คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3075/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการฟ้องร้องทางศาลต้องมีกฎหมายรองรับ กรณีไม่มีกฎหมายบัญญัติสิทธิ ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นฟ้อง
การใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา55 มิได้หมายความว่า บุคคลใดต้องการใช้สิทธิทางศาลก็ยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ตามอำเภอใจ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้วยว่ามีกฎหมายสารบัญญัติสนับสนุนว่าเป็นกรณีจำเป็นที่บุคคลนั้นจะต้องมาร้องขอต่อศาลเพื่อรับรองหรือคุ้มครองตามสิทธิของตนที่มีอยู่หรือไม่ จึงจะใช้สิทธิทางศาลยื่นเป็นคำร้องขอได้ ตามคำร้องขอของผู้ร้องได้ความว่า ผู้ร้องเคยเป็นข้าราชการของสำนักงานสาธารณสุขอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ถูกปลดออกจากราชการ ต่อมามีพระราชบัญญัติ ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 ออกใช้บังคับ ผู้ร้องเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงยื่นคำร้องขอบรรจุกลับเข้ารับราชการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรีได้มีคำสั่งไม่รับผู้ร้องให้กลับเข้ารับราชการ ซึ่งไม่มีอำนาจกระทำได้ ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว กรณีดังกล่าวนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิแก่ผู้ร้องที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลผู้ร้องจึงไม่มีสิทธินำคดีมาให้ศาลวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2943/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตเลื่อนคดี: ศาลพิจารณาเจตนาประวิงคดีของจำเลยได้
ข้ออ้างของจำเลยในเรื่องทนายความของจำเลยติดว่าความที่ศาลอื่นเป็นข้ออ้างที่ไม่ควรรับฟังให้เลื่อนคดีเพราะจำเลยทราบกำหนดนัดพิจารณาของศาลล่วงหน้าก่อนแล้ว ทั้งปรากฏว่าในวันสืบพยานจำเลยนัดก่อนซึ่งจำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าจำเลยที่ 3 ป่วย ศาลได้กำชับว่าในนัดหน้าให้จำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมและสืบให้เสร็จในนัดเดียวจะไม่ให้เลื่อนคดีอีก ที่จำเลยแถลงไม่ติดใจนำสืบจำเลยทั้งหมดยกเว้นจำเลยที่ 1 และพยานประเด็นอื่น ก็ไม่ใช่เหตุผลอันควรให้จำเลยขอเลื่อนคดีได้เช่นกัน นอกจากนี้ประเด็นในเรื่องการคิดคำนวณดอกเบี้ย จำเลยก็มิได้กล่าวแก้ไว้ให้ชัดเจน ที่ศาลล่างทั้งสองพิเคราะห์เห็นความไม่สุจริตในการดำเนินคดีของจำเลยที่มีลักษณะประวิงคดีให้ล่าช้ามากกว่าเหตุอื่นจึงไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีนั้น ชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2689/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล้มละลาย: การพิสูจน์หนี้สินล้นพ้นตัวและจำนวนหนี้ที่แน่นอน
จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากันและเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วไม่ชำระ โจทก์สืบหาทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองแล้วแต่จำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินที่จะยึดมาขายทอดตลาดชำระหนี้ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 บาท ได้ นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังเป็นหนี้ธนาคาร ก. ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นอีก 3 คดี ซึ่งยังไม่มีการชำระหนี้ จำเลยทั้งสองย้ายที่อยู่หลายครั้งโดยไม่แจ้งให้เจ้าหนี้ทราบอีกทั้งจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาจึงเป็นหนี้ที่สามารถคำนวณได้แน่นอนพฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่า จำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวและเป็นหนี้โจทก์จำนวนแน่นอนไม่น้อยกว่า 50,000 บาท อันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลายได้ คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดมีผลเป็นคำพิพากษา ซึ่งพ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 179(1) บัญญัติให้คิดค่าขึ้นศาลสำหรับคำฟ้องหรือคำร้องขอให้ล้มละลาย 50 บาท จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เป็นการอุทธรณ์คำพิพากษา ซึ่งพิพากษาตามคำฟ้องขอให้ล้มละลาย จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลสำหรับคำฟ้องอุทธรณ์ 50 บาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2594/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้หลักทรัพย์ประกันตัวที่ถูกยึดเป็นประกันอีกครั้ง ถือละเมิดอำนาจศาล
