คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เลิกจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,045 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2771/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละทิ้งหน้าที่ – การเลิกจ้าง – ค่าชดเชย – ค่าจ้างวันหยุดพักผ่อน – การลาที่ถูกต้องตามระเบียบ
ลูกจ้างไม่มาทำงานตั้งแต่วันที่ 8 ถึงวันที่ 15 ในชั้นแรกหยุดงานไปโดยไม่ได้ลาในวันที่ 8 และวันที่ 10(วันที่ 9 เป็นวันหยุด) ต่อมาได้โทรศัพท์ขอลากิจในวันที่ 11 ถึงวันที่ 13 และโทรศัพท์ลาป่วยในวันที่ 14 และวันที่ 15 ต่อเนื่องมาอีก ครั้นมาทำงานก็มิได้ส่งใบลาตามระเบียบ ถือได้ว่าลูกจ้างได้ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรนายจ้างจึงเลิกจ้างได้โดยมิต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี
นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างประจำเมื่อวันที่ 17 จึงไม่ต้องจ่ายค่าจ้างในวันเลิกจ้าง ส่วนวันที่ 16 แม้เป็นวันหยุด ลูกจ้างก็ยังคงเป็นลูกจ้างอยู่จึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมตามสัญญาจ้างที่มีเงื่อนไขอายุ ลูกจ้างต้องพ้นหน้าที่เมื่ออายุครบ 30 ปีบริบูรณ์ ศาลฎีกายืนตามสัญญา
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าการเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมหรือเทียบเท่า ศาลฎีกาพิพากษายืน เมื่อสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยข้อ 3 กำหนดว่าลูกจ้างจะต้องพ้นหน้าที่เมื่อมีอายุ30 ปีบริบูรณ์ กรณีจึงต้องอยู่ในบังคับตามความในข้อ 3 ของสัญญาจ้างดังกล่าวอันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างด้วย จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2529 โจทก์มีอายุครบ 30ปีบริบูรณ์วันที่ 23 เมษายน 2529 ในชั้นบังคับคดี ขณะนั้นโจทก์มีอายุเกิน 30 ปีแล้ว จำเลยได้มีคำสั่งที่ 08/2530 ให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2529 ถึงวันที่โจทก์มีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์ กับได้จ่ายค่าจ้างในช่วงเวลาดังกล่าวให้แก่โจทก์โดยนำมาวางศาลดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาครบถ้วนและถูกต้องแล้ว การบังคับคดีเป็นอันสิ้นสุด ที่โจทก์จำเลยได้ทำข้อตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530 เป็นเรื่องนอกเหนือจากคำพิพากษา ไม่อาจนำมาบังคับในคดีนี้ได้.(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่397/2524)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับร้ายแรง (เสพสุราขณะทำงาน) ไม่ถือเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
จำเลยประกอบกิจการผลิตเหล็กโดยใช้เครื่องจักรในการผลิตและมีพนักงานเป็นผู้ควบคุมดูแลเครื่องจักร เป็นกิจการที่อาจเกิดอันตรายแก่พนักงานหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยได้ง่าย ที่จำเลยออกระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานห้ามเสพสุราในขณะปฏิบัติงานโดยถือเป็นความผิดร้ายแรง ก็เพื่อป้องกันภยันตรายที่จะเกิดแก่พนักงานหรือจำเลยไว้ล่วงหน้าดังนั้น เมื่อโจทก์ทั้งสองเสพสุรามึนเมาในขณะปฏิบัติงานย่อมเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวเป็นกรณีร้ายแรงจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องรอให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยก่อน ไม่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีแรงงาน: การเลิกจ้างที่เป็นธรรม แม้เปลี่ยนฐานข้อหาเป็นละเมิด ศาลวินิจฉัยเป็นฟ้องซ้ำได้
