พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในมรดกเมื่อมีผู้มีสิทธิร่วม: ศาลไม่ชี้ขาดส่วนแบ่งหากโจทก์ขอจัดการมรดกตามพินัยกรรม
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรมโจทก์มิได้ฟ้องเรียกเอาทรัพย์เป็นของตนทั้งหมด คำขอของโจทก์ตามฟ้องนั้น เพื่อจะได้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของผู้ตายเมื่อฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้ตายในที่ดินและตึกพิพาทศาลก็ต้องยกฟ้องคดีชนิดนี้ศาลไม่สมควรที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายใดควรได้ส่วนแบ่งเท่าใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินมรดก, การก่อตั้งทรัสต์, สิทธิในทรัพย์สิน, พินัยกรรม, การจัดการมรดก
ตามหลักกฎหมายทั่วไปไม่ว่าจะก่อนประมวลกฎหมายหรือภายหลังประมวลกฎหมายก็ดี เมื่อคนหนึ่งตายลงกรรมสิทธิในทรัพย์สินทั้งหลายของคนตายนั้นจะต้องตกทอดในที่สุด แม้จะไม่มีทายาทก็จะต้องตกเป็นของรัฐ
ข้อกำหนดในพินัยกรรมให้ทรัพย์สินเป็นของกลางโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ และไม่เป็นกรรมสิทธิ์แก่ใครนั้น เป็นการเลิกล้างกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ความสำคัญในเรื่องทรัสต์คือการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือสั่งให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปอยู่แก่ทรัสต์โดยมีเงื่อนไขคำมั่นมัดทรัสต์อยู่ว่าทรัสตีจะต้องถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น เพื่อจัดการให้ผู้รับประโยชน์ได้รับประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ให้เป็นที่แน่นอน
่คำสั่งในพินัยกรรมที่ว่า เมื่อญาติพี่น้องของผู้ตายคนใดจะมาอยู่อาศัยในที่ดินของผู้ตายก็อยู่ได้ แต่ต้องขออนุญาตผู้ปกครองทรัพย์สินนั้นก่อน เมื่อผู้ปกครองทรัพย์เห็นสมควรอนุญาตให้แล้ว จึงจะอยู่ได้ดังนี้ ได้ชื่อว่าการตั้งทรัสต์มิได้ระบุตัวผู้รับประโยชน์โดยแน่นอน เป็นการขาดหลักในเรื่องทรัสต์ที่ได้ยอมรับนับถือกันโดยทั่วไป
ข้อกำหนดในพินัยกรรมให้ทรัพย์สินเป็นของกลางโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ และไม่เป็นกรรมสิทธิ์แก่ใครนั้น เป็นการเลิกล้างกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ความสำคัญในเรื่องทรัสต์คือการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือสั่งให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปอยู่แก่ทรัสต์โดยมีเงื่อนไขคำมั่นมัดทรัสต์อยู่ว่าทรัสตีจะต้องถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น เพื่อจัดการให้ผู้รับประโยชน์ได้รับประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ให้เป็นที่แน่นอน