ที่ดินตาม น.ส.3 รายนี้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เคยนำไปยื่นเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวจำเลยในคดีอาญา แล้วผิดสัญญาประกันศาลสั่งปรับและยึดที่ดินตาม น.ส.3 ดังกล่าวเพื่อนำออกขายทอดตลาด ต่อมามีผู้ทุจริตลักลอบนำเอา น.ส.3 ฉบับดังกล่าวออกมาในระหว่างดำเนินการเพื่อจะขายทอดตลาด ไปให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นำไปเป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1(ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3) ในอีกคดีหนึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ทราบดีอยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิที่จะไปเกี่ยวข้องกับ น.ส.3 ฉบับนี้อีกแต่ก็ยังฝ่าฝืนนำเอา น.ส.3 ฉบับนี้มายื่นเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1(ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3) ต่อศาลอีก โดยอ้างว่าไม่มีภาระผูกพันใด ๆ จนกระทั่งศาลหลงเชื่อและได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ 1(ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3) การกระทำดังกล่าวถือว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเป็นหลักฐานประกอบคำเบิกความได้ แม้ผู้เสียหายไม่เบิกความในศาล
คำให้การของผู้เสียหายในคดีข่มขืนกระทำชำเราที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนแต่ไม่ได้มาเบิกความในชั้นศาล ศาลรับฟังประกอบคำผู้จับกุมพนักงาน-สอบสวนและเจ้าของบ้านที่อยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุซึ่งผู้เสียหายวิ่งหนีเข้าไป และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังกับคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยของผู้ที่เกิดในต่างประเทศและใช้สัญชาติบิดา สิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาล
ผู้ร้องซึ่งเป็นคนสัญชาติไทยถือหนังสือเดินทางของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดย มิได้อ้างว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย ก็มีสิทธิยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยได้และเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองรับพิจารณาและยกคำขอผู้ร้องก็ยื่นคำร้องขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาลได้ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 57 วรรคสอง การถอนสัญชาติไทยเพราะเหตุเป็นคนสัญชาติไทยที่เกิดในราชอาณาจักรไทยและไปอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและใช้สัญชาติจีนอันเป็นสัญชาติของบิดาตลอดมา เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามพระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ. 2508 มาตรา 17 เมื่อยังไม่มีคำสั่งให้ถอนสัญชาติดังกล่าวผู้นั้นก็คงมีสัญชาติไทยอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาเจตนาขาดนัดยื่นคำให้การ ต้องพิจารณาพฤติการณ์ก่อนศาลมีคำสั่ง
การวินิจฉัยว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ จะต้องพิจารณาถึงเหตุที่จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดว่า จำเลยทราบหรือไม่ว่าตนถูกฟ้อง จำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การเมื่อใดและพฤติการณ์ต่าง ๆ ของจำเลยประกอบกัน ซึ่งต้องเป็นพฤติการณ์ก่อนที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงประเด็นข้อพิพาทในคดีแรงงาน: ศาลต้องปฏิบัติตามข้อตกลงหากฟังข้อเท็จจริงตามที่ตกลงกัน
