คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าเสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,822 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดจากอุบัติเหตุทางจราจร: เริ่มนับแต่วันเกิดเหตุหรือวันที่ชำระค่าเสียหาย
กำหนดอายุความตามกฎหมายนั้น ต้องเริ่มนับแต่ขณะอาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป เมื่อข้อเท็จจริงคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์กระทำละเมิดในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์และของบุคคลอื่นเสียหาย อันเป็นสิทธิเรียกร้องจากการที่ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย และที่โจทก์ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ดังนี้ ค่าเสียหายในส่วนค่าซ่อมรถของโจทก์เองที่โจทก์ต้องจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างซ่อมเป็นค่าเสียหายที่โจทก์อาจเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ได้นับแต่วันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นวันที่ก่อให้เกิดความเสียหายอันเป็นขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ อายุความจึงนับเริ่มแต่นั้นมิใช่เริ่มแต่วันที่โจทก์ใช้ค่าซ่อมรถให้ผู้รับจ้างซ่อม ฉะนั้นแม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงก็ตาม แต่นับตั้งแต่วันทำหนังสือรับสภาพหนี้ถึงวันฟ้องก็เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์ส่วนนี้จึงขาดอายุความ สำหรับค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์ในฐานนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับจำเลย เมื่อโจทก์ได้ชดใช้ให้แก่บุคคลอื่นที่ได้รับความเสียหายจากการทำละเมิดของจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างไปแล้ว โจทก์ก็ชอบจะให้รับการชดใช้จากจำเลยได้นับแต่วันที่โจทก์ชดใช้ให้บุคคลอื่น ดังนั้น อายุความกรณีนี้จึงต้องเริ่มนับแต่วันดังกล่าว อันเป็นขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ เมื่อนับถึงวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด 10 ปี ฟ้องโจทก์ส่วนนี้จึงไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากละเมิดในทางการจ้าง เริ่มนับแต่วันเกิดเหตุ หรือวันที่จ่ายค่าเสียหายให้บุคคลที่สาม
โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่ง เป็นลูกจ้างกระทำละเมิดในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์และของบุคคลอื่นเสียหาย สำหรับค่าเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โจทก์อาจเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ได้ นับแต่วันเกิดเหตุซึ่ง เป็นวันที่ก่อให้เกิดความเสียหายอันเป็นขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ อายุความจึงนับเริ่มตั้งแต่ นั้น มิใช่นับเริ่มแต่ วันที่โจทก์ใช้ ค่าซ่อมรถของโจทก์ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะได้ ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ยอมรับสภาพตาม สิทธิเรียกร้องนั้นอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง นับแต่วันทำหนังสือรับสภาพหนี้จนถึง วันฟ้องก็เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี แล้ว ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงขาดอายุความ ส่วนเงินที่โจทก์ใช้ ให้แก่บริษัทประกันภัยเป็นค่าเสียหายจากการที่จำเลยขับรถชนรถที่บริษัทดังกล่าวรับประกันภัยเสียหาย ซึ่ง โจทก์ผู้เป็นนายจ้างต้อง ร่วมรับผิดกับจำเลยผู้เป็นลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่จำเลยได้ กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นโจทก์ชอบที่จะได้ รับชดใช้จากจำเลยเมื่อโจทก์ได้ใช้ เงินให้แก่บริษัทดังกล่าวไป ดังนั้นอายุความในกรณีนี้ จึงต้อง เริ่มนับแต่วันที่โจทก์ได้ใช้ เงินค่าเสียหายให้แก่บริษัทประกันภัยอันเป็นขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ เมื่อโจทก์ฟ้องยังไม่พ้นกำหนด10 ปี ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2307/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างเหมา: ฝ่ายผิดสัญญา, การบอกเลิกสัญญา, ค่าเสียหาย, และการกลั่นแกล้งของเจ้าหน้าที่
