พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,842 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427-2428/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำซ้อน-การบอกเลิกสัญญา-ความเสียหายจากการก่อสร้างชำรุด: ศาลฎีกาพิพากษาการฟ้องซ้ำซ้อนเป็นเรื่องที่กฎหมายห้าม และชี้ว่าการบอกเลิกสัญญาต้องเป็นไปตามขั้นตอน
สำนวนแรกโจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างก่อสร้างอาคารพักอาศัยจากจำเลยผู้ว่าจ้าง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์ผิดสัญญาจ้าง จำเลยเสียหายและได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าปรับและค่าเสียหาย คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาจำเลยฟ้องโจทก์สำนวนหลังฐานผิดสัญญาจ้างนั้นเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้ฟ้องแย้งไว้แล้ว ดังนี้ สำนวนหลังเป็นฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) เพราะเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องเดิมที่ได้ฟ้องแย้งไว้แล้ว การที่จำเลยสงวนสิทธิในการฟ้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมไว้ในฟ้องแย้งไม่ก่อให้เกิดสิทธิพิเศษขึ้นแต่ประการใด ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยฟ้องสำนวนหลังให้ จึงเป็นการไม่ชอบ
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะมิได้หยิบยกขึ้น ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
สัญญามีกำหนดเวลาก่อสร้างให้แล้วเสร็จเป็นงวดไว้แน่นอน และกำหนดเบี้ยปรับไว้เป็นรายวันในกรณีมีการผิดสัญญา แต่ตามที่ปฏิบัติต่อกันเมื่อโจทก์ก่อสร้างล่วงเลยเวลาที่กำหนด จำเลยก็ยอมรับเอาผลงานและชำระเงินตลอดมา ไม่ได้มีการทักท้วงหรือปรับตามสัญญาแต่อย่างใด แสดงว่าคู่สัญญามิได้มีเจตนาจะถือเอากำหนดเวลาก่อสร้างเป็นสารสำคัญ แม้โจทก์จะผิดสัญญาในข้อนี้ จำเลยจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้ จะต้องบอกกล่าวกำหนดระยะเวลาพอสมควรให้โจทก์ก่อสร้างให้เสร็จตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 เสียก่อน เมื่อโจทก์ยังก่อสร้างไม่เสร็จอีก จำเลยจึงจะบอกเลิกสัญญาได้
การชำรุดบกพร่องของการก่อสร้างงวดที่ได้รับมอบงานไปแล้วจำเลยได้แต่จะเรียกค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 600 แต่จะยกมาเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นลดเงินค่าจ้างโจทก์ลงมา มีผลเท่ากับให้จำเลยได้รับการชดใช้ค่าเสียหายบางส่วน ในชั้นอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ในประเด็นนี้เพียงว่าโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายให้แก่จำเลยตามฟ้อง เพราะจำเลยนำสืบมีหลักฐานแน่ชัดว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลยดังฟ้องศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมิได้กล่าวโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าวินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อกฎหมายตอนใดผิดถูกอย่างใด เหตุใดจึงควรได้ค่าเสียหายตามฟ้อง เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ในชั้นฎีกาจำเลยจึงได้แสดงรายละเอียดที่จำเลยได้รับความเสียหาย รายละเอียดดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะมิได้หยิบยกขึ้น ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
สัญญามีกำหนดเวลาก่อสร้างให้แล้วเสร็จเป็นงวดไว้แน่นอน และกำหนดเบี้ยปรับไว้เป็นรายวันในกรณีมีการผิดสัญญา แต่ตามที่ปฏิบัติต่อกันเมื่อโจทก์ก่อสร้างล่วงเลยเวลาที่กำหนด จำเลยก็ยอมรับเอาผลงานและชำระเงินตลอดมา ไม่ได้มีการทักท้วงหรือปรับตามสัญญาแต่อย่างใด แสดงว่าคู่สัญญามิได้มีเจตนาจะถือเอากำหนดเวลาก่อสร้างเป็นสารสำคัญ แม้โจทก์จะผิดสัญญาในข้อนี้ จำเลยจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้ จะต้องบอกกล่าวกำหนดระยะเวลาพอสมควรให้โจทก์ก่อสร้างให้เสร็จตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 เสียก่อน เมื่อโจทก์ยังก่อสร้างไม่เสร็จอีก จำเลยจึงจะบอกเลิกสัญญาได้