ผู้ร้องและผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างท้ากันในศาลแรงงานกลางว่า หากศาลฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านมีหน้าที่ทำเพชรดิบให้เข้ารูปและมีหน้าที่ซ่อมแซมเพชรที่แผนกอื่นทำบกพร่องและไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้แล้วให้เข้ารูปอีกครั้งแล้วส่งไปยังแผนกอื่นต่อไป ให้ถือว่าผู้คัดค้านกระทำผิดตามคำร้องทุกประการ ผู้คัดค้านยอมแพ้ และให้ศาลพิพากษาให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ตามคำร้อง เป็นการที่คู่ความตกลงกันกำหนดประเด็นเสนอศาลเพื่อให้กระบวนพิจารณาคดีเป็นไปโดย รวดเร็วซึ่งศาลแรงงานกลางมีอำนาจกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138,183 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านมีหน้าที่ตรงตามคำท้าจึงต้องถือตามคำท้าว่าผู้คัดค้านกระทำผิดตามคำร้อง โดย ผู้คัดค้านฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันเป็นกรณีร้ายแรงและจงใจขัดคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องตามคำร้อง และต้องถือตามคำท้าต่อไปว่าผู้คัดค้านยอมแพ้ ศาลแรงงานกลางต้องพิพากษาอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าทายต่อศาล: ศาลต้องวินิจฉัยตามประเด็นที่ตกลงกันไว้ หากฟังตามนั้นแล้วต้องพิพากษาตามนั้น
การที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านท้ากันในศาลแรงงานกลางเพียง ข้อ เดียวว่า "หากศาลฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านมีหน้าที่ทำ เพชรดิบ ให้เข้ารูปและมีหน้าที่ซ่อมแซมเพชรที่แผนกอื่นทำบกพร่อง และไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้แล้ว ให้เข้ารูปอีกครั้งแล้วส่งไปยัง แผนกอื่นต่อไป ให้ถือว่าผู้คัดค้านกระทำผิดตามคำร้องทุกประการ ผู้คัดค้านยอมแพ้และให้ศาลพิพากษาให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้าน ได้ตามคำร้อง..." นั้น เป็นการ ที่คู่ความตกลงกันกำหนดประเด็น เสนอศาลเพื่อให้กระบวนพิจารณาคดีเป็นไปโดยรวดเร็ว ซึ่งศาลแรงงานกลาง มีอำนาจกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138,183 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้าน มีหน้าที่ทำเพชรดิบ ให้เข้ารูปและมีหน้าที่ซ่อมแซมเพชรที่แผนกอื่น ทำบกพร่อง และไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้ให้เข้ารูปอีกครั้ง แล้วส่งไปยังแผนกอื่นต่อไป ก็ต้องถือตามคำท้าว่าผู้คัดค้านกระทำผิด ตามคำร้อง กล่าวคือ ผู้คัดค้านฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับ การทำงานอันเป็นกรณีร้ายแรงและจงใจขัดคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของ ผู้ร้องตามคำร้อง และต้องถือตามคำท้าต่อไปว่าผู้คัดค้านยอมแพ้ ศาลแรงงานกลางต้องพิพากษาให้ผู้ร้อง เลิกจ้างผู้คัดค้านได้ตามคำร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดี: เหตุจำเป็นไม่อาจก้าวล่วง & ผลกระทบต่อความยุติธรรม
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้เลื่อนคดีแก่ทนายจำเลยทั้งสามมาครั้งหนึ่งแล้ว ทนายจำเลยทั้งสามจะขอเลื่อนการพิจารณาอีกไม่ได้เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปจะทำให้เสียความยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก การที่ทนายจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีครั้งต่อมาโดยอ้างเหตุแห่งความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ว่าเพราะทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความที่ศาลอื่นซึ่งนัดไว้ก่อนและเป็นนัดสุดท้ายฝ่ายโจทก์ไม่ได้คัดค้านว่าไม่เป็นความจริง ดังนั้น ต้องถือว่าทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความที่ศาลอื่นจริง ทนายจำเลยทั้งสามย่อมไม่สามารถว่าความสองคดีต่างศาลกันในเวลาเดียวกันได้ นับว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และเมื่อจำเลยทั้งสามยังไม่ได้เบิกความเป็นพยานตนเอง หากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีย่อมจะทำให้เสียความยุติธรรมแก่จำเลยทั้งสาม ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งเลื่อนคดีไปเท่าที่จำเป็นแม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งตามบทกฎหมายดังกล่าว
of 364