พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาให้ทรัพย์สินตาม ป.พ.พ. มาตรา 526 ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนเพื่อให้มีผลผูกพัน
คำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินตาม ป.พ.พ.ม. 526 นั้นจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วจึงจะใช้ได้
เจ้าของที่ดินได้ยื่นคำร้องยกที่ดินให้ผู้รับต่อกรมการอำเภอ ๆ ทำการังวัดประกาศโฆษณาแล้วแต่ยังไม่ได้ทำนิติกรรม เนื่องจากเจ้าของที่ดินเป็นคนต่างด้าวต้องขออนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยเสียก่อนดังนี้ จะถือว่าเป็นคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินอันสมบูรณ์ตามมาตรา 526 ยังไม่ได้เพราะทางอำเภอยังไม่ได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนให้
เจ้าของที่ดินได้ยื่นคำร้องยกที่ดินให้ผู้รับต่อกรมการอำเภอ ๆ ทำการังวัดประกาศโฆษณาแล้วแต่ยังไม่ได้ทำนิติกรรม เนื่องจากเจ้าของที่ดินเป็นคนต่างด้าวต้องขออนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยเสียก่อนดังนี้ จะถือว่าเป็นคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินอันสมบูรณ์ตามมาตรา 526 ยังไม่ได้เพราะทางอำเภอยังไม่ได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์สินต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนเพื่อมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
คำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 526 นั้น จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วจึงจะใช้ได้
เจ้าของที่ดินได้ยื่นคำร้องยกที่ดินให้ผู้รับต่อกรมการอำเภอ กรมการอำเภอทำการรังวัดประกาศโฆษณาแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำนิติกรรม เนื่องจากเจ้าของที่ดินเป็นคนต่างด้าวต้องขออนุญาต จากกระทรวงมหาดไทยเสียก่อนดังนี้ จะถือว่าเป็นคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินอันสมบูรณ์ตามมาตรา 526 ยังไม่ได้เพราะทางอำเภอยังไม่ได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนให้
เจ้าของที่ดินได้ยื่นคำร้องยกที่ดินให้ผู้รับต่อกรมการอำเภอ กรมการอำเภอทำการรังวัดประกาศโฆษณาแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำนิติกรรม เนื่องจากเจ้าของที่ดินเป็นคนต่างด้าวต้องขออนุญาต จากกระทรวงมหาดไทยเสียก่อนดังนี้ จะถือว่าเป็นคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินอันสมบูรณ์ตามมาตรา 526 ยังไม่ได้เพราะทางอำเภอยังไม่ได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทำการแทนของข้าราชการ: สรรพสามิตอำเภอเป็นผู้มีอำนาจจดทะเบียนสัญญาซื้อขายได้
นายอำเภอป่วยไม่ได้มาทำงาน ปลัดอำเภอเป็นผู้ทำการแทนนายอำเภอแล้วไปราชการเสียได้มอบให้สรรพสามิตอำเภอทำการแทน สรรพสามิตอำเภอเป็นคณะกรรมการอำเภอด้วยผู้หนึ่ง จึงย่อมเป็นผู้ทำการแทนนายอำเภอได้โดยชอบด้วยกฎหมายและมีอำนาจและหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมทำสัญญาซื้อขายที่ดินได้ตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2486 มาตรา4(ข)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอน ไม่ต้องจดทะเบียน สัญญาไม่เป็นโมฆะ การเช่าก่อนรื้อถอนไม่เปลี่ยนสภาพสัญญา
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอนไปนั้น เพียงทำสัญญากันเองไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ใช้ได้ หาเป็นโมฆะไม่
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปี ก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปี ก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอนไม่จำต้องจดทะเบียน และการเช่าก่อนรื้อถอนไม่ทำให้สัญญาซื้อขายเปลี่ยนสภาพ
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอนไปนั้น เพียงทำสัญญากันเองไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ใช้ได้ หาเป็นโมฆะไม่
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปีก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปีก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสที่ขัดแย้งกับคู่สมรสเดิม แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็มีผลตามกฎหมาย
ชายหญิงเป็นสามีภริยากันตั้งแต่ก่อนใช้ ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 5 ตลอดมาจนใช้ ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 5 แล้ว แม้จะมิได้จทะเบียนสมรสก็นับว่าชายหญิงนั้นเป็นคู่สมรสกันตาม ก.ม.ฉะนั้นชายจึงไม่มีสิทธิจะทำการสมรสกับหญิงอื่นอีก เพราะตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1445(3) บัญญัติห้ามมิให้ชายหญิงทำการสมรสเมื่อยังเป็นคู่สมรสของบุคคลอื่นอยู่ ภริยาเดิมขอให้เพิกถอนทะเบียนสมรสที่ชายไปจดใหม่นั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสที่ขัดแย้งกับคู่สมรสเดิม แม้ไม่ได้จดทะเบียนก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง
