คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ละเมิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3848/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน, ละเมิดจากการก่อสร้าง, ความรับผิดของผู้รับประกันภัย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กับบริษัท ด. และบริษัท อ. ได้จดทะเบียนการค้าสำหรับงานก่อสร้างสะพานไว้กับกรมสรรพากรว่า "สาธรบริดจ์จอยเวนเจอร์"โดยมีอ. เป็นผู้มีอำนาจทำการแทน เช่นนี้ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่ากิจการ"สาธรบริดจ์จอยเวนเจอร์" ก็คือห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลซึ่งจำเลยที่ 1 กับบริษัทในต่างประเทศอีกสองบริษัทร่วมกันกระทำในประเทศไทยนั่นเอง ดังนั้นเมื่อรถยนต์บรรทุกของโจทก์ตกลงไปในหลุมที่ "สาธรบริดจ์จอยเวนเจอร์" ขุดไว้อันเป็นการละเมิดตามฟ้อง เกิดขึ้นในกิจการที่เป็นธรรมดาของ"สาธรบริดจ์จอยเวนเจอร์" จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ที่เกิดขึ้นจากการละเมิดนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050 โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1ได้ ทั้งการที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัยค้ำจุน"สาธรบริดจ์จอยเวนเจอร์" สัญญาประกันภัยก็ผูกพันจำเลยที่ 1 ด้วยเมื่อจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชอบต่อวินาศภัยที่เกิดขึ้นตามฟ้องโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางสัญญาและละเมิดของลูกจ้าง การปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการคำนวณค่าเสียหาย
โจทก์ตั้งฟ้องมาว่า จำเลยและผู้จัดการที่ทำการประปากระทำละเมิดผิดสัญญาจ้าง เรียกค่าเสียหาย แม้จะฟังว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความในมูลละเมิดแต่ในเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงาน อายุความ10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
จำเลยมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุของโจทก์ ร่วมกับผู้จัดการที่ทำการประปากระทำการฝ่าฝืนต่อระเบียบข้อบังคับของโจทก์โดยทุจริตยักยอกและเบียดบังเอาทรัพย์ของโจทก์ เช่นนี้จำเลยจะอ้างว่าปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเพื่อปัดความผิดของตนหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าจำเลยจะต้องรับผิดในหนี้6 รายการ ตามเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 8.1.1 ถึง 8.1.6 รวมเป็นเงิน390,149.20 บาทเช่นนี้ แม้ศาลจะได้กล่าวสรุปในตอนต่อมาของคำพิพากษาว่า '...ความรับผิดของจำเลยที่ 1 จริง ๆ ควรเป็นจำนวน390,149.20 บาท ตามเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 8.1.6 เท่านั้น ...' อันเป็นการคลาดเคลื่อนไป จำเลยที่ 1 จะถือโอกาสเอาข้อคลาดเคลื่อนผิดหลงเพียงเล็กน้อยเท่านี้มาลดความรับผิดจริงให้เหลือเพียง8,346 บาท ตามที่ระบุในเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 8.1.6 เท่านั้นหาชอบไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3669/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: เริ่มนับเมื่อผู้แทนโจทก์รู้การละเมิดและตัวผู้รับผิด
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผน ไม่ควบคุมดูแลการรับเงินและการส่งเงินจนเป็นเหตุให้จำเลยที่ 4 ยักยอกเงินของโจทก์ไปได้และทำให้โจทก์เสียหาย เป็นการฟ้องโดยอาศัยมูลละเมิดและเรียกค่าสินไหมทดแทน โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องได้
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 โดยมูลละเมิดทั่วไป มิใช่มูลละเมิดอันเป็นความผิดมีโทษทางอาญา จึงมีอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก ซึ่งต้องเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนและในกรณ์นิติบุคคลเป็นผู้เสียหายย่อมต้องนับจากวันที่ผู้แทนของนิติบุคคล ได้รู้ดังกล่าว
โจทก์เป็นสุขาภิบาลตูมใต้มีนายอำเภอกุมภวาปีเป็นประธานโดยตำแหน่ง ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นนายอำเภอกุมภวาปี สารวัตรใหญ่แจ้งความว่าได้รับคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญากับจำเลยทั้งสี่และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้เข้ามอบตัวในวันเดียวกัน การแจ้งความดังกล่าวมิใช่การแจ้งความของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้แทนโจทก์ และจำเลยที่ 1 ก็ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย จะถือว่ารู้ตัวผู้จะต้องรับผิดรายอื่น ๆ ไม่ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นผู้แทนโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ต้องรับผิดอันจะนับอายุความในวันดังกล่าว ต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวบุคคลผู้ต้องรับผิดเพื่อละเมิดเกี่ยวกับจำเลยในวันที่นายอำเภอกุมภวาปีคนใหม่รับทราบจากรายงานของคณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งเกี่ยวกับการทุจริตรายนี้ เมื่อโจทก์ฟังยังไม่เกิน 1 ปี คดีจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3669/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: การนับอายุความเริ่มเมื่อผู้แทนโจทก์รู้การละเมิดและตัวผู้รับผิด