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ฉ. ไม่มีอำนาจฟ้องแทนโจทก์ แต่คำให้การของจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้การต่อสู้ในเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ไว้ คงมีจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธไว้เพียงว่า ฉ. จะมีอำนาจฟ้องแทนโจทก์หรือไม่อย่างไร จำเลยที่ 2ไม่ทราบและไม่รับรอง คำให้การดังกล่าวมิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่าปฏิเสธอำนาจฟ้องของโจทก์ข้อใดและมิได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธดังนี้ คดีไม่มีประเด็นเรื่องอำนาจฟ้อง สัญญาก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 360 วัน โจทก์ได้ต่ออายุสัญญาให้แก่จำเลยที่ 1 ออกไปอีก 120 วัน ครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว จำเลยที่ 1 ก่อสร้างไม่เสร็จ จำเลยที่ 1 มีหนังสือบอกเลิกสัญญากับโจทก์ต่อมาโจทก์ก็มีหนังสือบอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 ไม่สามารถทำการก่อสร้างให้เสร็จได้ภายในกำหนดสัญญาทั้ง ๆ ที่โจทก์ก็ได้ต่ออายุสัญญาให้ครั้งหนึ่งแล้วจำเลยที่ 1 จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนี้ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 ได้ โจทก์จ้าง จ. ก่อสร้างอาคารโรงเรียนบ้านเตาไท และโรงเรียนบ้านนารายณ์ เพิ่มเติมต่อจากที่จำเลยที่ 1 ก่อสร้างค้างไว้ กับก่อสร้างอาคารโรงเรียนบ้านดอนจันทร์ รวมเป็นเงิน1,350,000 บาท เท่ากับจำนวนเงินที่เหลือตามสัญญาจ้างกับจำเลยที่ 1 พอดี โจทก์ดำเนินการก่อสร้างโดยชอบด้วยระเบียบของทางราชการจึงเป็นค่าเสียหายโดยตรงที่โจทก์ได้รับเนื่องจากจำเลยที่ 1ผิดสัญญาจำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าก่อสร้างส่วนนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2306/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับขนส่งมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดและนายจ้างได้ หากชดใช้ค่าเสียหายให้เจ้าของสินค้าแล้ว
โจทก์รับจ้างขนส่งไม้อัดให้แก่บริษัท ม. เมื่อมีผู้กระทำละเมิดทำให้เกิดความเสียหายแก่ไม้อัดที่โจทก์เป็นผู้รับขนส่งดังกล่าว และโจทก์ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัท ม. ตามสัญญาแล้ว โจทก์ย่อมเป็นผู้รับช่วงสิทธิจากบริษัท ม. มีอำนาจฟ้องผู้กระทำละเมิดและนายจ้างของผู้กระทำละเมิดให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากการกระทำละเมิดนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2306/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากเรือทัก การรับผิดของเจ้าของเรือและผู้รับขนส่ง ค่าเสียหายจากสินค้าเสียหาย
โจทก์รับจ้างขนส่งไม้อัดให้แก่บริษัทไม้อัดไทย จำกัดเมื่อเกิดความเสียหายแก่ไม้อัดที่โจทก์เป็นผู้รับขนส่ง โจทก์ย่อมจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทไม้อัดไทย จำกัดตามสัญญา เมื่อโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทไม้อัดไทย จำกัดแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิจากบริษัทไม้อัดไทย จำกัด และมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 4 ผู้กระทำละเมิดและจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 4 ให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากการละเมิดของจำเลยที่ 4 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2306/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับขนส่งมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดและนายจ้างได้ เมื่อชดใช้ค่าเสียหายให้เจ้าของสินค้าแล้ว
