คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,449 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในสัญญาซื้อขายเมื่ออ้างตัวเป็นตัวการ: จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบหนี้ด้วยตนเอง
เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 ไปอ้างต่อโจทก์ว่าเป็นตัวการของจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดชอบในการที่จำเลยที่ 2 ซื้อเครื่องก่อสร้างจากโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกระดาษเพื่ออุตสาหกรรมและการโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ที่มีประกัน
เจ้าหนี้ส่งมอบกระดาษรายพิพาทให้ลูกหนี้เพื่อเอาไปพิมพ์แบบเรียนจำหน่าย ดังนี้เป็นการทำเพื่ออุตสาหกรรมของลูกหนี้ต้องตามบัญญัติยกเว้นไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 165 (1) ไม่ต้องคำนึงถึงอายุความ 2 ปี
การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนหนี้ มีเงื่อนไขว่า ถ้าผู้รับโอนไม่ได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ ให้ผู้รับโอนสิทธิเลือกเรียกร้องเอาจากผู้โอนหรือลูกหนี้ได้ ดังนี้เป็นการโอนหนี้กันโดยแท้จริงแล้ว เป็นแต่เพียงผู้โอนตกลงประกันหนี้รายนี้ของลูกหนี้ไว้ด้วยเท่านั้น
(ประชุมครั้งใหญ่ครั้งที่ 1/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องและการยกเว้นอายุความสำหรับหนี้เพื่ออุตสาหกรรม
เจ้าหนี้ส่งมอบกระดาษรายพิพาทให้ลูกหนี้เพื่อเอาไปพิมพ์แบบเรียนจำหน่ายดังนี้ เป็นการทำเพื่ออุตสาหกรรมของลูกหนี้ต้องตามสบัญญัติยกเว้นไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)ไม่ต้องคำนึงถึงอายุความ 2 ปี
การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนหนี้ มีเงื่อนไขว่าถ้าผู้รับโอนไม่ได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ให้ผู้รับโอนมีสิทธิเลือกเรียกร้องเอาจากผู้โอนหรือลูกหนี้ได้ดังนี้ เป็นการโอนหนี้กันโดยแท้จริงแล้ว เป็นแต่เพียงผู้โอนตกลงประกันหนี้รายนี้ของลูกหนี้ไว้ด้วยเท่านั้น(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282-1288/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขต มาตรา 94(2) พ.ร.บ.ล้มละลาย: การยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้เมื่อทราบภาวะล้มละลาย และการโอนหนี้
ความหมายของ มาตรา 94(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 นั้น ไม่จำเป็นจะต้องปรากฏว่ามีการสมยอมกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ในการกระทำหนี้ขึ้น เพียงแต่ว่าในเวลาที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำหนี้ขึ้น เจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ก็ขอรับชำระหนี้นั้นไม่ได้
ถ้าหนี้เดิมยังเป็นของผู้โอน ผู้โอนก็ย่อมขอรับชำระหนี้ได้ เมื่อมีการโอนหนี้ดังกล่าวนี้แล้ว ผู้รับโอนย่อมขอรับชำระหนี้นั้นได้ เพราะเป็นเพียงแต่เปลี่ยนตัวผู้ขอรับชำระหนี้ กรณีเช่นนี้ ไม่เข้าตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94(2) เพราะเป็นหนี้เดิมที่โอนมา ไม่ใช่เป็นหนี้อันเจ้าหนี้ได้ยอมให้ลูกหนี้(ผู้ล้มละลาย) กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่19/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งผิดประเด็นคดี ทำให้ศาลบังคับตามฟ้องแย้งไม่ได้ แม้โจทก์ยังเป็นหนี้ค่าเครื่องรายเก่า
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สั่งซื้อเครื่องสีข้าว (รายใหม่) 4 เครื่อง ชำระราคาทั้งหมด 11,700 บาท ให้จำเลยเสร็จแล้ว จำเลยไม่ส่งเครื่องสีข้าวให้ ขอเรียกเงินทั้งหมดนี้คืน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้รับเครื่องสีข้าว 4 เครื่อง (รายใหม่) นี้ไปแล้ว และก่อนนั้นโจทก์ได้ซื้อเครื่องสีข้าว (รายเก่า) ไป 8 เครื่อง เมื่อคิดบัญชีกันแล้ว รวมที่โจทก์สั่งซื้อทั้งรายเก่าและรายใหม่ โจทก์ยังค้างชำระอยู่อีก 6,700 บาท ขอให้โจทก์ชำระ