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 35 โจทก์อาจยื่นคำฟ้องเป็นหนังสือ หรือแถลงข้อหาด้วยวาจาต่อหน้าศาลก็ได้ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยด้วยวาจาต่อศาลแรงงานกลางโดยอ้างสภาพแห่งข้อหาว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายและเงินอื่น ๆกับให้ยกเลิกคำสั่งของจำเลยที่เลิกจ้างโจทก์ ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่า การเลิกจ้างของจำเลยเป็นการเลิกจ้างเป็นธรรม คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยอีกโดยกล่าวอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการจงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ และมีคำขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินประเภทต่าง ๆ กับขอให้เพิกถอนคำสั่งฉบับเดียวกัน และสั่งให้โจทก์เข้าทำงานตามเดิม หรือให้ชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งแม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นการละเมิด ก็เป็นเรื่องที่เกิดจากการเลิกจ้างของจำเลยอันเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมหรือไม่ จึงเป็นฟ้องซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีแรงงาน: การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แม้มีการเปลี่ยนฐานข้อกล่าวหาเป็นละเมิด ก็ถือเป็นฟ้องซ้ำ
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 35 โจทก์อาจยื่นคำฟ้องเป็นหนังสือ หรือแถลงข้อหาด้วยวาจาต่อหน้าศาลก็ได้ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยด้วยวาจาต่อศาลแรงงานกลางโดยอ้างสภาพแห่งข้อหาว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายและเงินอื่น ๆกับให้ยกเลิกคำสั่งของจำเลยที่เลิกจ้างโจทก์ ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่า การเลิกจ้างของจำเลยเป็นการเลิกจ้างเป็นธรรม คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยอีกโดยกล่าวอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการจงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ และมีคำขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินประเภทต่าง ๆ กับขอให้เพิกถอนคำสั่งฉบับเดียวกัน และสั่งให้โจทก์เข้าทำงานตามเดิม หรือให้ชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งแม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นการละเมิด ก็เป็นเรื่องที่เกิดจากการเลิกจ้างของจำเลยอันเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมหรือไม่ จึงเป็นฟ้องซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม: การใช้ลูกจ้างไปทำงานส่วนตัวของผู้บริหาร และการเบิกความเท็จมีผลต่อเหตุเลิกจ้าง
จำเลยฟ้องต่อศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เลิกจ้างจำเลยโดยไม่เป็นธรรม แล้วเบิกความว่าจำเลยไม่ได้ใช้ ส.และ พ.พนักงานรักษาความปลอดภัยลูกจ้างของโจทก์ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยไปธุระส่วนตัวในเวลาทำงาน เพียงแต่เป็นผู้ฝากงานให้ ส.และ พ.ทำนอกเวลาทำงานปกติของโจทก์ เอกสารหมาย ล.9 เป็นหนังสือที่จำเลยขอบคุณ พ.ที่ไปช่วยงานโดยจำเลยไม่ทราบเรื่อง ซึ่งในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าการเลิกจ้างเป็นธรรมหรือไม่นั้น ต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่า ส.และ พ.ได้ละทิ้งหน้าที่เพราะจำเลยใช้ให้ไปทำงานส่วนตัวให้จำเลยหรือไม่โดยตรง ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้นอาจจะเป็นกรณีที่ถือได้ว่าจำเลยทุจริตต่อหน้าที่ จงใจให้โจทก์เสียหายอันโจทก์ถือเป็นเหตุเลิกจ้างจำเลย ซึ่งถ้าเป็นดังนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมข้อความที่จำเลยเบิกความดังกล่าวจึงเป็นข้อสำคัญในคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จในคดีแรงงานส่งผลต่อการวินิจฉัยความชอบธรรมของการเลิกจ้าง