โจทก์รับจ้างขนส่งไม้อัดให้แก่บริษัท ม. เมื่อมีผู้กระทำละเมิดทำให้เกิดความเสียหายแก่ไม้อัดที่โจทก์เป็นผู้รับขนส่งดังกล่าว และโจทก์ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัท ม. ตาม สัญญาแล้ว โจทก์ย่อมเป็นผู้รับช่วงสิทธิจากบริษัท ม. มีอำนาจฟ้องผู้กระทำละเมิดและนายจ้างของผู้กระทำละเมิดให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากการกระทำละเมิดนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อผิดนัด การคำนวณค่าเสียหายและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ จากโจทก์ในราคา 66,384 บาทผ่อนชำระได้ 22,128 บาท แล้วผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาและติดตามยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนมาได้หลังจากวันทำสัญญาเช่าซื้อแล้วถึง1 ปี 5 เดือนเศษ รถยนต์ คันที่เช่าซื้อ ย่อมทรุดโทรมเสื่อมราคาไปเพราะการใช้ของจำเลยที่ 1 ราคาในขณะที่โจทก์ติดตามยึดคืนมาได้จึงต้องต่ำกว่าขณะทำสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ได้นำออกขายทอดตลาดได้เงิน13,000 บาท เมื่อนำเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระแล้วมารวมกับเงินที่โจทก์ได้จากการขายทอดตลาดแล้วยังต่ำกว่าราคาเช่าซื้อ ประกอบกับตามสัญญาเช่าซื้อระบุให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ตลอดจนค่าเสื่อมราคาเมื่อมีการเลิกสัญญาเช่าซื้อ จึงเห็นได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญา และจำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ & การคำนวณค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อ
ปัญหาที่ว่าโจทก์นำรถคันที่เช่าซื้อ ออกขายทอดตลาดโดย ไม่สุจริต ราคาต่ำ กว่าความเป็นจริงนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้าม ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าติดตามรถ แก่โจทก์โดย ที่โจทก์มิได้ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองให้ชำระเงินจำนวนนี้ เป็นการพิพากษาเกินคำขอ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อผิดนัด การคำนวณค่าเสียหายจากรถยนต์เสื่อมสภาพ และขอบเขตการบังคับชำระหนี้
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ จากโจทก์ในราคา 66,384 บาทผ่อนชำระได้ 22,128 บาท แล้วผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาและติดตามยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อ คืนมาได้ หลังจากวันทำสัญญาเช่าซื้อแล้วถึง1 ปี 5 เดือนเศษ รถยนต์ คันที่เช่าซื้อ ย่อมทรุดโทรมเสื่อมราคาไปเพราะการใช้ของจำเลยที่ 1 ราคาในขณะที่โจทก์ติดตาม ยึดคืนมาได้จึงต้องต่ำกว่าขณะทำสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ได้ นำออกขายทอดตลาดได้เงิน13,000 บาท เมื่อนำเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระแล้วมารวมกับเงินที่โจทก์ได้จากการขายทอดตลาดแล้วยังต่ำ กว่าราคาเช่าซื้อ ประกอบกับตามสัญญาเช่าซื้อระบุให้จำเลยที่ 1 ต้อง รับผิดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆตลอดจนค่าเสื่อมราคาเมื่อมีการเลิกสัญญาเช่าซื้อ จึงเห็นได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญา และจำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ให้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2011/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่า การมีอำนาจฟ้อง และค่าเสียหายจากการเช่าค้างชำระ
สัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลา ตกลง ชำระค่าเช่าภายในวันที่ 5ของทุกเดือน โจทก์บอกเลิกการเช่า ให้จำเลยออกจากอาคารพิพาทภายในวันที่ 5 มีนาคม 2528 จำเลยรับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าวันที่ 31 มกราคม 2528 นับจากวันที่จำเลยรับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่า จนถึง วันเลิกสัญญา เป็นเวลานานกว่า 1 เดือน เป็นการบอกกล่าวแก่จำเลยให้รู้ตัวก่อนชั่ว กำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งแล้ว การบอกเลิกสัญญาเช่าจึงเป็นไปโดย ชอบตาม ป.พ.พ.มาตรา 566 ประกอบมาตรา 570 โจทก์ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายก่อนฟ้องจำนวน 120,000 บาทอัตราค่าทนายความชั้นสูงในศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาตาม ตาราง 6ท้าย ป.วิ.พ. ไม่เกินจำนวนร้อยละ 3.
of 283