คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่และสิทธิเช่าที่ดิน: ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องคดีส่วนแพ่งขอให้ห้ามจำเลยเข้าไปในที่ดินพิพาทของโจทก์ ถือได้ว่าเป็นประเภทเดียวกับฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เมื่อที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท คดีส่วนแพ่งจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามมาตรา 248 ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในคดีส่วนแพ่งว่าจำเลยที่ 1 ได้เช่าที่ดินพิพาทจากนาง ม. และ บ. เจ้าของที่ดินพิพาทเดิม เมื่อโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโจทก์ต้องรับโอนทั้งสิทธิและหน้าที่ที่จะจต้องให้จำเลยที่ 1 เช่า หรือจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะซื้อที่ดินพิพาทจาก บ.หรือโจทก์ ตาม พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิอยู่ในที่ดินพิพาทได้นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่ฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เช่าที่ดินพิพาทจาก ม.หรือ บ. เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2263/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในคดีละเมิด: จำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้องเกิน 50,000 บาท จึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
โจทก์ทั้งสิบเอ็ดมิได้ร่วมกันเรียกร้องให้จำเลยรับผิดอย่างเจ้าหนี้ร่วม แต่แต่ละคนต่างเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่ตนได้รับเท่านั้น แม้จะอาศัยมูลละเมิดเดียวกัน คดีสำหรับโจทก์คนใดจะอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้หรือไม่นั้น ต้องแยกพิจารณาจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์คนนั้นเรียกร้อง โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 9 เรียกร้องให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายให้แก่ตนเป็นจำนวนคนละไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีสำหรับโจทก์ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 9 จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1725/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อฉลในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การอุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษาตามสัญญาดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยใช้ราคารถยนต์ตามฟ้องกับค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ว่า หลังจากมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วจำเลยติดต่อขอสมุดคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์เพื่อนำไปดำเนินการต่อทะเบียนรถยนต์ โจทก์ไม่ยอมให้ อ้างว่าต้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความก่อน เมื่อถึงกำหนดต่อทะเบียนจำเลยจึงไม่สามารถต่อทะเบียนรถยนต์คันพิพาทได้ ทำให้จำเลยประสบความยุ่งยากในการใช้รถยนต์ การที่โจทก์บอกปัดไม่ยอมส่งมอบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์ให้จำเลยเป็นการแสดงให้เห็นถึงการที่โจทก์ทำการฉ้อฉลให้จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้ออ้างในอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวนี้ไม่มีข้ออ้างใดที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์หลอกลวงหรือปิดบังข้อเท็จจริงใดเพื่อให้จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่จะทำให้เห็นว่าสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นเกิดโดยการฉ้อฉลของโจทก์ อันเป็นเหตุที่จะอุทธรณ์ได้ตามมาตรา 138 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยมาจึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยไม่อาจจะฎีกาต่อมาได้ตามนัยของมาตรา 249 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาข้อเท็จจริงใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นว่ากันในศาลล่าง เป็นเหตุไม่รับพิจารณาฎีกา
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยไม่ได้กล่าวในคำร้องว่าผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องชำระหนี้ การที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกาว่า ก่อนที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องทั้งสองชำระหนี้อันเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ล้มละลายฯมาตรา 119 แล้วนั้นเป็นฎีกากล่าวอ้างข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ถือได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกากล่าวอ้างดังกล่าว เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลายฯมาตรา 153.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง, การแก้คำฟ้อง, และอำนาจฟ้องคดีลักทรัพย์
ฎีกาของจำเลยที่ว่าคำเบิกความของพยานโจทก์แตกต่างกันเป็นพิรุธไม่น่าเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นคดีอาญาแผ่นดิน พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนและพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องร้อง โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้องทุกข์จากผู้เสียหาย แม้ในคำฟ้องโจทก์ระบุว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักทรัพย์ของ ศ.ไม่ได้กล่าวถึงจำเลยลักทรัพย์ของว. ซึ่งเป็นผู้เสียหายแต่เมื่อโจทก์ขอแก้คำฟ้องและศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องแล้วว่า สิ่งของที่ลักเป็นของ ว.ซึ่งอยู่ในความครอบครองของศ.ตรงกับคำฟ้องของโจทก์แล้ว ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลล่างให้จำคุกเกินห้าปี โจทก์ร่วมไม่อาจฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ถือเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้จำคุกจำเลยเกินห้าปี โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง และข้อห้ามฎีกานี้ใช้บังคับโจทก์ร่วมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาญา: โจทก์ร่วมฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ หากศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลล่างให้จำคุกเกินห้าปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตถือเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้จำคุกจำเลยเกินห้าปี โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคสอง และข้อห้ามฎีกานี้ใช้บังคับโจทก์ร่วมด้วย เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)ได้นิยามศัพท์คำว่า "โจทก์" ไว้ให้รวมถึงโจทก์ร่วมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชัดแจ้ง – อำนาจฟ้อง & ที่ราชพัสดุ – การโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะคดีนี้โจทก์เพียงคนเดียวที่เบิกความว่า โจทก์ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่พิพาท เป็นการเบิกความเพื่อประโยชน์ต่อตนฝ่ายเดียว พยานโจทก์ปากนี้จึงไม่น่าเชื่อถือ โจทก์ครอบครองที่พิพาทจำนวนมากไม่แน่ชัดว่าโจทก์ครอบครองทำประโยชน์ส่วนไหนบ้าง ดังนี้เป็นฎีกาที่อ้างเพียงว่าคำเบิกความของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ โดยมิได้กล่าวอ้างมาในฎีกาว่าฝ่ายจำเลยมีพยานหลักฐานน่าเชื่อถือกว่าหรือไม่ อย่างไรมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่า จำเลยทั้งสองควรชนะคดีอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าที่พิพาทเป็นที่ราชพัสดุนั้น จำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้ไว้ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นฎีกาไม่ชอบตามมาตรา 249 เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจำหน่ายคดีล้มละลาย: ศาลฎีกาเป็นผู้มีอำนาจเมื่อรับฎีกาแล้ว แม้มีการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อน
จำเลยทั้งสามยื่นฎีกาและศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานต่อศาลว่า จำเลยที่ 2 ถูกศาลอื่นสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 แล้ว อำนาจสั่งจำหน่ายคดีเป็นอำนาจของศาลฎีกา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องโดยมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจำหน่ายคดีล้มละลาย: ศาลฎีกาเป็นผู้มีอำนาจจำหน่ายคดีหลังจากรับฎีกาแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาดจำเลยทั้งสามยื่นฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่า จำเลยที่ 2 ถูกศาลแพ่งธนบุรีสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนี้ขอให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15 ดังนี้ ย่อมเป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะสั่งจำหน่ายคดีจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความเป็นการไม่ชอบ
of 303