่คำสั่งในพินัยกรรมที่ว่า เมื่อญาติพี่น้องของผู้ตายคนใดจะมาอยู่อาศัยในที่ดินของผู้ตายก็อยู่ได้ แต่ต้องขออนุญาตผู้ปกครองทรัพย์สินนั้นก่อน เมื่อผู้ปกครองทรัพย์เห็นสมควรอนุญาตให้แล้ว จึงจะอยู่ได้ดังนี้ ได้ชื่อว่าการตั้งทรัสต์มิได้ระบุตัวผู้รับประโยชน์โดยแน่นอน เป็นการขาดหลักในเรื่องทรัสต์ที่ได้ยอมรับนับถือกันโดยทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับมรดกไม่ระงับแม้ไม่ร้องสอดคดีก่อน และสิทธิทายาทอื่นย่อมมีผล
การที่โจทก์ไม่ร้องสอดขอแบ่งมรดกเข้ามาในคดีก่อนซึ่งจำเลยเป็นคู่ความเกี่ยวกับมรดกรายเดียวกันอยู่นั้น ไม่เป็นเหตุตัดสิทธิโจทก์จะฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นในคดีหลังภายในอายุความ
เมื่อปรากฎว่ายังมีทายาทที่มีสิทธิรับมรดกเช่นเดียวกับโจทก์อยู่อีกคนหนึ่ง การที่ทายาทผู้นั้นนิ่งเฉยอยู่ จะถือว่าทายาทผู้นั้นสละมรดกหาได้ไม่ และจะแบ่งโดยเอาส่วนของทายาทผู้นั้นไปให้แก่โจทก์ไม่ได้ โจทก์คงได้ส่วนแบ่งแต่เฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
(อ้างฎีกาที่ 391/2499)
เมื่อปรากฎว่ายังมีทายาทที่มีสิทธิรับมรดกเช่นเดียวกับโจทก์อยู่อีกคนหนึ่ง การที่ทายาทผู้นั้นนิ่งเฉยอยู่ จะถือว่าทายาทผู้นั้นสละมรดกหาได้ไม่ และจะแบ่งโดยเอาส่วนของทายาทผู้นั้นไปให้แก่โจทก์ไม่ได้ โจทก์คงได้ส่วนแบ่งแต่เฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
(อ้างฎีกาที่ 391/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับมรดกไม่ระงับ แม้มิได้ร้องสอดคดีก่อน และทายาทอื่นยังไม่สละสิทธิ
การที่โจทก์ไม่ร้องสอดขอแบ่งมรดกเข้ามาในคดีก่อนซึ่งจำเลยเป็นคู่ความเกี่ยวกับมรดกรายเดียวกันอยู่นั้นไม่เป็นเหตุตัดสิทธิโจทก์จะฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นในคดีหลังภายในอายุความ
เมื่อปรากฏว่ายังมีทายาทที่มีสิทธิรับมรดกเช่นเดียวกับโจทก์อยู่อีกคนหนึ่งการที่ทายาทผู้นั้นนิ่งเฉยอยู่จะถือว่าทายาทผู้นั้นสละมรดกหาได้ไม่และจะแบ่งโดยเอาส่วนของทายาทผู้นั้นไปให้แก่โจทก์ไม่ได้โจทก์คงได้ส่วนแบ่งแต่เฉพาะส่วนของตนเท่านั้น(อ้างฎีกาที่391/2499)
เมื่อปรากฏว่ายังมีทายาทที่มีสิทธิรับมรดกเช่นเดียวกับโจทก์อยู่อีกคนหนึ่งการที่ทายาทผู้นั้นนิ่งเฉยอยู่จะถือว่าทายาทผู้นั้นสละมรดกหาได้ไม่และจะแบ่งโดยเอาส่วนของทายาทผู้นั้นไปให้แก่โจทก์ไม่ได้โจทก์คงได้ส่วนแบ่งแต่เฉพาะส่วนของตนเท่านั้น(อ้างฎีกาที่391/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมกำหนดเงื่อนไขห้ามแบ่งทรัพย์ขัดกฎหมาย ผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิแบ่งทรัพย์มรดกตามสัดส่วน
พินัยกรรมที่มีข้อความเป็นคำสั่งกำหนดให้ทรัพย์มรดกตกได้แก่บุตรชายทุกคนนั้น มีผลใช้ได้ตามกฎหมาย ส่วนข้อห้ามที่กำหนดไม่ให้แบ่งแยกทรัพย์นี้ออกไปเลยเป็นอันขาดนั้น ขัดต่อกฎหมาย ใช้บังคับไม่ได้ เพราะผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ย่อมมีสิทธิใช้สรอย จำหน่าย และขอแบ่งทรัพย์นั้นได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 และ 1363 พินัยกรรมดังกล่าวจึงไม่เสียไปทั้งฉบับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการปรับปรุงการจัดการมรดกตามพินัยกรรมเมื่อมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลง และการตีความเจตนาผู้ทำพินัยกรรม
ผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมนั้น เมื่อมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจที่จะถอดถอนหรือสั่งตั้งผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลเพิ่มเติมได้
พินัยกรรมมีข้อความว่า ข้อ 3 เงินผลประโยชน์ที่เก็บได้จากพื้นที่และตึกเรือนโรงดังกล่าวไว้ใน ข้อ 1 นั้น เวลานี้ได้ประมาณ 1,800 บาท ซึ่งได้กำหนดส่วนแบ่งให้แก่ 1. หม่อมราชวงศ์กระจ่าง 2. หม่อมราชวงศ์กระจัด สองคนนี้คนหนึ่งเดือนละ 40 บาท แบ่งให้บุตร คือ 1. ฯลฯ แปดคนนี้คนหนึ่งเดือนละ 10 บาท ฯลฯ ดังนี้ถือว่า การที่ผู้มีส่วนได้ตามพินัยกรรมจะได้คนละเท่าใดนั้น มิได้กำหนดเป็นจำนวนบาทตายตัวตลอดไป หากขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า "เวลานี้ได้ประมาณ 1,800 บาท เป็นหลัก นอกจากนั้น ข้อความในพินัยกรรม ข้อ4 ยังกล่าวอีกว่า ถ้าจำนวนเงินผลประโยชน์ที่ได้จากพื้นที่จะลดน้อยลงไปจากหลักที่กำหนด ก็ให้แบ่งให้แก่ผู้มีส่วนได้ลดลงตามส่วนที่จะพึงแบ่งได้ในเวลานั้นทุกประการ" แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ทำพินัยกรรมโดยชัดว่า มิประสงค์จะกำหนดให้ผู้มีส่วนได้เป็นจำนวนบาทตายตัว ตามที่ระบุไว้นั้นเวลาทำพินัยกรรมเมื่อ 30 ปีก่อน ที่ดินที่ปรากฏในพินัยกรรมมีผลประโยชน์เดือนละ 1,800 บาท เวลาปัจจุบันนี้ ความจริงมีผลประโยชน์เท่าใด ผู้มีส่วนได้ตามพินัยกรรมก็มีสิทธิที่จะได้ตามอัตราส่วนตามค่าของเงินที่ระบุไว้นั้น
พินัยกรรมมีข้อความว่า ข้อ 3 เงินผลประโยชน์ที่เก็บได้จากพื้นที่และตึกเรือนโรงดังกล่าวไว้ใน ข้อ 1 นั้น เวลานี้ได้ประมาณ 1,800 บาท ซึ่งได้กำหนดส่วนแบ่งให้แก่ 1. หม่อมราชวงศ์กระจ่าง 2. หม่อมราชวงศ์กระจัด สองคนนี้คนหนึ่งเดือนละ 40 บาท แบ่งให้บุตร คือ 1. ฯลฯ แปดคนนี้คนหนึ่งเดือนละ 10 บาท ฯลฯ ดังนี้ถือว่า การที่ผู้มีส่วนได้ตามพินัยกรรมจะได้คนละเท่าใดนั้น มิได้กำหนดเป็นจำนวนบาทตายตัวตลอดไป หากขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า "เวลานี้ได้ประมาณ 1,800 บาท เป็นหลัก นอกจากนั้น ข้อความในพินัยกรรม ข้อ4 ยังกล่าวอีกว่า ถ้าจำนวนเงินผลประโยชน์ที่ได้จากพื้นที่จะลดน้อยลงไปจากหลักที่กำหนด ก็ให้แบ่งให้แก่ผู้มีส่วนได้ลดลงตามส่วนที่จะพึงแบ่งได้ในเวลานั้นทุกประการ" แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ทำพินัยกรรมโดยชัดว่า มิประสงค์จะกำหนดให้ผู้มีส่วนได้เป็นจำนวนบาทตายตัว ตามที่ระบุไว้นั้นเวลาทำพินัยกรรมเมื่อ 30 ปีก่อน ที่ดินที่ปรากฏในพินัยกรรมมีผลประโยชน์เดือนละ 1,800 บาท เวลาปัจจุบันนี้ ความจริงมีผลประโยชน์เท่าใด ผู้มีส่วนได้ตามพินัยกรรมก็มีสิทธิที่จะได้ตามอัตราส่วนตามค่าของเงินที่ระบุไว้นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแก้ไขการแบ่งผลประโยชน์จากมรดกตามพินัยกรรมเมื่อพฤติการณ์เปลี่ยนแปลง
ผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมนั้น เมื่อมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจที่จะถอดถอนหรือสั่งตั้งผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลเพิ่มเติมได้
พินัยกรรมมีข้อความว่า "ข้อ 3 เงินผลประโยชน์ที่เก็บได้จากพื้นที่และตึกเรือนโรงดั่งกล่าวไว้ใน ข้อ 1 นั้นเวลานี้ได้ประมาณ 1,800 บาท ซึ่งได้กำหนดส่วนแบ่งให้แก่ 1. หม่อมราชวงศ์กระจ่าง 2. หม่อมราชวงศ์กระจัด สองคนนี้คนหนึ่งเดือนละ 40 บาท แบ่งให้แก่บุตร คือ1. ฯลฯ แปดคนนี้คนหนึ่งเดือนละ 10 บาท ฯลฯ" ดังนี้ถือว่า การที่ผู้มีส่วนได้ตามพินัยกรรมจะได้คนละเท่าใดนั้นมิได้กำหนดเป็นจำนวนบาทตายตัวตลอดไปหากขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า "เวลานี้ได้ประมาณ 1,800 บาท" เป็นหลัก นอกจากนั้น ข้อความในพินัยกรรม ข้อ 4 ยังกล่าวอีกว่า"ถ้าจำนวนเงินผลประโยชน์ที่ได้จากพื้นที่จะลดน้อยลงไปจากหลักที่กำหนด ก็ให้แบ่งให้แก่ผู้มีส่วนได้ลดลงตามส่วน ที่จะพึงแบ่งได้ในเวลานั้นทุกประการ" แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ทำพินัยกรรมโดยชัดว่า มิประสงค์จะกำหนดให้ผู้มีส่วนได้เป็นจำนวนบาทตายตัวตามที่ระบุไว้นั้นเวลาทำพินัยกรรมเมื่อ 30 ปีก่อน ที่ดินที่ปรากฏในพินัยกรรมมีผลประโยชน์เดือนละ 1,800 บาท เวลาปัจจุบันนี้ความจริงมีผลประโยชน์เท่าใด ผู้มีส่วนได้ตามพินัยกรรมก็มีสิทธิที่จะได้ตามอัตราส่วนตามค่าของเงินที่ระบุไว้นั้น
พินัยกรรมมีข้อความว่า "ข้อ 3 เงินผลประโยชน์ที่เก็บได้จากพื้นที่และตึกเรือนโรงดั่งกล่าวไว้ใน ข้อ 1 นั้นเวลานี้ได้ประมาณ 1,800 บาท ซึ่งได้กำหนดส่วนแบ่งให้แก่ 1. หม่อมราชวงศ์กระจ่าง 2. หม่อมราชวงศ์กระจัด สองคนนี้คนหนึ่งเดือนละ 40 บาท แบ่งให้แก่บุตร คือ1. ฯลฯ แปดคนนี้คนหนึ่งเดือนละ 10 บาท ฯลฯ" ดังนี้ถือว่า การที่ผู้มีส่วนได้ตามพินัยกรรมจะได้คนละเท่าใดนั้นมิได้กำหนดเป็นจำนวนบาทตายตัวตลอดไปหากขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า "เวลานี้ได้ประมาณ 1,800 บาท" เป็นหลัก นอกจากนั้น ข้อความในพินัยกรรม ข้อ 4 ยังกล่าวอีกว่า"ถ้าจำนวนเงินผลประโยชน์ที่ได้จากพื้นที่จะลดน้อยลงไปจากหลักที่กำหนด ก็ให้แบ่งให้แก่ผู้มีส่วนได้ลดลงตามส่วน ที่จะพึงแบ่งได้ในเวลานั้นทุกประการ" แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ทำพินัยกรรมโดยชัดว่า มิประสงค์จะกำหนดให้ผู้มีส่วนได้เป็นจำนวนบาทตายตัวตามที่ระบุไว้นั้นเวลาทำพินัยกรรมเมื่อ 30 ปีก่อน ที่ดินที่ปรากฏในพินัยกรรมมีผลประโยชน์เดือนละ 1,800 บาท เวลาปัจจุบันนี้ความจริงมีผลประโยชน์เท่าใด ผู้มีส่วนได้ตามพินัยกรรมก็มีสิทธิที่จะได้ตามอัตราส่วนตามค่าของเงินที่ระบุไว้นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อผู้เช่าตาย สิทธิสิ้นสุดลง ทายาทไม่สามารถรับมรดกได้
สัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่า เมื่อผู้เช่าตาย สิทธิการเช่าก็ย่อมสิ้นสุดลง จะรับมรดกกันไม่ได้
โจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของผู้เช่า ไม่มีอำนาจเข้าสรวมสิทธิการเช่าของผู้ตาย และไม่มีอำนาจฟ้องขอบังคับจำเลยให้รื้อถอนเรือนที่ปลูกในที่ดินซึ่งผู้ตายได้เช่าที่ดินส่วนนั้นไว้จากบุคคลภายนอก
โจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของผู้เช่า ไม่มีอำนาจเข้าสรวมสิทธิการเช่าของผู้ตาย และไม่มีอำนาจฟ้องขอบังคับจำเลยให้รื้อถอนเรือนที่ปลูกในที่ดินซึ่งผู้ตายได้เช่าที่ดินส่วนนั้นไว้จากบุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการมรดกครอบคลุมทรัพย์สินทั้งหมด แม้ไม่ได้ระบุต่อศาล และสิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว
ผู้จัดการมรดกย่อมมีอำนาจจัดการทรัพย์สินอันเป็นมรดกของผู้วายชนม์ทั้งหมดรวมทั้งทรัพย์ที่มิได้ระบุไว้ต่อศาลก็ดี
คนต่างด้าวจะมีที่ดินได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าว อนึ่งพระราชบัญญัติ ดังกล่าวก็หาได้บัญญัติห้ามโดยเด็ดขาดไม่ให้คนต่างด้าวมีที่ดินได้ คนต่างด้าวอาจมีที่ดินได้ เมื่อคดีนี้เป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิของผู้ตายเป็นผู้ออกเงินซื้อที่พิพาทกับจำเลยผู้มีชื่อเป็นผู้ซื้อแทนผู้ตาย ฉะนั้นผู้ตายจึงมีสิทธิเหนือจำเลยในที่ดิน จำเลยอยู่ในที่พิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของผู้ตายโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายจึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้ หาเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวไม่
คนต่างด้าวจะมีที่ดินได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าว อนึ่งพระราชบัญญัติ ดังกล่าวก็หาได้บัญญัติห้ามโดยเด็ดขาดไม่ให้คนต่างด้าวมีที่ดินได้ คนต่างด้าวอาจมีที่ดินได้ เมื่อคดีนี้เป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิของผู้ตายเป็นผู้ออกเงินซื้อที่พิพาทกับจำเลยผู้มีชื่อเป็นผู้ซื้อแทนผู้ตาย ฉะนั้นผู้ตายจึงมีสิทธิเหนือจำเลยในที่ดิน จำเลยอยู่ในที่พิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของผู้ตายโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายจึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้ หาเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ซื้อด้วยเงินมรดกผสมกับเงินสินเดิม: สิทธิของผู้รับมรดก vs. เจ้าของกรรมสิทธิ์
บิดากับบุตรรับมรดกจากภริยาและมารดาร่วมกัน บิดาเอาเงินมรดกไปซื้อที่ดิน ใส่ชื่อตนเองเป็นเจ้าของไม่ได้ซื้อแทนบุตร ที่ดินเป็นของบิดา บุตรไม่มีส่วนด้วย บิดาเอาเงินมรดกไปใช้เกินอย่างใดต้องรับผิดต่อบุตรอีกส่วนหนึ่ง