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผน ไม่ควบคุมดูแลการรับเงินและการส่งเงินจนเป็นเหตุให้จำเลยที่ 4 ยักยอกเงินของโจทก์ไปได้และทำให้โจทก์เสียหายเป็นการฟ้องโดยอาศัยมูลละเมิดและเรียกค่าสินไหมทดแทนโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องได้ โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 โดยมูลละเมิดทั่วไป มิใช่มูลละเมิดอันเป็นความผิดมีโทษทางอาญา จึงมีอายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก ซึ่งต้องเริ่มนับอายุความ ตั้งแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนและในกรณีนิติบุคคลเป็นผู้เสียหายย่อมต้องนับจากวันที่ผู้แทนของนิติบุคคลได้รู้ดังกล่าว โจทก์เป็นสุขาภิบาลตูมใต้มีนายอำเภอกุมภวาปีเป็นประธานโดยตำแหน่งขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นนายอำเภอกุมภวาปีสารวัตรใหญ่แจ้งความว่าได้รับคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญากับจำเลยทั้งสี่และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้เข้ามอบตัวในวันเดียวกัน การแจ้งความดังกล่าวมิใช่การแจ้งความของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนโจทก์และจำเลยที่ 1 ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยจะถือว่ารู้ตัวผู้จะต้องรับผิดรายอื่น ๆ ไม่ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าผู้แทนโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ต้องรับผิดอันจะนับอายุความในวันดังกล่าวต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวบุคคลผู้ต้องรับผิดเพื่อการละเมิดเกี่ยวกับจำเลยในวันที่นายอำเภอกุมภวาปีคนใหม่รับทราบจากรายงานของคณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งเกี่ยวกับการทุจริตรายนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องยังไม่เกิน 1 ปี คดีจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3668/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภาระจำยอมโดยการใช้สิทธิปรปักษ์ และการไม่ถือว่าเป็นการละเมิดเมื่อกระทำโดยสุจริตก่อนซื้อที่ดิน
แม้ชายคา หน้าต่างหากมีการเปิด และทางระบายน้ำของห้องแถวจำเลยซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของ ว. จะได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ก็ตาม เมื่อจำเลยได้กระทำด้วยความสุจริตเพื่อการใช้ชายคา หน้าต่างกับทางระบายน้ำดังกล่าวมาก่อนที่โจทก์จะซื้อที่ดินของโจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทั้งจำเลยได้ใช้สิทธินั้นด้วยอำนาจปรปักษ์มาเป็นเวลาเกิน 10 ปี จึงได้สิทธิภาระจำยอมเกี่ยวกับชายคา หน้าต่างกับทางระบายน้ำนั้นในที่ดินโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3659/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดเครื่องหมายการค้า การแจ้งความร้องทุกข์ และการยึดของกลางของเจ้าพนักงานตำรวจ
จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าฮาริสของบริษัท อ. ที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ต่างประเทศ โจทก์เคยสั่งซื่อสินค้าดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 ย่อมรู้จักรอยประดิษฐ์เครื่องหมายการค้าของสินค้าที่จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่ายได้ดี การที่โจทก์ที่ 1 สั่งสินค้ามาตรวัดความดันแก๊สของกลางซึ่งมีเครื่องหมายการค้าฮาริสปลอมเข้ามาจำหน่ายโดยเจตนาให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นสินค้าของบริษัท อ. จึงทำให้บริษัทดังกล่าวเสียหายเป็นการละเมิดดังนั้น จำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท อ. ให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ละเมิดสิทธิดังกล่าว จึงมีสิทธิมอบให้จำเลยที่ 3 ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินการตามกฎหมายกับโจทก์ได้
การที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเมื่อได้รับแจ้งความแล้วได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่และโดยสุจริต กล่าวคือทำการตรวจค้น เมื่อได้ความว่าสินค้าของกลางมีการนำเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นมาใช้เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของผู้อื่นอันเข้าลักษณะความผิดทางอาญา จึงได้ยึดสินค้าดังกล่าวเป็นของกลาง แล้วมอบเรื่องให้พนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจดำเนินคดีต่อไป การกระทำของจำเลยที่ 4 และที่ 5 ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
หนังสือมอบอำนาจทำขึ้นในต่างประเทศ มีการรับรองโดยโนตารีบับลิก และกงสุลไทยแห่งเมืองนั้นรับรองอีกชั้นหนึ่งว่าเป็นลายมือชื่อและตราประทับของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจริง เป็นหนังสือมอบอำนาจถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้น ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3659/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดเครื่องหมายการค้า: การยึดสินค้าปลอมและการดำเนินการตามกฎหมายโดยเจ้าพนักงาน
จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าฮาริสของบริษัทอ. ที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ต่างประเทศ โจทก์เคยสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจากจำเลยที่ 1ย่อมรู้จัก รอยประดิษฐ์เครื่องหมายการค้าของสินค้าที่จำเลยที่ 1เป็นตัวแทนจำหน่ายได้ดี การที่โจทก์ที่ 1 สั่งสินค้ามาตรวัดความดันแก๊สของกลางซึ่งมีเครื่องหมายการค้าฮาริสปลอมเข้ามาจำหน่ายโดยเจตนาให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นสินค้าของบริษัทอ.จึงทำให้บริษัทดังกล่าวเสียหายเป็นการละเมิด ดังนั้น จำเลยที่ 2หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท อ.ให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ละเมิดสิทธิดังกล่าว จึงมีสิทธิมอบให้จำเลยที่ 3 ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินการตามกฎหมายกับโจทก์ได้ การที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเมื่อได้รับแจ้งความแล้วได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายตามอำนาจหน้าที่และโดยสุจริต กล่าวคือทำการตรวจค้น เมื่อได้ความว่าสินค้าของกลางมีการนำเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นมาใช้เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของผู้อื่นอันเข้าลักษณะความผิดทางอาญา จึงได้ยึดสินค้าดังกล่าวเป็นของกลางแล้วมอบเรื่องให้พนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจดำเนินคดีต่อไปการกระทำของจำเลยที่ 4 และที่ 5 ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ หนังสือมอบอำนาจทำขึ้นในต่างประเทศ มีการรับรองโดยโนตารีปับลิกและกงสุลไทยแห่งเมืองนั้นรับรองอีกชั้นหนึ่งว่าเป็นลายมือชื่อและตราประทับของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจริงเป็นหนังสือมอบอำนาจถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้น ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณค่าสินไหมทดแทนจากละเมิด, ข้อจำกัดการฎีกา, และขอบเขตความรับผิดชอบในกรณีบาดเจ็บ/เสียชีวิต
ในคดีฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการละเมิด โจทก์แต่ละคนใช้สิทธิเฉพาะตัวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 แม้จะฟ้องรวมกันมา ก็ต้องถือทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกัน ปรากฏว่าโจทก์ที่ 15 ที่ 17 ที่ 19 และที่ 21 แต่ละคนเรียกร้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248
จำเลยอุทธรณ์ในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์เคยสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ในข้อดังกล่าวมาแล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์เช่นนี้ย่อมถึงที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 236 วรรคหนึ่ง จำเลยหาอาจฎีกาต่อไปได้ไม่
การทนทุกข์ทรมานบังเกิดขึ้นจากสภาพร่างกายและจิตใจผิดปกติหรือเสื่อมสุขภาพอนามัย ทำให้หย่อนสมรรถภาพในการศึกษาและในการประกอบอาชีพหรือทำให้ทางทำมาหาได้ลดน้อยลงกว่าปกติและการมีรอยแผลเป็นติดตัวหรือกรณีของโจทก์ที่ 9 ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวาพิการทำให้เส้นประสาทขาขาดและขาลีบซึ่งพอถือได้ว่ามีรอยแผลเป็นติดตัวนั้น เป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่เป็นตัวเงิน และไม่ซ้ำซ้อนกับค่าสินไหมทดแทนในกรณีอื่น ทั้งการทนทุกข์ทรมานหรือเสื่อมสุขภาพอนามัยและการมีรอยแผลเป็นติดตัวเป็นผลโดยตรงแห่งการละเมิดของจำเลย โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยผู้กระทำละเมิดได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา444 และ 446
การได้รับบาดเจ็บจนเป็นเหตุให้ต้องพักการศึกษาเล่าเรียนไม่มีกฎหมายในเรื่องละเมิดให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการขับรถประมาท: ผู้ขับขี่มีหน้าที่ตรวจสภาพรถและขับขี่ปลอดภัย แม้ไฟหน้าดับก็ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
จำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์โดยสารมาด้วยความเร็วสูง เมื่อขับขี่เข้าทางโค้งก็ไม่ชะลอความเร็วลง รถจึงเสียการทรงตัวแล่นออกนอกเส้นทางพลิกคว่ำตกข้างถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งโดยสารมาในรถได้รับบาดเจ็บและแม้ไฟหน้าส่องทางรถดับมืดลงก่อนเกิดเหตุเนื่องจากไฟลัดวงจรก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ผู้ขับขี่ที่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้รถอยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับขี่ด้วยความปลอดภัย จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ทำละเมิดต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการขับรถประมาท แม้ไฟดับก็ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ผู้ขับขี่ต้องตรวจสภาพรถและขับขี่ปลอดภัย
จำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์โดยสารมาด้วยความเร็วสูง เมื่อขับขี่เข้าทางโค้งก็ไม่ชะลอความเร็วลง รถจึงเสียการทรงตัวแล่นออกนอกเส้นทางพลิกคว่ำตกข้างถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ขับขี่รถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งโดยสารมาในรถได้รับบาดเจ็บและแม้ไฟหน้าส่องทางของรถดับมืดลงก่อนเกิดเหตุเนื่องจากไฟลัดวงจรก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ผู้ขับขี่ที่ต้องตรวจตราระมัดระวังให้รถอยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับขี่ด้วยความปลอดภัย จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ทำละเมิดต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์.
of 278