พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาเนื่องจากยุแหย่คนงานและผู้ส่งวัสดุ ทำให้สิทธิเรียกร้องเงินค่าตอบแทนสิ้นสุดลง
โจทก์จำเลยตกลงกันว่านับแต่วันทำสัญญาเป็นต้นไป โจทก์ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของห้างหุ้นส่วน และไม่ให้โจทก์เข้าไปก่อกวนความสงบและการทำงานของ พนักงานต่างๆ ของห้างหุ้นส่วน ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย ดังนี้ การที่โจทก์ไปพูดกับคนงานของจำเลยว่าทำงานมากหรือน้อย ก็ได้ค่าแรงเท่ากันก็ดี โจทก์ไปพูดกับผู้ส่งวัสดุก่อสร้างให้แก่จำเลย ว่าจำเลยจะล้มละลายอยู่แล้ว ส่งของให้ทำไม ก็ดี ก็ไม่ใช่เป็นเรื่อง ที่โจทก์เข้าไปใช้สิทธิเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของจำเลยหรือเข้าไป ก่อกวนความสงบและการทำงานของพนักงานของจำเลยซึ่งเป็นการ ผิดต่อกฎหมายตามข้อตกลงในสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาเนื่องจากการยุยงส่งผลให้สิทธิเรียกร้องเงินค่าตอบแทนสิ้นสุดลง
จทก์จำเลยตกลงกันว่านับแต่วันทำสัญญาเป็นต้นไป โจทก์ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของห้างหุ้นส่วนและไม่ให้โจทก์เข้าไปก่อกวนความสงบและการทำงานของพนักงานต่างๆ ของห้างหุ้นส่วน ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายดังนี้ การที่โจทก์ไปพูดกับคนงานของจำเลยว่าทำงานมากหรือน้อย ก็ได้ค่าแรงเท่ากันก็ดี โจทก์ไปพูดกับผู้ส่งวัสดุก่อสร้างให้แก่จำเลยว่าจำเลยจะล้มละลายอยู่แล้ว ส่งของให้ทำไม ก็ดี ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์เข้าไปใช้สิทธิเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของจำเลยหรือเข้าไปก่อกวนความสงบและการทำงานของพนักงานของจำเลยซึ่งเป็นการผิดต่อกฎหมายตามข้อตกลงในสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสิทธิเพื่อก่อให้เกิดและระงับสิทธิเรียกร้องทางอาญา
หนังสือค่าขนส่งสินค้า และค่าเช่าเรือบรรทุกสินค้าล่วงเวลากับใบเสร็จรับเงินค่าขนส่งสินค้าและค่าเช่าเรือบรรทุกสินค้าอันเป็นหลักฐานในการก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้อง และระงับซึ่งสิทธิเรียกร้องตามลำดับ เป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) การปลอมเป็นความผิดตามมาตรา 265
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ผู้ถือเช็คมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้สั่งจ่าย แม้โอนสิทธิไปแล้ว และการชำระค่าเอกสารไม่จำเป็นต้องทันที
จำเลยเขียนเช็คพิพาทสั่งจ่ายเงินให้ในนามของโจทก์หรือผู้ถือ ต่อมาโจทก์สลักหลังเช็คพิพาทแล้วมอบให้ ป. เป็นผู้รับเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินป.จึงคืนเช็คพิพาทให้โจทก์ ดังนี้ แม้โจทก์จะโอนสิทธิรับเงินให้ ป. ไปแล้วก็ตาม แต่เช็คพิพาทมีคำจดแจ้งว่าหรือให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ เมื่อเช็คพิพาทกลับคืนมาอยู่กับโจทก์อีก โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยฐานเป็นผู้ถือ จำเลยลงลายมือชื่อในเช็ค จึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คพิพาท
ความเสียหายอันเกิดจากผู้ทรงไม่นำเช็คไปขึ้นเงินต่อ ธนาคารภายในกำหนดตามมาตรา 990 นั้น หมายถึงผู้สั่งจ่ายเสียเงินที่มีอยู่ในธนาคาร เพราะการที่ผู้ทรงเช็คไม่นำเช็คไปขึ้นเงินภายในกำหนดเช่นธนาคารล้มละลายเป็นต้น ถ้าหากผู้สั่งจ่ายไม่เสียหายดังกล่าวนี้แล้ว ผู้ทรงเช็คก็เรียกเงินตามเช็คต่อผู้สั่งจ่ายได้(วินิจฉัยตามฎีกาที่ 1865/2492)
การชำระค่าอ้างเอกสารนั้น กฎหมายเพียงแต่กำหนดให้มีหน้าที่ชำระตั้งแต่เมื่อส่งเอกสารเป็นต้นไป มิใช่ว่าหากไม่ชำระค่าอ้างเอกสารทันทีแล้วจะรับฟังเอกสารนั้น ๆไม่ได้ ผู้ร้องย่อมมีโอกาสเสียได้เสมอก่อนที่ศาลจะพิพากษา
ความเสียหายอันเกิดจากผู้ทรงไม่นำเช็คไปขึ้นเงินต่อ ธนาคารภายในกำหนดตามมาตรา 990 นั้น หมายถึงผู้สั่งจ่ายเสียเงินที่มีอยู่ในธนาคาร เพราะการที่ผู้ทรงเช็คไม่นำเช็คไปขึ้นเงินภายในกำหนดเช่นธนาคารล้มละลายเป็นต้น ถ้าหากผู้สั่งจ่ายไม่เสียหายดังกล่าวนี้แล้ว ผู้ทรงเช็คก็เรียกเงินตามเช็คต่อผู้สั่งจ่ายได้(วินิจฉัยตามฎีกาที่ 1865/2492)
