พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการจัดการมรดก: การฟ้องเรียกทรัพย์มรดกที่ถูกปิดบัง ไม่ใช่การจัดการมรดกโดยรวม
โจทก์ฟ้องพี่ชายต่างมารดาซึ่งร่วมเป็นผู้จัดการมรดกของบิดาโจทก์ว่าปิดบังทรัพย์มรดกบางรายการ โจทก์เคยบอกให้นำมาแบ่งก็เพิกเฉย ขอให้บังคับให้ชำระเงินส่วนแบ่งของโจทก์ จำเลยให้การว่า การจัดการแบ่งมรดกรายนี้มารดาโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับจำเลยและนางสาวพรรณี ได้ทำสัญญาแบ่งมรดกให้ทายาททุกคนได้รับเรียบร้อยไปแล้วจนบัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 5 ปี โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องร้องได้แล้ว ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยอ้างอายุความที่เกี่ยวแก่การจัดการมรดก ซึ่งห้ามมิให้ทายาทฟ้องเกินกว่า 5 ปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1733 แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกมรดกที่จำเลยปิดบังไว้ ไม่เกี่ยวกับการจัดการมรดก ทั้งปรากฎว่าเมื่อปี พ.ศ. 2499 (นับถึงวันฟ้องไม่เกิน 5 ปี) ก็ยังมีการแบ่งมรดกกันอีก คดีจึงไม่ขาดอายุความตามมาตรา 1733 และคดีนี้เป็นที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีความประสงค์ยกอายุความซึ่งเกี่ยวด้วยการจัดการมรดกขึ้นต่อสู้โดยตรงแต่อย่างเดียว มิได้ยกอายุความตามมาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้ จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าขาดอายุความตามมาตรา 1754 หรือไม่ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว
แม้ไม่ได้อ้างบทมาตรามาด้วย ก็เป็นหน้าที่ศาลที่จะวินิจฉัยว่าจะยกกฎหมายใดมาปรับคดีและมีอายุความเท่าใดนั้น หาได้ไม่
แม้ไม่ได้อ้างบทมาตรามาด้วย ก็เป็นหน้าที่ศาลที่จะวินิจฉัยว่าจะยกกฎหมายใดมาปรับคดีและมีอายุความเท่าใดนั้น หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการแบ่งมรดก: ผู้ฟ้องต้องพิสูจน์การครอบครองร่วม หากพิสูจน์ไม่ได้ ฟ้องขาดอายุความ
โจทก์จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกซึ่งตายมาประมาณ6 ปีแล้ว โจทก์เพิ่งฟ้องขอแบ่งมรดกฝ่ายจำเลยสู้ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ฝ่ายโจทก์รับว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์มรดกอยู่แต่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกับจำเลยเป็นหน้าที่ฝ่ายโจทก์จะต้องนำสืบว่าฝ่ายโจทก์ได้ครอบครองมรดกร่วมกับฝ่ายจำเลย หากโจทก์นำสืบไม่ได้ ก็ต้องถือว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเรียกคืนทรัพย์มรดกจากผู้ไม่มีสิทธิ แม้มีการฟ้องร้องเรื่องเดียวกันไปแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพี่สาวและน้องสาวของเจ้ามรดก จำเลยเป็นภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก ที่ดิน 3 แปลงท้ายฟ้อง เป็นสินเดิมของเจ้ามรดก ที่ดิน 3 แปลงท้ายฟ้องเป็นสินเดิมของเจ้ามรดก เมื่อเจ้ามรดกตายทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์และทายาท จำเลยไม่ใช่ภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายวจึงไม่มีสิทธิรับมรดก โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยส่งมอบทรัพย์มรดกให้แล้ว จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ส่งมอบทรัพย์มรดกให้แล้ว จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ส่งมอบทรัพย์มรดกเป็นคดีหนึ่งแล้ว บัดนี้ ยังมีทรัพย์มรดกตามบัญชีท้ายฟ้องอีก 3 แปลง ขอให้ศาลพิพากษาว่าเป็นสินเดิมของเจ้ามรดก โจทก์และทายาทเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกทรัพย์นี้ ให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ให้ ดังนี้ เป็นการฟ้องแต่ ฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากผู้ไม่มีอำนาจยึดถือไว้ และเป็นที่ดินต่างแปลง เป็นทรัพย์คนละอย่างกับทรัพย์ในคดีก่อน โจทก์จึงมีสิทธิเรียกได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 (1)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทฟ้องเรียกคืนทรัพย์มรดกจากผู้ไม่มีอำนาจ แม้ฟ้องคดีก่อนหน้านี้แล้ว
ทายาทของเจ้ามรดก ฟ้องเรียกที่ดินของเจ้ามรดกจากภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเป็นคดีหนึ่งแล้วบัดนี้ยังมีที่ดินมรดกอีกทายาทจึงฟ้องเรียกจากภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นอีกดังนี้ ไม่ใช่เป็นการฟ้องแบ่งมรดกแต่เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากผู้ไม่มีอำนาจยึดถือไว้และเป็นที่ดินต่างแปลงกับในคดีก่อนทายาทจึงมีสิทธิฟ้องเรียกได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีออกจากสารบบเนื่องจากโจทก์ถึงแก่กรรมและไม่มีผู้ขอรับมรดก