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ยังเป็นลูกหนี้ค่าเครื่องรายเก่าอยู่ 6,700 บาท แต่จำเลยกลับฟ้องแย้งผิดจากความจริงไปว่า โจทก์เป็นหนี้ค่าเครื่องรายเก่า และเครื่องรายใหม่ (รายที่โจทก์ฟ้อง) ศาลก็จะต้องชี้ขาดตัดสินไปตามประเด็นในฟ้องแย้ง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 กล่าวคือ จำนวนหนี้ที่ยังค้างชำระกัน 6,700 บาท นั้น ต้องถือตามฟ้องแย้งของจำเลยว่า เป็นค่าเครื่องรายใหม่รวมอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ และทางพิจารณาได้ความว่า โจทก์ยังไม่ได้รับเครื่องรายใหม่ 4 เครื่องนั้น จำเลยก็เรียกค่าเครื่องรายใหม่จากโจทก์ไม่ได้ เมื่อเรียกไม่ได้แล้ว และหนี้ที่ค้างอยู่ 6,700 บาท ก็มีจำนวนไม่ท่วมค่าเครื่องรายใหม่ 4 เครื่อง ตามที่จำเลยนำสืบว่าเป็นเงิน 8,900 บาท เช่นนี้ คดีไม่มีทางที่จะบังคับให้ตามฟ้องแย้งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: อำนาจฟ้องร่วม และผลผูกพันต่อเจ้าหนี้แต่ละราย
โจทก์หลายคนฟ้องจำเลยโดยอาศัยหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยทำให้โจทก์ในฉบับเดียวรวมกัน มิได้แยกการชำระหนี้ไว้ต่างหากจากกัน ในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ว่าจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ทุกคนรวม 6,664 บาท แม้มูลหนี้ เดิมของโจทก์แต่ละคนจะเป็นหนี้คนละราย คนละจำนวน ไม่ใช่เจ้าหนี้ร่วมก็ดี แต่โดยที่ผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถือได้ว่า จำเลยได้ยอมรับว่า ได้เป็นหนี้โจทก์แต่ละคนแล้ว โจทก์ทุกคนจึงมีอำนาจเข้าชื่อร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในสำนวนเดียวกันได้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีว่า จำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์ รวม 22 คน เป็นกรณีที่เกิดจากการที่โจทก์บางคนได้ร้องทุกข์กล่าวหาในคดีอาญาว่า จำเลยฉ้อโกง แม้โจทก์ที่ไปร้องทุกข์นั้นจะไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์คนอื่นให้ทำสัญญายอมนั้น ก็ตาม ในการดำเนินคดีแพ่งตามสัญญายอมนั้น โจทก์ไม่จำต้องอาศัยคำร้องทุกข์ในคดีอาญานั้นเลย เมื่อจำเลยทำหนังสือสัญญายอมไว้ว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามรายชื่อรวม 22 คน จำเลยก็ต้องรับผิดต่อบุคคลแล้วนั้น ตามสัญญานั้น แม้ว่าเจ้าหนี้บางคนจะมิได้ลงลายมือชื่อในสัญญายอมดังกล่าว เจ้าหนี้บางคนเช่นว่านั้น ก็มีอำนาจฟ้องความตามสัญญานั้นได้ ไม่เกี่ยวกับว่าเจ้าหนี้ทั้ง 22 คน จะต้องมอบฉันทะให้ผู้หนึ่งผู้ใด ทำสัญญายอมดังกล่าว กับจำเลยด้วยหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมและสิทธิการยึดทรัพย์: การยึดส่วนของจำเลยในที่ดินกรรมสิทธิ์ร่วม ผู้ร้องไม่มีสิทธิคัดค้านหนี้ระหว่างโจทก์จำเลย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าที่พิพาท ผู้ร้องกับจำเลยและนางยะถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันโจทก์ก็มีสิทธินำยึดส่วนของจำเลยได้ที่ผู้ร้องอ้างว่าหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นหนี้ที่สมยอมกันนั้นจะจริงหรือไม่ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียด้วยจึงไม่มีสิทธิจะยกขึ้นคัดค้านได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์การชำระหนี้สัญญาเงินกู้: หลักฐานต้องชัดเจนและมีลายมือชื่อผู้รับเงิน
เมื่อปรากฏว่าสัญญากู้เงินที่จำเลยทำให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานยังคงอยู่ที่โจทก์โดยมิได้แทงเพิกถอนในเอกสารนั้นว่าได้ชำระหนี้แล้วทั้งรับว่าไม่มีเอกสารใดอีกที่มีลายมือชื่อโจทก์พอที่จะให้เป็นหลักฐานแสดงการรับเงินของโจทก์ก็ย่อมแสดงว่าจำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่
เช็คเป็นตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเมื่อทวงถาม จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารรับรองหนี้ของผู้อื่น ถือเป็นผู้ค้ำประกัน มีสิทธิไล่เบี้ยภายในอายุความตามมาตรา 164
การที่ธนาคารทำหนังสือรับรองพ่อค้าซึ่งเข้าทำสัญญาส่งของต่อบุคคลที่สามว่า ถ้าพ่อค้านั้นผิดสัญญาประการใด ธนาคารจะรับผิดชอบชดใช้ให้บุคคลที่สามนั้น ถือว่าธนาคารเป็นผู้ค้ำประกัน ฉะนั้น เมื่อธนาคารได้ชำระเงินชดใช้แทนไปแล้ว ย่อมมีสิทธิมาฟ้องไล่เบี้ยเอาต่อพ่อค้าได้ภายในอายุความตามมาตรา 164 กรณีไม่เข้าลักษณะอายุความตาม มาตรา 165(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของตัวแทนและการรับผิดของตัวการในหนี้ซื้อขาย
บรรยายฟ้องว่า "จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ได้แต่งตั้งและเชิดให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการมีอำนาจซื้อขายและออกเช็คในนามของห้างหุ้นส่วน " เช่นนี้ ถือว่ามิได้บรรยายให้จำเลยที่ 2 รับผิดชอบเป็นส่วนตัวด้วย แต่เป็นเรื่องเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการ
of 145