พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีไม้หวงห้าม: การฟ้องคดีเดิมซ้ำในประเด็นกรรมเดียวกัน แม้เปลี่ยนฐานความผิด
โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่านำไม้หวงห้ามเคลื่อนย้ายโดยมิได้รับอนุญาต และไม่มีใบเบิกทางของเจ้าพนักงาน จนจำเลยได้รับโทษ คดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อแรากฎว่าขณะที่จำเลยกระทำผิดในคดีก่อนนั้น จำเลยก็มีไม้ของกลางนั้นไว้ ในครอบครอง โดยไม่มีตราค่าภาคหลวงอยู่แล้ว แต่โจทก์ไม่ฟ้องจำเลยในฐานมีไม้ไม่มีตราค่าภาคหลวงในคราว นั้นด้วย ครั้นเมื่อคดีก่อนนั้นถึงที่สุดดังกล่าวแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยว่า มีไม้หวงห้ามของกลางนั้นไว้ในครอบ ครองโดยไม่มีตราค่าภาคหลวงวตามวันเวลาเดียวกับที่หาว่า จำเลยกระทำผิดในคดีก่อนอีกเป็นกลุ่มเดียวกัน จึงเป็น เรื่องฟ้องซ้ำ ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 39 (4)./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีไม้หวงห้าม: การฟ้องซ้ำกรรมเดียวกัน แม้เปลี่ยนฐานความผิด
โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่านำไม้หวงห้ามเคลื่อนย้ายโดยมิได้รับอนุญาตและไม่มีใบเบิกทางของเจ้าพนักงาน จนจำเลยได้รับโทษ คดีถึงที่สุดแล้วเมื่อปรากฏว่าขณะที่จำเลยกระทำผิดในคดีก่อนนั้นจำเลยก็มีไม้ของกลางนั้นไว้ในครอบครอง โดยไม่มีตราค่าภาคหลวงอยู่แล้ว แต่โจทก์ไม่ฟ้องจำเลยในฐานมีไม้ไม่มีตราค่าภาคหลวงในคราวนั้นด้วย ครั้นเมื่อคดีก่อนนั้นถึงที่สุดดังกล่าวแล้วโจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยว่า มีไม้หวงห้ามของกลางนั้นไว้ในครอบครองโดยไม่มีตราค่าภาคหลวงตามวันเวลาเดียวกับที่หาว่า จำเลยกระทำผิดในคดีก่อนอีกเป็นกรรมเดียวกัน จึงเป็นเรื่องฟ้องซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การกระทำเป็นกรรมเดียวกัน
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมและวาระเดียวกัน เมื่ออัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและศาลได้พิพากษาลงโทษ จำเลยฐานทำร้ายร่างกาย คดีถึงที่สุดแล้วผู้เสียหายจะมาฟ้องจำเลยหาว่าชิงทรัพย์ โดยใช้กำลังทำร้ายร่างกายอีกไม่ ได้ เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4)./
(อ้างฎีกาที่ 168/2489)
(อ้างฎีกาที่ 168/2489)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การกระทำเป็นกรรมเดียวกัน แม้เปลี่ยนฐานความผิด
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมและวาระเดียวกัน เมื่ออัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย คดีถึงที่สุดแล้วผู้เสียหายจะมาฟ้องจำเลยหาว่าชิงทรัพย์ โดยใช้กำลังทำร้ายร่างกายอีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(4)(อ้างฎีกาที่ 168/2489)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแบ่งมรดกซ้ำ และผลผูกพันคำวินิจฉัยเดิมต่อโจทก์ใหม่
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอแบ่งมรดกจนคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลยเป็นคดีใหม่อีก แต่มีทายาทคนอื่นมาเป็นโจทก์ร่วมด้วย ดังนี้ศาลย่อมรับฟ้องไว้พิจารณาคดีต่อไปได้ แต่คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลในคดีก่อนย่อมผูกพันโจทก์คนเดิมไม่ให้กลับมาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและขอบเขตความรับผิดของผู้เช่าร่วม กรณีจำเลยให้เช่าช่วงต่อ
โจทก์จำเลยต่างร่วมกันเช่าห้องอยู่อาศัยและค้าขายร่วมกันรวม 2 ห้อง อยู่มาโจทก์ไม่อยู่ จำเลยกั้นห้องเช่าแบ่งให้ คนอื่นเช่าแทนเสีย 1 ห้อง โจทก์กลับมาจึงฟ้องจำเลยขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าที่ยังเหลือ และเรียกค่าเสีย