การชำระค่าอ้างเอกสารนั้น กฎหมายเพียงแต่กำหนดให้มีหน้าที่ชำระตั้งแต่เมื่อส่งเอกสารเป็นต้นไป มิใช่ว่าหากไม่ชำระค่าอ้างเอกสารทันทีแล้วจะรับฟังเอกสารนั้น ๆไม่ได้ ผู้ร้องย่อมมีโอกาสเสียได้เสมอก่อนที่ศาลจะพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินร่วมกันฉันสามีภริยา การโอนโดยไม่สุจริต และสิทธิเรียกร้องเพิกถอนการจดทะเบียน
ขณะที่ ห. กับโจทก์อยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้น ห. กับโจทก์เอาเงินที่หาได้ร่วมกันไปซื้อที่ดินพิพาท โจทก์จึงเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกับ ห. ต่อมา ห.กับจำเลยจดทะเบียนซื้อขายโอนที่พิพาททั้งแปลงโดยไม่สุจริตการที่ ห. กับจำเลยจดทะเบียนโอนที่พิพาทส่วนของโจทก์ด้วยนั้นจึงเป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ได้อยู่ก่อนแล้ว ฉะนั้น แม้การโอนจะมีค่าตอบแทนแต่เมื่อจำเลยผู้รับโอนกระทำการโดยไม่สุจริตแล้ว โจทก์ย่อมเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์และการสิ้นสุดฐานะผู้จัดการมรดก ทำให้สิทธิเรียกร้องคืนทรัพย์สินหมดไป
โจทก์กับ ส.สามีจำเลยเป็นบุตรของ ย. เมื่อ ย. ตายแล้ว ส. ได้เป็นผู้จัดการมรดกอันมีที่ดินมือเปล่า 1 แปลงกับเรือนในที่ดิน 1 หลัง ต่อมาได้มีการรื้อเรือนปลูกใหม่แทนหลังเดิมและปลูกห้องแถวขึ้นเก็บค่าเช่า ส. ตายไปโดยยังมิได้แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ ฐานะของ ส. ในการเป็นผู้จัดการมรดกของ ย. ย่อมสิ้นสุดลง
ก่อนตาย ส. ทำพินัยกรรมยกที่ดินเรือนและห้องแถวนั้นให้จำเลยกับบุตร จำเลยร้องขอให้เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ไม่มีผู้ใดคัดค้าน จำเลยก็ครอบครองทรัยพ์สินเหล่านั้นมาโดยถือว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเลยรับมรดกจาก ส. และขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ดังนี้จะถือว่าจำเลยครอบครองแทนโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยครอบครองมาเป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินนั้น และเมื่อโจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์ประธานเสียแล้ว เรือนกับห้องแถวหากปลูกอยู่ในที่ดินนั้น ตลอดจนค่าเช่าห้องแถวอันเป็นทรัพย์ส่วนควบและดอกผลของที่ดิน จึงตกเป็นของจำเลยไปด้วย โจทก์ย่อยหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนเช่นกัน
ก่อนตาย ส. ทำพินัยกรรมยกที่ดินเรือนและห้องแถวนั้นให้จำเลยกับบุตร จำเลยร้องขอให้เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ไม่มีผู้ใดคัดค้าน จำเลยก็ครอบครองทรัยพ์สินเหล่านั้นมาโดยถือว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเลยรับมรดกจาก ส. และขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ดังนี้จะถือว่าจำเลยครอบครองแทนโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยครอบครองมาเป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินนั้น และเมื่อโจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์ประธานเสียแล้ว เรือนกับห้องแถวหากปลูกอยู่ในที่ดินนั้น ตลอดจนค่าเช่าห้องแถวอันเป็นทรัพย์ส่วนควบและดอกผลของที่ดิน จึงตกเป็นของจำเลยไปด้วย โจทก์ย่อยหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการสิ้นสุดฐานะผู้จัดการมรดก ทำให้สิทธิเรียกร้องคืนทรัพย์สินหมดอายุ
โจทก์กับ ส. สามีจำเลยเป็นบุตรของ ย. เมื่อ ย. ตายแล้ว ส. ได้เป็นผู้จัดการมรดกอันมีที่ดินมือเปล่า 1 แปลงกับเรือนในที่ดิน 1 หลัง ต่อมาได้มีการรื้อเรือนปลูกใหม่แทนหลังเดิมและปลูกห้องแถวขึ้นเก็บค่าเช่า ส. ตายไปโดยยังมิได้แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ ฐานะของ ส. ในการเป็นผู้จัดการมรดกของ ย. ย่อมสิ้นสุดลง
ก่อนตาย ส. ทำพินัยกรรมยกที่ดินเรือนและห้องแถวนั้นให้จำเลยกับบุตร จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ไม่มีผู้ใดคัดค้าน จำเลยก็ครอบครองทรัพย์สินเหล่านั้นมาโดยถือว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยรับมรดกจาก ส.และขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ดังนี้ จะถือว่าจำเลยครอบครองแทนโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยครอบครองมาเป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินนั้นและเมื่อโจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์ประธานเสียแล้ว เรือนกับห้องแถวหากปลูกอยู่ในที่ดินนั้นตลอดจนค่าเช่าห้องแถวอันเป็นทรัพย์ส่วนควบและดอกผลของที่ดิน จึงตกเป็นของจำเลยไปด้วย โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนเช่นกัน
