พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,539 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระบวนการล้มละลาย: การนัดหมายเจ้าหนี้และการขาดนัด
พระราชบัญญัติล้มละลายได้บัญญัติกระบวนพิจารณาเรื่องการขอรับชำระหนี้ไว้โดยเฉพาะเพื่อให้เจ้าหนี้ได้รับความสะดวกรวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อย มีลักษณะไม่เหมือนกับการฟ้องคดีฉะนั้น จะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับการทิ้งฟ้องเช่น คดีแพ่งสามัญมาใช้ไม่ได้
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หมายนัดให้เจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้นำพยานหลักฐานไปให้สอบสวนนั้น เมื่อเจ้าหนี้ไม่ไปตามนัด จะถือว่าขาดนัดพิจารณาโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งย่อมไม่ได้
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หมายนัดให้เจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้นำพยานหลักฐานไปให้สอบสวนนั้น เมื่อเจ้าหนี้ไม่ไปตามนัด จะถือว่าขาดนัดพิจารณาโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130-1131/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉ้อฉลของเจ้าหนี้ การเพิกถอนชำระหนี้ และสิทธิในการยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้
(1) คดีสองสำนวน แม้ศาลจะพิจารณาพิพากษารวมกัน แต่ปรากฎว่า สำนวนหนึ่งมีทุนทรัพย์ 5,000 บาท อีกสำนวนหนึ่งทุนทรัพย์ 15,000 บาท แม้ในชั้นฎีกาได้ฎีการวมกันมา ศาลฎีกาพิจารณาเฉพาะคดีที่มีทุนทรัพย์ เกิน 5,000 บาท ซึ่งไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 เท่านั้น
(2) ในกรณีที่จำเลยมีเจ้าหนี้คำพิพากษาสองราย แต่ทรัพย์ของจำเลยมีเพียงอย่างเดียว เช่น เรือน 1 หลัง ซึ่งไม่สามารถใช้หนี้ทั้งสองรายได้นั้น การที่จำเลยเลือกใช้หนี้เพียงรายใดรายหนึ่ง อันเป็นผลทำให้เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งเสียเปรียบ เพราะไม่มีทรัพย์เหลือพอจะชำระหนี้ได้ และเจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้ไปแล้วก็เป็นผู้นำยึดทรัพย์นั้นเอง ทั้งรู้อยู่ด้วยว่า เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งมีสิทธิขอเฉลี่ยจากทรัพย์ที่ยึด แต่กลับไปถอนการยึดเสียแล้ว ตกลงรับชำระหนี้กันโดยลำพัง ซึ่งทำให้เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งเฉลี่ยไม่ได้ เช่นนี้ เป็นการฉ้อฉล เจ้าหนี้ผู้ที่เสียเปรียบนี้ มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการชำระหนี้นั้นได้
(3) เมื่อเพิกถอนแล้ว ทรัพย์นั้นก็กลับสู่สภาพเดิม คือ กลับเป็นของจำเลย เจ้าหนี้มีสิทธิยึดชำระหนี้ได้
(4) การที่เจ้าหนี้คนหนึ่งเอาสัมภาระที่ลูกหนี้ตีชำระหนี้ไปปลูกเป็นเรือนขึ้นในที่ดินของตนนั้น สัมภาระได้กลายเป็นส่วนควบของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1315 เจ้าหนี้คนนั้นย่อมเป็นเจ้าของสัมภาระนี้ด้วยอำนาจของกฎหมาย เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งที่เสียเปรียบดังกล่าว ย่อมขอให้เพิกถอนได้เฉพาะแต่นิติกรรมดังกล่าว แต่เจ้าหนี้ผู้ที่ได้สัมภาระไปต้องใช้ค่าสัมภาระให้แก่ลูกหนี้ และเจ้าหนี้ที่เสียเปรียบชอบที่จะใช้สิทธิของลูกหนี้ เรียกเอาค่าสัมภาระนี้เพื่อชำระหนี้ เป็นคดีใหม่แต่ไม่อาจยึดเรือนหลังนี้เพื่อขายทอดตลาด
(5) เมื่อฟังอย่างนี้แล้ว ใครสืบก่อนหลังก็ไม่สำคัญ
(ข้อ (2) (4) ประชุมใหญ่ครั้งที่ 34/2505)
(2) ในกรณีที่จำเลยมีเจ้าหนี้คำพิพากษาสองราย แต่ทรัพย์ของจำเลยมีเพียงอย่างเดียว เช่น เรือน 1 หลัง ซึ่งไม่สามารถใช้หนี้ทั้งสองรายได้นั้น การที่จำเลยเลือกใช้หนี้เพียงรายใดรายหนึ่ง อันเป็นผลทำให้เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งเสียเปรียบ เพราะไม่มีทรัพย์เหลือพอจะชำระหนี้ได้ และเจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้ไปแล้วก็เป็นผู้นำยึดทรัพย์นั้นเอง ทั้งรู้อยู่ด้วยว่า เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งมีสิทธิขอเฉลี่ยจากทรัพย์ที่ยึด แต่กลับไปถอนการยึดเสียแล้ว ตกลงรับชำระหนี้กันโดยลำพัง ซึ่งทำให้เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งเฉลี่ยไม่ได้ เช่นนี้ เป็นการฉ้อฉล เจ้าหนี้ผู้ที่เสียเปรียบนี้ มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการชำระหนี้นั้นได้
(3) เมื่อเพิกถอนแล้ว ทรัพย์นั้นก็กลับสู่สภาพเดิม คือ กลับเป็นของจำเลย เจ้าหนี้มีสิทธิยึดชำระหนี้ได้
(4) การที่เจ้าหนี้คนหนึ่งเอาสัมภาระที่ลูกหนี้ตีชำระหนี้ไปปลูกเป็นเรือนขึ้นในที่ดินของตนนั้น สัมภาระได้กลายเป็นส่วนควบของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1315 เจ้าหนี้คนนั้นย่อมเป็นเจ้าของสัมภาระนี้ด้วยอำนาจของกฎหมาย เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งที่เสียเปรียบดังกล่าว ย่อมขอให้เพิกถอนได้เฉพาะแต่นิติกรรมดังกล่าว แต่เจ้าหนี้ผู้ที่ได้สัมภาระไปต้องใช้ค่าสัมภาระให้แก่ลูกหนี้ และเจ้าหนี้ที่เสียเปรียบชอบที่จะใช้สิทธิของลูกหนี้ เรียกเอาค่าสัมภาระนี้เพื่อชำระหนี้ เป็นคดีใหม่แต่ไม่อาจยึดเรือนหลังนี้เพื่อขายทอดตลาด
(5) เมื่อฟังอย่างนี้แล้ว ใครสืบก่อนหลังก็ไม่สำคัญ
(ข้อ (2) (4) ประชุมใหญ่ครั้งที่ 34/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้ในชั้นบังคับคดี และอำนาจศาลในการสั่งค่าทนาย
ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ทรัพย์ที่โจทก์ยึดเป็นของผู้ร้องโดยจำเลยยกให้นั้น โจทก์ย่อมขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างผู้ร้องและจำเลยได้ โดยไม่จำต้องไปฟ้องขอให้ทำลายการโอนหรือเพิกถอนการฉ้อฉลประการใดก่อน
ค่าฤชาธรรมเนียมย่อมรวมถึงค่าทนายซึ่งแม้คู่ความจะมิได้ขอขึ้นมา ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
ค่าฤชาธรรมเนียมย่อมรวมถึงค่าทนายซึ่งแม้คู่ความจะมิได้ขอขึ้นมา ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับคำสั่งศาลแล้ว ห้ามเรียกร้องสิทธิใหม่
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอย่างเจ้าหนี้ธรรมดาจนศาลมีคำสั่งอนุญาตโดยผู้ร้องไม่ได้โต้แย้งหรืออุทธรณ์นั้น ต้องถือว่าคำสั่งศาลยุติถึงที่สุดแล้วผู้ร้องจะมาร้องใหม่ว่า เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิพิเศษขอให้ได้รับชำระหนี้อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้รับเงินคืนตามสัญญา ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงหรือยักยอก
การที่เจ้าหนี้ได้รับต้นเงินและดอกเบี้ยมาแล้วไม่สลักหลังในสัญญากู้ตามที่รับปากไว้กับลูกหนี้นั้น ไม่ผิดฐานฉ้อโกง และเมื่อเอาเงินดังว่านี้ไปเป็นประโยชน์ตนและผู้อื่น ก็ไม่ผิดฐานยักยอก เพราะเงินนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าหนี้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้ต้องกระทำต่อเจ้าหนี้และมีเจตนาจะใช้หนี้โดยไม่มีข้อโต้แย้ง การให้การในคดีอื่นไม่ถือเป็นการรับสภาพหนี้
การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ต้องกระทำต่อเจ้าหนี้และมีเจตนาจะใช้หนี้นั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เช่น รับว่าเป็นหนี้จริงแต่ต่อสู้ว่าหนี้ขาดอายุความแล้ว ไม่เป็นการรับสภาพหนี้
จำเลยเคยให้การชั้นสอบสวนในคดีอื่นโดยโจทก์ขอให้ปลัดอำเภอช่วยถามถึงเรื่องค้างค่าจ้างว่าความด้วย และจำเลยเคยเบิกความต่อศาลในคดีอื่นว่าค้างค่าจ้างว่าความโจทก์ก็ดี เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องให้การและเบิกความตามหน้าที่ มิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ และมิใช่มีเจตนาจะใช้หนี้ที่ขาดอายุความแล้วแก่เจ้าหนี้ จึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)
จำเลยเคยให้การชั้นสอบสวนในคดีอื่นโดยโจทก์ขอให้ปลัดอำเภอช่วยถามถึงเรื่องค้างค่าจ้างว่าความด้วย และจำเลยเคยเบิกความต่อศาลในคดีอื่นว่าค้างค่าจ้างว่าความโจทก์ก็ดี เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องให้การและเบิกความตามหน้าที่ มิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ และมิใช่มีเจตนาจะใช้หนี้ที่ขาดอายุความแล้วแก่เจ้าหนี้ จึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้ต้องทำต่อเจ้าหนี้และมีเจตนาใช้หนี้ แม้รับว่าค้างแต่ต่อสู้เรื่องอายุความ ไม่ถือเป็นการรับสภาพหนี้
การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ต้องกระทำต่อเจ้าหนี้และมีเจตนาจะใช้หนี้นั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเช่นรับว่าเป็นหนี้จริง แต่ต่อสู้ว่าหนี้ขาดอายุความแล้ว ไม่เป็นการรับสภาพหนี้
จำเลยเคยให้การชั้นสอบสวนในคดีอื่น โจทก์ขอให้ปลัดอำเภอช่วยถามถึงเรื่องค่าค้างชำระค่าจ้างว่าความด้วย ซึ่งจำเลยรับว่าค้างจริงและจำเลยเคยเบิกความต่อศาลในคดีอื่นว่าค้างค่าจ้างว่าความโจทก์ก็ดี เป็นเรื่องที่จำเลย ให้การและเบิกความตามหน้าที่ มิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ และมิใช่มีเจตนาจะใช้หนี้ที่ขาดอายุความแล้วแก่เจ้าหนี้ จึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย
จำเลยเคยให้การชั้นสอบสวนในคดีอื่น โจทก์ขอให้ปลัดอำเภอช่วยถามถึงเรื่องค่าค้างชำระค่าจ้างว่าความด้วย ซึ่งจำเลยรับว่าค้างจริงและจำเลยเคยเบิกความต่อศาลในคดีอื่นว่าค้างค่าจ้างว่าความโจทก์ก็ดี เป็นเรื่องที่จำเลย ให้การและเบิกความตามหน้าที่ มิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ และมิใช่มีเจตนาจะใช้หนี้ที่ขาดอายุความแล้วแก่เจ้าหนี้ จึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระภาษีเพิ่มเติมหลังการตรวจสอบบัญชีและการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: สิทธิของเจ้าหนี้และระยะเวลาการชำระ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยฐานมีอาวุธปืนซึ่งมีหมายเลขทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่ไม่ริบปืนของกลาง อัยการโจทก์จึงอุทธรณ์ขอให้ริบปืนของกลาง ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2506 ออกใช้บังคับโดยมีมาตรา 9 วรรค 1 เปิดโอกาสให้ผู้มีอาวุธปืนฯ มาขออนุญาตต่อนายทะเบียนในกำหนด 90 วันโดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ดังนี้+แม้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในระหว่างใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษายกฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: สิทธิในการรับชำระหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนด และเงื่อนไขสำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคล
คดีล้มละลาย ผู้ขอรับชำระหนี้ฐานเป็นเจ้าหนี้ย่อมขอรับชำระหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระได้ ฉะนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ค่าภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งลูกหนี้ยื่นรายการไว้ไม่ครบ จะต้องเสียเพิ่มอีก4 ปี จึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ค่าภาษีนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้มีประกันและการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้เงิน โดยลูกหนี้มอบโฉนดให้ยึดไว้เป็นประกันนั้นไม่มีสิทธิยึดหน่วง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 จึงไม่ใช่เจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 6 เมื่อลูกหนี้ต้องคำพิพากษาให้ล้มละลายเจ้าหนี้จะยึ่นคำขอรับชำระหนี้เกิน 2 เดือนไม่ได้ ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 91
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งยกคำขอ เจ้าหนี้จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเจ้าของคดีล้มละลาย เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งอย่างใดแล้วคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ได้
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งยกคำขอ เจ้าหนี้จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเจ้าของคดีล้มละลาย เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งอย่างใดแล้วคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ได้