หาย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยใหม่โดยฟ้องผู้ให้เช่าและผู้เช่าห้องพิพาทแทนเป็น จำเลยด้วย โดยโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าห้องที่จำเลยให้ผู้เช่าเช่าแทนไปนั้น โจทก์มีสิทธิการเช่าอยู่ ขอให้จำเลย กับผู้ให้เช่า ผู้เช่าแทน ร่วมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้คดีฉะเพาะจำเลยเดิม ย่อมเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทร่วมกัน แต่การที่จำเลยเอาห้องพิพาท ไปให้ผู้อื่นเช่าแทนต่อไปนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด ดังนี้ผู้ให้เช่าซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยจะฎีกาว่า ความจริงจำเลย เป็นผู้เช่าแต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าร่วมด้วย ดังนี้ข้อโต้เถียงดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผู้เช่ากลับแพ้คดีนี้ได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้./
หาย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยใหม่โดยฟ้องผู้ให้เช่าและผู้เช่าห้องพิพาทแทนเป็น จำเลยด้วย โดยโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าห้องที่จำเลยให้ผู้เช่าเช่าแทนไปนั้น โจทก์มีสิทธิการเช่าอยู่ ขอให้จำเลย กับผู้ให้เช่า ผู้เช่าแทน ร่วมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้คดีฉะเพาะจำเลยเดิม ย่อมเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทร่วมกัน แต่การที่จำเลยเอาห้องพิพาท ไปให้ผู้อื่นเช่าแทนต่อไปนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด ดังนี้ผู้ให้เช่าซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยจะฎีกาว่า ความจริงจำเลย เป็นผู้เช่าแต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าร่วมด้วย ดังนี้ข้อโต้เถียงดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผู้เช่ากลับแพ้คดีนี้ได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและการวินิจฉัยข้อฎีกาของผู้ให้เช่าในคดีพิพาทการเช่าห้อง
โจทก์จำเลยต่างร่วมกันเช่าห้องอยู่อาศัยและค้าขายร่วมกันรวม 2 ห้อง อยู่มาโจทก์ไม่อยู่ จำเลยกั้นห้องเช่าแบ่งให้คนอื่นเช่าแทนเสีย 1 ห้อง โจทก์กลับมาจึงฟ้องจำเลยขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าที่ยังเหลือ และเรียกค่าเสียหาย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยใหม่โดยฟ้องผู้ให้เช่าและผู้เช่าห้องพิพาทแทนเป็นจำเลยด้วย โดยโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าห้องที่จำเลยให้ผู้เช่าเช่าแทนไปนั้น โจทก์มีสิทธิการเช่าอยู่ ขอให้จำเลยกับผู้ให้เช่าผู้เช่าแทนร่วมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้คดีเฉพาะเดิมย่อมเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทร่วมกัน แต่การที่จำเลยเอาห้องพิพาทไปให้ผู้อื่นเช่าแทนต่อไปนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด ดังนี้ผู้ให้เช่าซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยจะฎีกาว่าความจริงจำเลยเป็นผู้เช่าแต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าร่วมด้วย ดังนี้ข้อโต้เถียงดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผู้ให้เช่ากลับแพ้คดีนี้ได้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทร่วมกัน แต่การที่จำเลยเอาห้องพิพาทไปให้ผู้อื่นเช่าแทนต่อไปนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด ดังนี้ผู้ให้เช่าซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยจะฎีกาว่าความจริงจำเลยเป็นผู้เช่าแต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าร่วมด้วย ดังนี้ข้อโต้เถียงดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผู้ให้เช่ากลับแพ้คดีนี้ได้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การฟ้องขับไล่ซ้ำในข้ออ้างเดิม แม้มีเหตุผลเพิ่มเติม ศาลยกฟ้อง