ก่อนตาย ส. ทำพินัยกรรมยกที่ดินเรือนและห้องแถวนั้นให้จำเลยกับบุตร จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ไม่มีผู้ใดคัดค้าน จำเลยก็ครอบครองทรัพย์สินเหล่านั้นมาโดยถือว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยรับมรดกจาก ส.และขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ดังนี้ จะถือว่าจำเลยครอบครองแทนโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยครอบครองมาเป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินนั้นและเมื่อโจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์ประธานเสียแล้ว เรือนกับห้องแถวหากปลูกอยู่ในที่ดินนั้นตลอดจนค่าเช่าห้องแถวอันเป็นทรัพย์ส่วนควบและดอกผลของที่ดิน จึงตกเป็นของจำเลยไปด้วย โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และผลของการยอมให้ใช้สิทธิโดยปริยาย
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ให้โจทก์มีสิทธิเก็บกินในที่ดินของจำเลย ย่อมเป็นการทำนิติกรรมที่ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิแก่โจทก์ในอันที่จะเรียกร้องให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเก็บกินให้เป็นทรัพย์สิทธิอันบริบูรณ์ตามกฎหมายได้ตราบเท่าที่จำเลยยังมิได้โอนที่ดินให้แก่บุคคลอื่น และสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยประนีประนอมยอมความเช่นนี้ มีกำหนดอายุความ 10 ปี
ตั้งแต่วันทำสัญญาดังกล่าว จำเลยยอมให้โจทก์เข้าใช้สิทธิเก็บกินตลอดมา ดังนี้ย่อมถือว่าจำเลยได้ทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ อายุความฟ้องร้องของโจทก์จึงยังไม่เริ่มนับ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2514)
ตั้งแต่วันทำสัญญาดังกล่าว จำเลยยอมให้โจทก์เข้าใช้สิทธิเก็บกินตลอดมา ดังนี้ย่อมถือว่าจำเลยได้ทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ อายุความฟ้องร้องของโจทก์จึงยังไม่เริ่มนับ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความและการยอมรับสภาพหนี้
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ให้โจทก์มีสิทธิเก็บกินในที่ดินของจำเลย ย่อมเป็นการทำนิติกรรมที่ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิแก่โจทก์ในอันที่จะเรียกร้องให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเก็บกินให้เป็นทรัพย์สิทธิอันบริบูรณ์ตามกฎหมายได้ตราบเท่าที่จำเลยยังมิได้โอนที่ดินให้แก่บุคคลอื่น และสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยประนีประนอมยอมความเช่นนี้ มีกำหนดอายุความ 10 ปี
ตั้งแต่วันทำสัญญาดังกล่าว จำเลยยอมให้โจทก์เข้าใช้สิทธิเก็บกินตลอดมา ดังนี้ย่อมถือว่าจำเลยได้ทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ อายุความฟ้องร้องของโจทก์จึงยังไม่เริ่มนับ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2514)
ตั้งแต่วันทำสัญญาดังกล่าว จำเลยยอมให้โจทก์เข้าใช้สิทธิเก็บกินตลอดมา ดังนี้ย่อมถือว่าจำเลยได้ทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ อายุความฟ้องร้องของโจทก์จึงยังไม่เริ่มนับ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดสิทธิเรียกร้องเงินจากกรมทางหลวงไม่ใช่การยึดทรัพย์ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอเฉลี่ย
เงินค่าก่อสร้างที่จำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิเบิกตามงวดจากกรมทางหลวงแผ่นดิน เป็นเพียงสิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะขอให้อายัดไว้ ฉะนั้น เจ้าหนี้ผู้ขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องยื่นคำขอภายในบังคับตามมาตรา 290 วรรคสี่ มิใช่กรณียึดเงินซึ่งเจ้าหนี้จะอ้างว่ายังอยู่ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 290 วรรคห้า โดยนับแต่วันที่กรมทางหลวงส่งเงินมาให้กองบังคับคดีแพ่งดังที่อ้าง