การชำรุดบกพร่องของการก่อสร้างงวดที่ได้รับมอบงานไปแล้วจำเลยได้แต่จะเรียกค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 600 แต่จะยกมาเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นลดเงินค่าจ้างโจทก์ลงมา มีผลเท่ากับให้จำเลยได้รับการชดใช้ค่าเสียหายบางส่วน ในชั้นอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ในประเด็นนี้เพียงว่าโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายให้แก่จำเลยตามฟ้อง เพราะจำเลยนำสืบมีหลักฐานแน่ชัดว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลยดังฟ้องศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมิได้กล่าวโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าวินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อกฎหมายตอนใดผิดถูกอย่างใด เหตุใดจึงควรได้ค่าเสียหายตามฟ้อง เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ในชั้นฎีกาจำเลยจึงได้แสดงรายละเอียดที่จำเลยได้รับความเสียหาย รายละเอียดดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากหม้อน้ำระเบิด ไม่ถือเป็นเพลิงไหม้ตามกรมธรรม์ประกันภัย
จำเลยทำสัญญารับประกันภัยทรัพย์สินของโจทก์ กรมธรรม์ประกันภัยระบุว่ารับประกันวินาศภัยเฉพาะเพลิงไหม้หรือฟ้าผ่า ปรากฏว่าได้เกิดวินาศภัยแก่ทรัพย์สินของโจทก์ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัยโดยหม้อน้ำระเบิด ทำให้ทรัพย์สินหลายอย่างต้องวินาศไปสาเหตุเกิดจากสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับเครื่องมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับใช้กับเครื่องปั๊มน้ำเย็นได้รับความร้อนสูงเกินขนาดจนฉนวนชำรุดไหม้ละลาย สายลวดทองแดงกระทบกันเกิดการลัดวงจร เป็นเหตุให้มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องปั๊มน้ำหยุดทำงาน ไม่ส่งน้ำเย็นเข้าหม้อต้มน้ำ ส่วนน้ำร้อนที่มีอยู่ในหม้อต้นน้ำก็จะไหลออกแต่อย่างเดียว ในขณะเดียวกันเตาเหล็กซึ่งใช้ระบบหัวฉีดก็ยังพ่นความร้อนเข้าไปในท่อให้ความร้อนเข้าไปในท่อให้ความร้อนภายในหม้อต้มน้ำอยู่ตลอดเวลา ไอน้ำในหม้อต้มน้ำได้รับความร้อนสูงเรื่อยๆ ก็ขยายตัว มีความดัน มีความดันเกินกว่าหม้อต้มน้ำร้อนจะทนทานได้ จึงเกิดระเบิดขึ้น ดังนี้ ความวินาศของโจทก์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าเกิดเพราะเพลิงไหม้ อันจำเลยรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยวินาศภัย: เพลิงไหม้ต้องเป็นสาเหตุโดยตรงของความเสียหาย เพื่อให้ประกันภัยรับผิดชอบ
จำเลยทำสัญญารับประกันภัยทรัพย์สินของโจทก์ กรมธรรม์ประกันภัยระบุว่ารับประกันวินาศภัยเฉพาะเพลิงไหม้หรือฟ้าผ่า ปรากฏว่าได้เกิดวินาศภัยแก่ทรัพย์สินของโจทก์ ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัยโดยหม้อน้ำระเบิด ทำให้ทรัพย์สินหลายอย่างต้องวินาศไป สาเหตุเกิดจากสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับเครื่องมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับใช้กับเครื่องปั๊มน้ำเย็นได้ รับความร้อนสูงเกินขนาดจนฉนวนชำรุดไหม้ละลาย สายลวดทองแดงกระทบกันเกิดการลัดวงจร เป็นเหตุให้มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องปั๊มน้ำหยุดทำงาน ไม่ส่งน้ำเย็นเข้าหม้อต้มน้ำส่วนน้ำร้อนที่มีอยู่ในหม้อต้มน้ำก็จะไหลออกแต่อย่างเดียว ในขณะเดียวกันเตาเหล็กซึ่งใช้ระบบหัวฉีดก็ยังพ่นความร้อนเข้าไปในท่อให้ความร้อนภายในหม้อต้มน้ำอยู่ตลอดเวลา ไอน้ำในหม้อต้มน้ำได้รับความร้อนสูงเรื่อย ๆ ก็ขยายตัว มีความดันเกินกว่าหม้อต้มน้ำร้อนจะทนทานได้ จึงเกิดระเบิดขึ้นดังนี้ ความวินาศของโจทก์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าเกิดเพราะเพลิงไหม้อันจำเลยจำต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2140/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของ/ผู้ครอบครองอาคารต่อความเสียหายจากอาคารชำรุด