คดีแพ่งที่โจทก์ตายในระหว่างฎีกาโดยไม่มีผู้ใดขอเข้ารับมรดกความเกิน 10 ปีแล้ว กฎหมายให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับมรดกฟ้องคดี หากคำพิพากษาตามยอมกระทบสิทธิในการรับมรดก
แม้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจะฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอมไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้าตามฟ้องของโจทก์เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้แสดงว่า คำพิพากษาตามยอมนั้นจะบังคับเอาจากกองมรดกซึ่งโจทก์เป็นผู้รับมรดกด้วยไม่ได้ เพราะถ้าบังคับเอาจากกองมรดกแล้ว ทำให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดกน้อยลงกว่าที่ควรจะได้รับ เช่นนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องคดีดังกล่าวได้
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 28/2503)
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 28/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกโดยตกลงกันแล้ว: สิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งใหม่ไม่มีผล
โจทก์จำเลยเป็นทายาทรับมรดกร่วมกันได้ตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกและเข้าครอบครองทรัพย์เป็นส่วนสัดกันไปแล้วนั้น การตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกเช่นนี้ชอบด้วยมาตรา 1750 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งใหม่ให้ผิดไปจากที่ได้แบ่งปันกันไปแล้วอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกโดยตกลงกัน: ผลผูกพันตามมาตรา 1750 และการถือปฏิบัติตามข้อตกลง
โจทก์จำเลยเป็นทายาทรับมรดกร่วมกัน ได้ตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกและเข้าครอบครองทรัพย์เป็นส่วนสัดกันไปแล้วนั้น การตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกเช่นนี้ชอบด้วยมาตรา1750 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งใหม่ให้ผิดไปจากที่ได้แบ่งปันกันไปแล้วอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินด้วยเจตนาเป็นเจ้าของและการได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความ แม้มีการรับมรดกตามพินัยกรรม
ฟ้องของโจทก์ได้อ้างการครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นหลักแห่งข้อหาและอ้างมูลเหตุที่โจทก์เข้าครอบครองว่าเป็นมรดกของมารดา แต่เหตุที่ทำให้ได้มาซึ่งที่ดินนั้นโจทก์ยกเอาการครอบครองเป็นส่วนสัดด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นหลัก ดังนี้ แม้โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าเคยไปรับมรดกมารดาตามพินัยกรรมกันแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องรับมรดก ส่วนโจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของเกิน 10 ปี ก็เป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ศาลชั้นต้นตัดมิให้โจทก์นำสืบในข้อนี้แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์อาศัยสิทธิจำเลย ย่อมไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินมรดกก่อนแบ่ง: สัญญาไม่เป็นโมฆะ แต่ศาลไม่บังคับโอนทั้งหมด
พระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งทรงให้จัดแบ่งมรดกของเจ้ามรดกให้แก่ทายาทตามส่วน ย่อมใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
ทายาทคนหนึ่งเอาที่ดินกองมรดกยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาทไปขายทั้งหมดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาทอื่นผู้ซื้อจะขอให้ศาลบังคับทายาทผู้ขายโอนขายที่ดินกองมรดกทั้งหมด ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้ได้ แต่สัญญาจะซื้อขายนั้นไม่เป็นโมฆะ ศาลจึงไม่ตัดสิทธิที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่ทายาทผู้ขายในส่วนอันเป็นของทายาทผู้ขายนั้นโดยเฉพาะ
ทายาทคนหนึ่งเอาที่ดินกองมรดกยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาทไปขายทั้งหมดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาทอื่นผู้ซื้อจะขอให้ศาลบังคับทายาทผู้ขายโอนขายที่ดินกองมรดกทั้งหมด ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้ได้ แต่สัญญาจะซื้อขายนั้นไม่เป็นโมฆะ ศาลจึงไม่ตัดสิทธิที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่ทายาทผู้ขายในส่วนอันเป็นของทายาทผู้ขายนั้นโดยเฉพาะ