงินจากธนาคารและโจทก์กับภริยาต้องชำระหนี้แทนจำเลยจึงเป็นเจ้าหนี้จำเลยร่วมกันแต่สัญญาพิพาทระบุว่าไว้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยยืมเงินจากต. และชำระหนี้เป็นเช็ครวม4ฉบับซึ่งรวมเช็คพิพาทด้วยโจทก์ลงชื่อเป็นพยานเท่านั้นก็ต้องฟังว่าจำเลยยืมเงินจากต. และออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่ต. ไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมไม่ใช่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การแบ่งความรับผิด และข้อยกเว้นการเรียกร้องค่าเสียหาย
เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าเหตุละเมิดเกิดจากจำเลยที่1ได้ขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่2ชนรถยนต์ฝ่ายโจทก์โดย ประมาทเลินเล่อจำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงฟังได้เป็นยุติปัญหาที่ว่าโจทก์ที่1ไม่มีส่วนประมาทเลินเล่อร่วมด้วยตามที่โจทก์ที่2ฎีกาหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะหากวินิจฉัยแล้วผลออกมาว่าโจทก์ที่1มีส่วนประมาทเลินเล่อร่วมด้วยจำเลยทั้งสองก็ยังต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่2อยู่เช่นเดิม โจทก์ที่2มิได้มีส่วนในการทำละเมิดด้วยจึงนำป.พ.พ.มาตรา442มาใช้บังคับแก่โจทก์ที่2หาได้ไม่การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ที่1และจำเลยที่1ต่างมีส่วนประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันจำเลยที่1และที่2จึงร่วมกันรับผิดในความเสียหายเพียงกึ่งเดียวส่วนอีกกึ่งหนึ่งโจทก์ที่2จะต้องไปเรียกร้องจากโจทก์ที่1จึงไม่ชอบเพราะโจทก์ที่2ไม่ได้ฟ้องให้โจทก์ที่1รับผิดชอบใช้ค่าเสียหายร่วมกับจำเลยทั้งสองด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างขณะปฏิบัติงาน แม้ก่อนเวลาทำงานปกติ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 บ.ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ขับรถยนต์และดูแลรถคันเกิดเหตุยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปทำงานโดยลำพังแต่ผู้เดียวแล้วจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ไปชนโจทก์โดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์บาดเจ็บ ได้รับอันตรายถึงสาหัส จำเลยที่ 1ขับรถยนต์ไปทำงานให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้าง แม้เหตุจะเกิดก่อนเวลาถึงเวลาทำงานตามปกติของร้านจำเลยที่ 2 ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง กรณีลูกจ้างขับรถชนบุคคลภายนอกขณะทำหน้าที่
บ. ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่2มีหน้าที่ขับรถยนต์ยินยอมให้จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่2ด้วยขับรถยนต์ของจำเลยที่2ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนไปทำงานโดยลำพังแล้วเกิดเหตุชนโจทก์โดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์บาดเจ็บแม้เหตุจะเกิดก่อนเวลาทำงานปกติของจำเลยที่2ก็ถือได้ว่าจำเลยที่1ได้ขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่2จำเลยที่2จึงต้องร่วมกับจำเลยที่1รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติงาน แม้ก่อนเวลาทำงานปกติ
จำเลยที่1เป็นลูกจ้างของจำเลยที่2 บ. ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่2มีหน้าที่ขับรถยนต์และดูแลรถคันเกิดเหตุยินยอมให้จำเลยที่1ขับรถยนต์ของจำเลยที่2ไปทำงานโดยลำพังแต่ผู้เดียวแล้วจำเลยที่1ได้ขับรถยนต์ไปชนโจทก์โดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์บาดเจ็บได้รับอันตรายถึงสาหัสจำเลยที่1ขับรถยนต์ไปทำงานให้จำเลยที่2ซึ่งเป็นนายจ้างแม้เหตุจะเกิดก่อนเวลาถึงเวลาทำงานตามปกติของร้านจำเลยที่2ก็ถือได้ว่าจำเลยที่1ได้ขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่2จำเลยที่2จึงต้องร่วมกับจำเลยที่1รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
of 498