พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้ละเมิด: ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้อย่างเดียวกับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 อยู่แล้วว่ามูลหนี้ละเมิดระงับหรือไม่ แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์ข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
บันทึกที่สถานีตำรวจมีข้อตกลงว่า ฝ่ายจำเลยที่ 2 ยอมใช้ค่าเสียหายตามที่ฝ่ายโจทก์เรียกร้องทั้งสิ้นเป็นเงิน35,268.60 บาท คู่กรณีไม่ติดใจที่จะฟ้องร้องกันในทางแพ่ง อาญา ถ้าหากผิดสัญญาคู่กรณีจะฟ้องกันเองในทางแพ่ง ข้อตกลงนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2 และผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จึงมีผลให้มูลหนี้ละเมิดระงับสิ้นไป โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองตามมูลหนี้ละเมิดอีกไม่ได้ชอบที่จะฟ้องจำเลยที่ 2 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
บันทึกที่สถานีตำรวจมีข้อตกลงว่า ฝ่ายจำเลยที่ 2 ยอมใช้ค่าเสียหายตามที่ฝ่ายโจทก์เรียกร้องทั้งสิ้นเป็นเงิน35,268.60 บาท คู่กรณีไม่ติดใจที่จะฟ้องร้องกันในทางแพ่ง อาญา ถ้าหากผิดสัญญาคู่กรณีจะฟ้องกันเองในทางแพ่ง ข้อตกลงนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2 และผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จึงมีผลให้มูลหนี้ละเมิดระงับสิ้นไป โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองตามมูลหนี้ละเมิดอีกไม่ได้ชอบที่จะฟ้องจำเลยที่ 2 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องจากจำเลยไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานนอกสำนวน
จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คให้ ส. เจ้าหนี้ จำเลยมิได้นำสืบถึงว่าเงินหนี้มีอยู่เท่าใด ไม่มีการคิดเงินหนี้สินที่ติดพันกันมาก่อนและหนี้ที่ซื้อเชื่อกันหลายครั้งหลายหน ไม่น่าจะมีจำนวนเงินครบถ้วน 12,000 บาทโดยไม่มีเศษเงินเลยเป็นการวินิจฉัยคำพยานนอกสำนวน คลาดเคลื่อนต่อพยานหลักฐานในสำนวนนั้น แต่จำเลยมิได้ยกเหตุผลขึ้นอ้างอิงเลยว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานนอกสำนวนอย่างไร หรือคลาดเคลื่อนต่อพยานหลักฐานในสำนวนอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2108/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากแก้ไขเล็กน้อยและประเด็นทรัพย์สินชัดเจน ศาลอุทธรณ์ฟังพยานหลักฐานชอบด้วยกฎหมาย
ในคดีร้องขัดทรัพย์ซึ่งมีราคาทรัพย์สินที่พิพาท 45,720 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด 28 รายการราคา 27,590 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ปล่อยอีก 14 รายการ ราคา 15,630 บาทเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง (อ้างคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 131/2493)
ผู้ร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด โดยอ้างว่าสินค้าที่ถูกยึดเป็นสินค้าประเภทผู้ร้องรับเหมาขายแล้วส่งต้นทุนคืนให้ร้านค้าส่ง กำไรตกเป็นของผู้ร้อง แต่ทางนำสืบปรากฏว่าผู้ร้องซื้อด้วยเงินสดแทบทั้งสิ้น เช่นนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ฟังพยานหลักฐานในสำนวนแล้ววินิจฉัยว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย เป็นการฟังพยานหลักฐานชอบด้วยกระบวนพิจารณาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่นอกคำร้อง เพราะประเด็นมีว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยหรือไม่
ผู้ร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด โดยอ้างว่าสินค้าที่ถูกยึดเป็นสินค้าประเภทผู้ร้องรับเหมาขายแล้วส่งต้นทุนคืนให้ร้านค้าส่ง กำไรตกเป็นของผู้ร้อง แต่ทางนำสืบปรากฏว่าผู้ร้องซื้อด้วยเงินสดแทบทั้งสิ้น เช่นนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ฟังพยานหลักฐานในสำนวนแล้ววินิจฉัยว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย เป็นการฟังพยานหลักฐานชอบด้วยกระบวนพิจารณาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่นอกคำร้อง เพราะประเด็นมีว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1584-1586/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริง: จำเลยอ้างความประมาท แต่เบี่ยงเบนข้อเท็จจริงจากที่ศาลอุทธรณ์รับฟัง
จำเลยฎีกาว่ามิได้มีเจตนากระทำผิดแต่กระทำโดยประมาทโดยจำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงในฎีกาให้ผิดเพี้ยนไปจากที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมา จึงเป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้รับฟังมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนนั่นเอง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาหลังศาลอุทธรณ์อนุญาตถอนอุทธรณ์
คดีความผิดต่อส่วนตัวซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย โจทก์จำเลย ต่างอุทธรณ์แล้วทั้งสองฝ่ายขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มี คำสั่งอนุญาตและจำหน่ายคดี โจทก์จำเลยฎีกาว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ตรงตามความประสงค์เพราะคำสั่งนั้นมีผล ให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นยังคงอยู่ โจทก์จำเลยประสงค์เลิกคดี กัน และโจทก์ฎีกาขอให้มีคำสั่งให้โจทก์ถอนฟ้องด้วย ดังนี้ ศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ โดยถือว่าโจทก์ ขอถอนฟ้องคดีนี้ในชั้นฎีกาซึ่งจำเลยไม่คัดค้าน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขบทกฎหมายลงโทษโดยศาลอุทธรณ์และการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า.จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 200และมาตรา 201 ให้ลงโทษตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทหนักส่วนโทษที่ลงแก่จำเลยนั้นให้เป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดดังนี้เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขเฉพาะการปรับบทกฎหมายในการลงโทษให้ถูกต้อง โดยมิได้แก้ไขโทษแต่อย่างใด จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง: จำเลยต้องร้องต่อศาลอุทธรณ์เอง
การที่จะให้ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221 นั้น เป็นหน้าที่ของผู้ฎีกาจะไปร้องขอยังศาลอุทธรณ์เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษในคดียาเสพติด: ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษโดยรวมกระทงความผิด ทำให้ฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีและพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร 2 กระทง จำคุกกระทงแรก 6 เดือน กระทงหลัง 1 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 1 ปี 8 เดือน แก้เฉพาะโทษมิได้แก้บท จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ฎีกาจำเลยทั้งสองที่ขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษในคดียาเสพติด: ศาลอุทธรณ์แก้โทษโดยลงโทษกรรมเดียว แต่ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเพราะเป็นการแก้ไขเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีและพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร รวม 2 กระทง วางโทษจำคุกกระทงแรก 1 ปี กระทงหลัง 3 ปี 4 เดือนรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 2 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยกระทำความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก 3 ปี 4เดือน รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 8 เดือน แก้เฉพาะโทษมิได้แก้บท จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับตามสัญญา – โจทก์ฟ้องเฉพาะค่าปรับตามสัญญา ข้อ 8 ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินกว่าที่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องมุ่งขอบังคับตามสัญญาข้อ 8 คือ ค่าปรับร้อยละ 5 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้ส่งให้โจทก์ตามสัญญาเพียงกรณีเดียว มิได้ฟ้องขอบังคับเอาค่าเสียหายอย่างอื่นจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายอย่างอื่นแก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่ฟ้อง