ชายหญิง เป็นสามีภริยากันตั้งแต่ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ตลอดมาจนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว แม้จะมิได้จดทะเบียนสมรส ก็นับว่า ชายหญิงนั้นเป็นคู่สมรสกันตามกฎหมาย ฉะนั้นชายจึงไม่มีสิทธิจะทำการสมรสกับหญิงอื่นอีก เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1445(3)บัญญัติห้ามมิให้ชายหญิงทำการสมรส เมื่อยังเป็นคู่สมรสของบุคคลอื่นอยู่ ภริยาเดิมขอให้เพิกถอนทะเบียนสมรสที่ชายไปจดใหม่นั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยการยกทรัพย์สินให้แก่ผู้ให้กู้ ย่อมเป็นเหตุให้ผู้รับได้สิทธิครอบครองตามกฎหมาย แม้ยังมิได้จดทะเบียน
กู้เงินกันแล้วภายหลังลูกหนี้ยอมยกที่บ้านที่สวนให้แก่ผู้ให้กู้แทนการชำระหนี้นั้นย่อมกระทำได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 321 ในกรณีเช่นนี้ แม้จะยังมิได้จดทะเบียนให้สมบูรณ์ และยังครอบครองไม่ถึง 10 ปี ก็หาใช่เป็นการยึดถือครอบครองโดยปราศจากสิทธิไม่ลูกหนี้จะใช้สิทธิตามมาตรา 1336 ติดตามเรียกทรัพย์คืนไม่ได้เพราะสิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจะกระทำได้แก่บุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือ เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิมรดกบุตรบุญธรรมที่ไม่ได้จดทะเบียน vs สิทธิครอบครองที่ดิน
บุตรบุญธรรมตาม ก.ม.เก่า ไม่ได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมตาม ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 5 นั้น ไม่มีสิทธิรับมฤดกของผู้รับบุตรบุญธรรม (ประชุมใหญ่)
ฟ้องบรรยายว่าเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้ามฤดก เจ้ามฤดกตายแล้วทรัพย์สินตกทอดมายังตนกับสามี ได้ครอบครองมาโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมา 6 ปี จำเลยเข้ามาไถหว่านในนาพิพาทนี้ จึงขอให้ขับไล่นั้น ถือว่าโจกท์ได้อ้างสิทธิครอบครองทรัพย์พิพาทเป็นหลักแห่งขอ้หาในการขอให้บังคับจำเลยด้วย มิใช่อ้างสิทธิรับมฤดกแต่อย่างเดียว
ฟ้องบรรยายว่าเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้ามฤดก เจ้ามฤดกตายแล้วทรัพย์สินตกทอดมายังตนกับสามี ได้ครอบครองมาโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมา 6 ปี จำเลยเข้ามาไถหว่านในนาพิพาทนี้ จึงขอให้ขับไล่นั้น ถือว่าโจกท์ได้อ้างสิทธิครอบครองทรัพย์พิพาทเป็นหลักแห่งขอ้หาในการขอให้บังคับจำเลยด้วย มิใช่อ้างสิทธิรับมฤดกแต่อย่างเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบที่ดินเพื่อชำระหนี้โดยมิได้จดทะเบียน ไม่ก่อให้เกิดสิทธิยึดถือ เจ้าของกรรมสิทธิมีสิทธิเรียกคืนได้
มอบที่ดินให้เจ้าหนี้ทำกินต่างดอกเบี้ยโดยทำสัญญากันเอง ไม่ได้จดทะเบียนแต่อย่างใด ย่อมไม่มีผลสมบูรณ์ที่จะใช้บังคับให้เกิดสิทธิยึดถือไว้ เมื่อเจ้าของกรรมสิทธิติดตามเอาคืน โดยขอชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ต้องคืนที่ดินให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิไป
คำพิพากษาคดีอาญาศาลชั้นต้นที่ศาลสูงได้พิพากษากลับแล้วนั้น จะนำเอาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ขอให้จำเลยรับชำระหนี้ 300 บาท และคืนนาให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่ากู้กัน 1300 บาท ไม่ใช่ 300 บาท ดังนี้ จำนวนหนี้ที่แท้จริงจะบังคับกันได้หรือไม่ และจะเป็นจำนวนมากกว่า 300 บาทหรือเท่าใดนั้น จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ใช้เงินอันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.ม.วิแพ่ง ศาลจึงไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องจำนวนหนี้ให้.
(อ้างฎีกา 1283/80, 231/82)
คำพิพากษาคดีอาญาศาลชั้นต้นที่ศาลสูงได้พิพากษากลับแล้วนั้น จะนำเอาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ขอให้จำเลยรับชำระหนี้ 300 บาท และคืนนาให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่ากู้กัน 1300 บาท ไม่ใช่ 300 บาท ดังนี้ จำนวนหนี้ที่แท้จริงจะบังคับกันได้หรือไม่ และจะเป็นจำนวนมากกว่า 300 บาทหรือเท่าใดนั้น จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ใช้เงินอันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.ม.วิแพ่ง ศาลจึงไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องจำนวนหนี้ให้.
(อ้างฎีกา 1283/80, 231/82)