พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,449 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงิน: หลักฐานภายหลังเกิดหนี้ใช้ได้
ในเวลากู้ยืมเงินกัน คู่กรณีหาได้ทำหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือไว้แต่ต่อมาภายหลังได้มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ผู้ให้กู้ก็ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีได้
เอกสารหนังสือฉบับหนึ่ง ลงลายมือชื่อจำเลยไว้เป็นสำคัญมีข้อความแสดงว่า จำเลยจะชำระเงินให้แก่โจทก์ภายในเดือน 12 ดังนี้ โจทก์ย่อมนำสืบประกอบได้ว่า หนี้นั้นเป็นหนี้เกิดจากการกู้ยืม
เอกสารหนังสือฉบับหนึ่ง ลงลายมือชื่อจำเลยไว้เป็นสำคัญมีข้อความแสดงว่า จำเลยจะชำระเงินให้แก่โจทก์ภายในเดือน 12 ดังนี้ โจทก์ย่อมนำสืบประกอบได้ว่า หนี้นั้นเป็นหนี้เกิดจากการกู้ยืม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยหนี้จากการยึดทรัพย์: กำหนดเวลา 14 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจำเลยคนเดียวกันในคดี 2 สำนวน โดยมิได้รวมพิจารณาพิพากษาโจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยในคดีแรกสำนวนเดียวแล้วขายทอดตลาด มีเจ้าหนี้อื่นมาร้องขอเฉลี่ยในกำหนดเวลา โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้เอาหนี้ในคดีหลังอีกสำนวนหนึ่งมารวมกับหนี้ในคดีแรกเพื่อคิดเฉลี่ยให้โจทก์ด้วย ดังนี้ ถือว่าเป็นคำร้องขอเฉลี่ย เมื่อยื่นเกิน 14 วัน ย่อมหมดสิทธิตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1785/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันข้ามอายุความ: ความผูกพันของผู้ค้ำประกันเมื่อหนี้ขาดอายุความแล้วไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
ข้อความซึ่งระบุไว้ในสัญญาค้ำประกันว่าแม้ลูกหนี้ตายเกิน 1 ปีผู้ค้ำประกันก็คงยอมรับใช้แทน นั้น ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และไม่เป็นการขยายอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1569/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันหนี้หลังเจ้ามรดกเสียชีวิต และผลของการสละสิทธิอายุความมรดก
การแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350นั้น ลูกหนี้เดิมจะต้องมีตัวอยู่และจะต้องกระทำโดยไม่ขืนใจลูกหนี้เดิม ถ้าลูกหนี้เดิมตายไปเสียแล้ว กรณีก็ไม่ใช่การแปลงหนี้
เมื่อลูกหนี้เงินกู้ตายไปแล้ว จำเลยได้ทำสัญญาให้โจทก็ไว้ในแบบพิมพ์สัญญาค้ำประกันให้ไว้ต่อเจ้าหนี้ว่า ตามที่ลูกหนี้ได้กู้เงินไปนั้น ลูกหนี้ตายไปแล้ว จำเลยยอมใช้ต้นเงินดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ ดังนี้ เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่จะค้ำประกันหนี้
การที่จำเลยได้กำหนดเวลาชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาซึ่งเกินกว่า 1 ปีนับแต่วันที่ลูกหนี้ตาย เป็นการสละข้อต่อสู้ในเรื่องอายุความมรดกซึ่งทายาทจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ ฉะนั้น แม้เจ้าหนี้จะหมดสิทธิเรียกร้องจากทายาทเพราะคดีขาดอายุความแล้ว ก็หาทำให้จำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือหลุดพ้นความรับผิดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698 ด้วยไม่
เมื่อลูกหนี้เงินกู้ตายไปแล้ว จำเลยได้ทำสัญญาให้โจทก็ไว้ในแบบพิมพ์สัญญาค้ำประกันให้ไว้ต่อเจ้าหนี้ว่า ตามที่ลูกหนี้ได้กู้เงินไปนั้น ลูกหนี้ตายไปแล้ว จำเลยยอมใช้ต้นเงินดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ ดังนี้ เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่จะค้ำประกันหนี้
การที่จำเลยได้กำหนดเวลาชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาซึ่งเกินกว่า 1 ปีนับแต่วันที่ลูกหนี้ตาย เป็นการสละข้อต่อสู้ในเรื่องอายุความมรดกซึ่งทายาทจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ ฉะนั้น แม้เจ้าหนี้จะหมดสิทธิเรียกร้องจากทายาทเพราะคดีขาดอายุความแล้ว ก็หาทำให้จำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือหลุดพ้นความรับผิดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698 ด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1569/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันหลังเจ้ามรดกเสียชีวิต และผลของการสละสิทธิอายุความมรดก
การแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 350 นั้น ลูกหนี้เดิมจะต้องมีตัวอยู่และจะต้องกระทำโดยไม่ขืนใจลูกหนี้เดิม ถ้าลูกหนี้เดิมตายไปเสียแล้ว กรณีก็ไม่ใช่การแปลงหนี้
เมื่อลูกหนี้เงินกู้ตายไปแล้ว จำเลยได้ทำสัญญาให้โจทก์ไว้ในแบบพิมพ์สัญญาค้ำประกันด้านหลังสัญญากู้รายนี้ ความว่า ขอทำสัญญาค้ำประกันให้ไว้ต่อเจ้าหนี้ว่า ตามที่ลูกหนี้ได้กู้เงินไปนั้น ลูกหนี้ตายไปแล้ว จำเลยยอมใช้ต้นเงินดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ ดังนี้ เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่จะค้ำประกันหนี้
การที่จำเลยได้กำหนดเวลาชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาซึ่งเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันที่ลูกหนี้ตาย เป็นการสละข้อต่อสู้ในเรื่องอายุความมรดกซึ่งทายาทจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ ฉะนั้น แม้เจ้าหนี้จะหมดสิทธิเรียกร้องจากทายาทเพราะคดีขาดอายุความแล้ว ก็หาทำให้จำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือหลุดพ้นความรับผิดไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา698 ด้วยไม่
เมื่อลูกหนี้เงินกู้ตายไปแล้ว จำเลยได้ทำสัญญาให้โจทก์ไว้ในแบบพิมพ์สัญญาค้ำประกันด้านหลังสัญญากู้รายนี้ ความว่า ขอทำสัญญาค้ำประกันให้ไว้ต่อเจ้าหนี้ว่า ตามที่ลูกหนี้ได้กู้เงินไปนั้น ลูกหนี้ตายไปแล้ว จำเลยยอมใช้ต้นเงินดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ ดังนี้ เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่จะค้ำประกันหนี้
การที่จำเลยได้กำหนดเวลาชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาซึ่งเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันที่ลูกหนี้ตาย เป็นการสละข้อต่อสู้ในเรื่องอายุความมรดกซึ่งทายาทจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ ฉะนั้น แม้เจ้าหนี้จะหมดสิทธิเรียกร้องจากทายาทเพราะคดีขาดอายุความแล้ว ก็หาทำให้จำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือหลุดพ้นความรับผิดไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา698 ด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแทงเพิกถอนหนี้จากการบันทึกข้อมูลการขายฝากโดยบุตรเจ้าหนี้
ลูกหนี้ไปทำนิติกรรมขายฝากทรัพย์ให้แก่เจ้าหนี้ เงินค่าขายฝากนี้ตกลงกันให้หักใช้หนี้เงินกู้บางส่วน เจ้าหนี้เอาสัญญากู้ให้บุตรชายบันทึกไว้ว่า ลูกหนี้ให้เงินมาเท่าใด คงเหลือเท่าใด และบุตรชายเจ้าหนี้เซ็นชื่อกำกับไว้ ดังนี้ เป็นการที่บุตรชายเจ้าหนี้กระทำแทนเจ้าหนี้ ถือได้ว่าเป็นการแทงเพิกถอนในเอกสารกู้เงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้และการหักกลบลบหนี้: ฟ้องขาดอายุความ แม้มีการตกลงหักกลบลบ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 บัญญัติถึงลักษณะหนี้ที่อาจจะหักกลบลบกันได้ หนี้ที่ขาดอายุความแล้วก็อาจหักกลบลบกันได้ ถ้าในเวลาที่จะหักกลบลบกันนั้น สิทธิเรียกร้องยังไม่ขาดอายุความ แต่ถ้าเป็นกรณีที่ฟ้องเรียกหนี้เงินที่เหลือจากหักกลบลบหนี้กันแล้ว จะปรับด้วยมาตรานี้ทำให้ฟ้องนั้นไม่ขาดอายุความไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนจ้างทำป้าย: จำเลยที่ 1 ผู้จ้างต้องรับผิดชอบหนี้แต่เพียงผู้เดียว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันทำสัญญาจ้างโจทก์ทำป้ายโฆษณา โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงนามรับผิดในสัญญา ขอให้ร่วมกันรับผิดเมื่อปรากฎว่าจำเลยที่ 2 ว่าจ้างในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ก็เท่ากับจำเลยที่ 1 เป็นผู้จ้าง จะให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมด้วยไม่ได้ แม้จะได้ตกลงกำหนดประเด็นนำสืบกันเพียงข้อเดียวว่าทำสัญญาจ้างทำป้ายกันกี่ป้ายก็ดี ก็หาเป็นเหตุให้ไม่ต้องวินิจฉัยความรับผิดตามกฎหมายด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, อายุความหนี้, การชำระหนี้, การพ้นวิสัย, สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
อันอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามที่กฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังออกประกาศหรือกฎกระทรวงในการที่ทางราชการรับซื้อหรือออกขายนั้น เป็นเรื่องอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือกระทรวงการคลังจะถือปฏิบัติอย่างไรเท่านั้น หาใช่กฎหมายที่จะบังคับใช้แก่ประชาชนไม่ ฉะนั้น อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจึงต้องถือตามวันเวลาที่ทำการแลกเปลี่ยนเงินตราจึงต้องถือตามวันเวลาที่ทำการแลกเปลี่ยนหรือควรจะได้ทำการแลกเปลี่ยนและความเสียหายที่โจทก์จะได้รับก็คือ ความเสียหายในเวลาที่มีการผิดนัดชำระหนี้ และต้องคิดคำนวณลงเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย คือ เป็นเงินไทยในขณะนั้น จะถือว่าเสียหายเป็นเงินปอนด์สเตอร์ลิงตลอดไปไม่ได้
แม้จะมีกฎหมายว่า ไม่นำเงินตราต่างประเทศมาขายเป็นผิดอาญาก็ตาม แต่เป็นการบังคับให้ขายเงินตราต่างประเทศอีกส่วนหนึ่งในภายหลังต่างหาก ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะขอให้จำเลยต้องผูกพันอยู่เดิม อายุความจึง 10 ปี หาใช่ 5 ปี โดยถืออัตราโทษทางอาญาในพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นหลักตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคแรกไม่
การที่ต่างประเทศมีกฎหมายห้ามนำเงินตราออกนั้น ไม่ใช่เป็นข้อแก้ตัวว่าเป็นการพ้นวิสัย อันจะทำให้พ้นจากความรับผิดในการชำระหนี้
แม้จะมีกฎหมายว่า ไม่นำเงินตราต่างประเทศมาขายเป็นผิดอาญาก็ตาม แต่เป็นการบังคับให้ขายเงินตราต่างประเทศอีกส่วนหนึ่งในภายหลังต่างหาก ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะขอให้จำเลยต้องผูกพันอยู่เดิม อายุความจึง 10 ปี หาใช่ 5 ปี โดยถืออัตราโทษทางอาญาในพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นหลักตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคแรกไม่
การที่ต่างประเทศมีกฎหมายห้ามนำเงินตราออกนั้น ไม่ใช่เป็นข้อแก้ตัวว่าเป็นการพ้นวิสัย อันจะทำให้พ้นจากความรับผิดในการชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, หนี้นอกอาญา, อายุความ 10 ปี
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่กฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังออกประกาศหรือออกกฎกระทรวง กำหนดในการที่ทางราชการรับซื้อหรือออกขายนั้น เป็นเรื่องอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกระทรวงการคลังจะถือปฏิบัติอย่างไรเท่านั้น หาใช่กฎหมายที่จะบังคับใช้แก่ประชาชนอย่างไรไม่ ฉะนั้น อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราจะควรเป็นจำนวนเท่าใด จึงจะต้องถือตามวันเวลาที่ทำการแลกเปลี่ยน หรือควรจะได้ทำการแลกเปลี่ยน
แม้จะมีกฎหมายว่า การไม่นำเงินตราต่างประเทศมาขายให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นความผิดและมีโทษทางอาญาก็เป็นกรณีบังคับให้ขายเงินตราต่างประเทศอีกส่วนหนึ่งภายหลังต่างหาก ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาที่ให้ไว้ จึงหาเป็นเรื่องฟ้องทางแพ่งเนื่องจากความผิดทางอาญาไม่ หากเป็นเรื่องฟ้องตามหนี้ที่จำเลยต้องผูกพันอยู่เดิมอายุความจึงเป็น 10 ปี
แม้จะมีกฎหมายว่า การไม่นำเงินตราต่างประเทศมาขายให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นความผิดและมีโทษทางอาญาก็เป็นกรณีบังคับให้ขายเงินตราต่างประเทศอีกส่วนหนึ่งภายหลังต่างหาก ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาที่ให้ไว้ จึงหาเป็นเรื่องฟ้องทางแพ่งเนื่องจากความผิดทางอาญาไม่ หากเป็นเรื่องฟ้องตามหนี้ที่จำเลยต้องผูกพันอยู่เดิมอายุความจึงเป็น 10 ปี