โจทก์ฟ้องว่า เดิม จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลธุรการ ต่อมาโจทก์เลิกจ้างเพราะจำเลยใช้พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งหน้าที่ไปทำงานส่วนตัวให้จำเลยจำเลยจึงฟ้องโจทก์ต่อศาลแรงงานว่าโจทก์เลิกจ้างจำเลยโดยไม่เป็นธรรมในการพิจารณาคดีดังกล่าว จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จว่า ส. ได้รับแต่ง ตั้งเป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัย อยากได้รายได้พิเศษ จำเลยจึงฝาก ส. ทำงานที่ร้านอาหารโดยให้ไปทำในช่วงที่มิใช่เวลาทำงานของโจทก์ ฝากงานให้แล้ว ส. มาทำงานสายจำเลยได้ว่ากล่าวตักเตือนและเบิกความอันเป็นเท็จว่าจำเลยไม่เคยใช้ พ. ไปทำธุระส่วนตัวร้านอาหารที่จำเลยฝากงานให้ไปทำอยู่ที่ห้าง อ. เอกสาร ล.6 จำเลยเขียนฝากงานให้ ส. ทำที่โรงแรมจำเลยก็เบิกความเท็จว่าจำเลยเขียนฝากงานให้ทำที่ห้าง อ. เอกสาร ล.9 เป็นหนังสือที่จำเลยขอบใจ พ. เกี่ยวกับเรื่องงานที่จำเลยได้มอบหมายให้ไปทำและให้เก็บเป็นความลับ จำเลยก็เบิกความเท็จว่าเป็นหนังสือที่จำเลยขอบใจ พ.ที่ไปช่วยงานร้านอาหารโดยส. ขอร้องและจำเลยไม่รู้เรื่องข้อความที่โจทก์อ้างว่าจำเลยเบิกความนี้เป็นข้อสำคัญในคดี จะอ้างว่าแม้จำเลยจะเบิกความเป็นเท็จก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปย่อมไม่ถูกต้อง ที่ศาลสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องจึงเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและการเบิกความเท็จในคดีแรงงาน ศาลต้องไต่สวนมูลฟ้องหากข้อเท็จจริงสำคัญเปลี่ยนแปลง
จำเลยฟ้องต่อศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เลิกจ้างจำเลยโดยไม่เป็นธรรม แล้วเบิกความว่าจำเลยไม่ได้ใช้ ส.และพ.พนักงานรักษาความปลอดภัยลูกจ้างของโจทก์ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยไปธุระส่วนตัวในเวลาทำงาน เพียงแต่เป็นผู้ฝากงานให้ส.และพ.ทำนอกเวลาทำงานปกติของโจทก์ เอกสารหมาย ล.9 เป็นหนังสือที่จำเลยขอบคุณ พ.ที่ไปช่วยงานโดยจำเลยไม่ทราบเรื่อง ซึ่งในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าการเลิกจ้างเป็นธรรมหรือไม่นั้น ต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่า ส.และพ.ได้ละทิ้งหน้าที่เพราะจำเลยใช้ให้ไปทำงานส่วนตัวให้จำเลยหรือไม่โดยตรง ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้นอาจจะเป็นกรณีที่ถือได้ว่าจำเลยทุจริตต่อหน้าที่ จงใจให้โจทก์เสียหายอันโจทก์ถือเป็นเหตุเลิกจ้างจำเลย ซึ่งถ้าเป็นดังนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมข้อความที่จำเลยเบิกความดังกล่าวจึงเป็นข้อสำคัญในคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมโดยอ้างธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่มีระเบียบเป็นลายลักษณ์อักษร ศาลฎีกาตัดสินให้จ่ายค่าชดเชย
โจทก์เบิกอะไหล่ของจำเลยผู้เป็นนายจ้างไปหลายชิ้นเพื่อซ่อมรถยนต์โดยสารของจำเลย บางชิ้นได้นำไปเปลี่ยนใส่ในรถยนต์โดยสารของจำเลยแล้ว บางชิ้นก็คงเก็บไว้ในตู้เก็บอะไหล่ที่ที่ทำงานของโจทก์ เมื่อจำเลยไม่มีระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นลายลักษณ์อักษรห้ามกระทำ ดังนั้นจำเลยจะเอาธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาเป็นเวลานานแล้วมาอ้างว่าเป็นระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย โดยถือว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง และเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม การอ้างธรรมเนียมปฏิบัติแทนระเบียบที่เป็นลายลักษณ์อักษรใช้ไม่ได้ในการเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
โจทก์เบิกอะไหล่ของจำเลยผู้เป็นนายจ้างไปหลายชิ้นเพื่อซ่อมรถยนต์โดยสารของจำเลย บางชิ้นได้นำไปเปลี่ยนใส่ในรถยนต์โดยสารของจำเลยแล้ว บางชิ้นก็คงเก็บไว้ในตู้เก็บอะไหล่ที่ที่ทำงานของโจทก์ เมื่อจำเลยไม่มีระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นลายลักษณ์อักษรห้ามกระทำ ดังนั้นจำเลยจะเอาธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาเป็นเวลานานแล้วมาอ้างว่าเป็นระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยโดยถือว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง และเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์หาได้ไม่.
of 205