โจทก์เคยฟ้องจำเลยว่าเช่าที่ของโจทก์อยู่อาศัย และค้าขาย แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือ จำเลยรับรองว่าเมื่อโจทก์ต้อง การที่ จำเลยจะออก ต่อมาโจทก์ให้จำเลยทำหนังสือสัญญาเช่า จำเลยไม่ทำ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยทำสัญญาเช่า ถ้าจำเลยไม่ยอมทำก็ขอให้ขับไล่จำเลย ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่อ้างว่า จำเลย เช่าที่เพื่ออาศัยและประกอบธุรกิจการค้าเป็นการชั่วคราว บัดนี้โจทก์มีความจำเป็นต้องใช้ที่ตรงนั้น จึงบอกเลิก
สัญญาเช่ากับจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงขอให้ศาลขับไล่ ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัย เป็นฟ้องซ้ำ./
สัญญาเช่ากับจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงขอให้ศาลขับไล่ ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัย เป็นฟ้องซ้ำ./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การฟ้องขับไล่ซ้ำเมื่อคดีก่อนมีคำขอขับไล่แล้ว
โจทก์เคยฟ้องจำเลยว่าเช่าที่ของโจทก์อยู่อาศัย และค้าขาย แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือ จำเลยรับรองว่าเมื่อโจทก์ต้องการที่ จำเลยจะออก ต่อมาโจทก์ให้จำเลยทำหนังสือสัญญาเช่า จำเลยไม่ทำ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยทำสัญญาเช่า ถ้าจำเลยไม่ยอมทำก็ขอให้ขับไล่จำเลยศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่อ้างว่า จำเลยเช่าที่เพื่ออาศัยและประกอบธุรกิจการค้าเป็นการชั่วคราว บัดนี้โจทก์มีความจำเป็นต้องใช้ที่ตรงนั้น จึงบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงขอให้ศาลขับไล่ ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: ศาลไม่รับฟ้องคดีเดิมเมื่อมีคำพิพากษาในคดีเดียวกันแล้ว
เจ้าทุกข์เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันฆ่าบุตรโจทก์ตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 ศาลจึงนัดไต่สวนในระหว่างนั้นอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีเดียวกันนี้ หาว่าจำเลยกับบุตรเจ้าทุกข์วิวาท กัน และบุตรเจ้าทุกข์ตาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 253.
จำเลยรับสารภาพตามที่อัยการฟ้อง ศาลจึงพิพากษาในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะ อาญามาตรา 253 คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ สำหรับคดีที่เจ้าทุกข์เป็นโจทก์ฟ้องไว้ก่อนนั้น แม้จะได้ยื่นคำฟ้องไว้ก่อน แต่ศาลก็ยังมิได้ไต่สวนและประทับฟ้อง กรณีจึงต้องด้วย ป.วิ.อาญามาตรา 39(4) ศาลจึงต้องไม่รับฟ้องโจทก์ไว้ พิจารณาต่อไป./
(ประชุมใหญ่)
จำเลยรับสารภาพตามที่อัยการฟ้อง ศาลจึงพิพากษาในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะ อาญามาตรา 253 คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ สำหรับคดีที่เจ้าทุกข์เป็นโจทก์ฟ้องไว้ก่อนนั้น แม้จะได้ยื่นคำฟ้องไว้ก่อน แต่ศาลก็ยังมิได้ไต่สวนและประทับฟ้อง กรณีจึงต้องด้วย ป.วิ.อาญามาตรา 39(4) ศาลจึงต้องไม่รับฟ้องโจทก์ไว้ พิจารณาต่อไป./
(ประชุมใหญ่)