จำเลยให้เช่าตึกของจำเลยทั้งสามชั้น แต่จำเลยยังใช้ตึกของจำเลยบางส่วนเป็นที่ตั้งบริษัทและสำนักงานของจำเลยอยู่ ถือว่าจำเลยยังครองตึกของจำเลยอยู่หากความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นเพราะเหตุที่ตึกของจำเลยก่อสร้างไว้ ชำรุดบกพร่องหรือบำรุงรักษาไม่เพียงพอ จำเลยซึ่งเป็นทั้งผู้ครองและเจ้าของตึกจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2140/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของอาคารมีหน้าที่รับผิดชอบความเสียหายจากอาคารชำรุด แม้จะให้เช่าบางส่วน
จำเลยให้เช่าตึกของจำเลยทั้งสามชั้นแต่จำเลยยังใช้ตึกของจำเลยบางส่วนเป็นที่ตั้งบริษัทและสำนักงานของจำเลยอยู่ ถือว่าจำเลยยังครองตึกของจำเลยอยู่ หากความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นเพราะเหตุที่ตึกของจำเลยก่อสร้างไว้ชำรุดบกพร่องหรือบำรุงรักษาไม่เพียงพอ จำเลยซึ่งเป็นทั้งผู้ครองและเจ้าของตึกจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลใช้ดุลพินิจรับพยานได้หากไม่ก่อให้เกิดความเสียหายและเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน ยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเพียง 1 วัน อ้างเหตุว่าด้วยความพลั้งเผลอไม่จงใจประวิงและเอาเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด ปรากฏตามบัญชีระบุพยานว่าเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสารรวมกันเพียง 6 อันดับ และเป็นพยานนำทั้งโจทก์ได้นำพยานมาศาลในวันนัดเพื่อขอสืบพยานต่อไป ตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์แกล้งประวิงและเอาเปรียบจำเลยในทางคดี ทั้งการรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายตามคำร้องของโจทก์ก็มีเหตุสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากทรัพย์สินและความรับผิดในความเสียหาย
จำเลยรับฝากรถยนต์ของโจทก์ โดยมีบำเหน็จเป็นธุรกิจการค้าเมื่อรถยนต์หายไปจำเลยต้องใช้ค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีอาญาของผู้ถือหุ้น เมื่อผู้บริหารนิติบุคคลกระทำผิดและไม่ฟ้องคดี
กรณีความผิดที่ได้กระทำต่อนิติบุคคลซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(3) บัญญัติให้ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคลเป็นผู้ฟ้องคดีแทนนั้นถ้าผู้จัดการหรือผู้แทนเหล่านั้นเป็นผู้กระทำผิดต่อนิติบุคคลเสียเองดังนี้ ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นย่อมได้รับความเสียหาย ถือได้ว่าเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิฟ้องคดีอาญาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(2)ประกอบด้วยมาตรา 2(4)(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1742/2503 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ร่วมกระทำผิดไม่มีอำนาจฟ้องคดีฉ้อโกง แม้ถูกหลอกให้ได้รับความเสียหาย
โจทก์ประสงค์จะได้ป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมมาติดรถ และมอบเงินให้จำเลยไปจัดทำ ซือ หรือหาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมมาให้ ดังนี้ การทำหรือใช้ป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมเป็นความผิดต่อกฎหมาย ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ใช้ให้จำเลยกระทำผิดด้วย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยชอย จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ: ผู้ออกจากซอยต้องระวังเป็นพิเศษ, ความเร็วเกินกำหนดเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
รถของโจทก์ออกจากซอยสู่ถนนใหญ่ต้องใช้ความระวังมากกว่ารถของจำเลยที่ขับมาตามทางตรงหรือทางเอก แต่เมื่อจำเลยขับรถมาเกินกำหนด 60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง มิฉะนั้นก็อาจหยุดหรือเกิดความเสียหายน้อยลง การที่รถทั้งสองชนกันศาลให้รับผิดฝ่ายละกึ่ง จำเลยต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง