คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องซ้ำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำเรื่องสินสมรสและมรดก แม้ทรัพย์ต่างกัน หากประเด็นและเหตุวินิจฉัยเดิมเป็นอย่างเดียวกัน ถือเป็นฟ้องที่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง
โจทก์เคยฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของสามีผู้วายชนม์จากจำเลย จนศาลได้พิพากษาให้แบ่งสินสมรสและแบ่งปันมรดกไปแล้ว แม้ทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องขึ้นใหม่ในคดีใหม่ในคดีใหม่เป็นทรัพย์คนละอย่างกับคดีก่อนแต่ก็เป็นเรื่องเรียกทรัพย์จากจำเลยมาแบ่งเป็นสินสมรส และแบ่งมรดกเช่นเดียวกัน อันเรียกได้ว่าเป็นประเด็นเดียวกับคดีก่อน ซึ่งได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องที่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 148 แม้โจทก์ได้ขอสงวนสิทธิไว้ในคดีก่อน แต่ศาลก็มิได้พิพากษาว่าไม่ตัดสิทธิจะฟ้องร้องว่ากล่าว หรือนัยหนึ่งไม่ได้ให้สิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องใหม่ได้ จึงไม่ทำให้โจทก์กลับมีอำนาจฟ้องคดีใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำประเด็นเดียวกัน: การฟ้องเรียกทรัพย์มรดกซ้ำ แม้เป็นทรัพย์ต่างกัน ย่อมเป็นฟ้องที่ต้องห้าม
โจทก์เคยฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของสามีผู้วายชนม์จากจำเลยจนศาลได้พิพากษาให้แบ่งสินสมรสและแบ่งปันมรดกไปแล้วแม้ทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องขึ้นใหม่ในคดีใหม่เป็นทรัพย์คนละอย่างกับคดีก่อนแต่ก็เป็นเรื่องเรียกทรัพย์จากจำเลยมาแบ่งเป็นสินสมรส และแบ่งมรดกเช่นเดียวกันอันเรียกได้ว่าเป็นประเด็นเดียวกับคดีก่อน ซึ่งได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 แม้โจทก์ได้ขอสงวนสิทธิไว้ในคดีก่อน แต่ศาลก็มิได้พิพากษาว่าไม่ตัดสิทธิจะฟ้องร้องว่ากล่าวหรือนัยหนึ่งไม่ได้ให้สิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องใหม่ได้ จึงไม่ทำให้โจทก์กลับมีอำนาจฟ้องคดีใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำกรณีเช่าเคหะ: การเปลี่ยนแปลงเจตนาเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นค้าขายต้องชัดเจน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในคดีก่อน อ้างว่าจำเลยใช้สถานที่เช่าเพื่อประกอบการค้าประเภทรับจ้างซักรีดเช่นเดียวกับคดีนี้ ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ แม้ภายหลังได้มีคำพิพากษาฎีกาหลายเรื่องวินิจฉัยคำว่า "เคหะ" ตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ก็ไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนว่าไม่เป็น "เคหะ" ได้ การที่โจทก์ฟ้องคดีใหม่อ้างเหตุว่าจำเลยยอมเสียค่าเช่าเพิ่มจากเดิมโดยจำเลยได้ขยายกิจการการค้าในร้านนี้กว้างขวางออกไปอีก รับจ้างซักรีดผ้าทุกชนิด เพียงเท่านี้ยังไม่พอให้เห็นว่า คู่สัญญาได้เปลี่ยนเจตนาจากการเช่าอยู่อาศัย เป็นการเช่าเพื่อประกอบการค้า จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงเจตนาเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นค้า และฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในคดีก่อน อ้างว่าจำเลยใช้สถานที่เช่าเพื่อประกอบการค้าประเภทรับจ้างซักรีดเช่นเดียวกับคดีนี้ ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ แม้ภายหลังได้มีคำพิพากษาฎีกาหลายเรื่องวินิจฉัยคำว่า "เคหะ" ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯก็ไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนว่าไม่เป็น"เคหะ" ได้ การที่โจทก์ฟ้องคดีใหม่อ้างเหตุว่าจำเลยยอมเสียค่าเช่าเพิ่มจากเดิมโดยจำเลยได้ขยายกิจการค้าในร้านนี้กว้างขวางออกไปอีก รับจ้างซักรีดผ้าทุกชนิดเพียงเท่านี้ยังไม่พอให้เห็นว่า คู่สัญญาได้เปลี่ยนเจตนาจากการเช่าอยู่อาศัยเป็นการเช่าเพื่อประกอบการค้าจึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การนำพยานหลักฐานที่ศาลเคยถือว่าไม่สมบูรณ์กลับมาใช้ในการฟ้องคดีใหม่
ในคดีก่อนศาลชี้ขาดแล้วว่า เอกสารกู้ที่ฟ้อง ไม่ปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้อง ไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐาน จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้เอาอากรแสตมป์ถูกต้องแล้วมาฟ้องเรียกเงินกู้นี้จากจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าเอกสารสัญญากู้ซึ่งมีแสตมป์ครบนั้น เป็นหลักฐานในการฟ้องใหม่ เช่นนี้ เป็นการที่โจทก์เอาพยานหลักฐานซึ่งครั้งหนึ่ง ต้องห้ามไม่รับฟังแล้วนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ขอให้รับฟังอละขอให้กลับใช้พยานหลักฐานนั้นชี้ขาดว่า มีการกู้ จึงเป็นการฟ้องนำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำด้วยพยานหลักฐานเดิมที่เคยถูกห้ามไม่รับฟัง
ในคดีก่อนศาลชี้ขาดแล้วว่า เอกสารกู้ที่ฟ้อง ไม่ปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้อง ไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐาน จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์ได้เอาเอกสารสัญญากู้นั้นไปจัดการปิดอากรแสตมป์ถูกต้องแล้วมาฟ้องเรียกเงินกู้นี้จากจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าเอกสารสัญญากู้ซึ่งมีแสตมป์ครบนั้นเป็นหลักฐานในการฟ้องใหม่ เช่นนี้ เป็นการที่โจทก์เอาพยานหลักฐานซึ่งครั้งหนึ่ง ต้องห้ามไม่รับฟังแล้วนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ขอให้รับฟังและขอให้กลับใช้พยานหลักฐานนั้นชี้ขาดว่า มีการกู้ จึงเป็นการฟ้องซ้ำ(ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลและฟ้องซ้ำ: คดีเลิกหุ้นส่วนที่ไม่เกินอำนาจศาลแขวง
โจทก์ฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชี ไม่ใช่เป็นเรื่องเรียกร้องทรัพย์สิน หรือส่วนแบ่งอย่างใด จึงเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรืออีกนัยหนึ่งเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะโจทก์ไม่ได้เรียกร้องทรัพย์สิน และคดีก็ไม่ได้พิพาทกันว่าทรัพย์สินในหุ้นส่วนนี้มีอะไรบ้างคดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144เป็นเรื่องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดแล้วใหม่อีก ส่วนมาตรา148 ห้ามมิให้คู่ความมาฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวง ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง โจทก์มิได้อุทธรณ์คงนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลแพ่งศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องอีกโดยวินิจฉัยว่า เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงโจทก์จึงมายื่นฟ้องต่อศาลแขวงอีกครั้งหนึ่งดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่กรณีไม่ใช่มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148 เพราะศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอันเป็นมูลฟ้องนั้นศาลแขวงต้องรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินคดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-กรรมสิทธิ์ที่ดิน: กรณีที่ดินพิพาทเป็นสินสมรส การฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.แพ่ง ม.148
คดีก่อนจำเลยฟ้องสามีโจทก์ขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์และขับไล่สามีโจทก์และบริวารนอกจากที่พิพาท สามีโจทก์ต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้รับมรดกมาในระหว่างที่สามีโจทก์กับโจทก์เป็นสามีภรรยากันแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นสินสมรสระหว่างสามีโจทก์กับโจทก์เมื่อศาลพิพากษาขับไล่สามีโจทก์และบริวารออกจากที่พิพาทแล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยขอให้แสดงกรรมสิทธิในที่พิพาทว่าเป็นของโจทก์และให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นโดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้รับมรดกมาในในระหว่างเป็นสามีภรรยากันคือเป็นสินสมรส อย่างที่สามีโจทก์เคยให้การต่อสู้ไว้ในคดีก่อน เช่นนี้ ย่อมเป็นฟ้องซ้ำตามบทบัญญัติ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 148 จะถือว่าโจทก์เป็นบุคคลภายนอกตามความหมายแห่งมาตรา 145(2) ไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์เป็นบริวารของสามี
โจทก์จำเลยโต้เถียงกรรมสิทธิที่ดินกัน จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ฟ้องซ้ำด้วย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่เป็นฟ้องซ้ำแต่ฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นที่ของจำเลย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ จำเลยจึงไม่อยู่ที่จะเป็นผู้อุทธรณ์คดี แต่จำเลยกล่าวแก้อุทธรณ์โจทก์ ได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นกล่าวไว้ในคำแก้อุทธรณ์ด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้อ้างอิงข้อกฎหมายนี้ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยด้วยแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: กรรมสิทธิ์ที่ดิน - ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยจากคำแก้อุทธรณ์
คดีก่อนจำเลยฟ้องสามีโจทก์ขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิและขับไล่สามีโจทก์และบริวารออกจากที่พิพาท สามีโจทก์ต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้รับมรดกมาในระหว่างที่สามีโจทก์กับโจทก์เป็นสามีภรรยากันแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นสินสมรสระหว่างสามีโจทก์กับโจทก์ เมื่อศาลพิพากษาขับไล่สามีโจทก์และบริวารออกจากที่พิพาทแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยขอให้แสดงกรรมสิทธิในที่พิพาทว่าเป็นของโจทก์และให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นโดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้รับมรดกมาในในระหว่างเป็นสามีภรรยากันถือเป็นสินสมรส อย่างที่สามีโจทก์เคยให้การต่อสู้ไว้ในคดีก่อนเช่นนี้ย่อมเป็นฟ้องซ้ำตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148จะถือว่าโจทก์เป็นบุคคลภายนอกตามความหมายแห่งมาตรา 145(2) ไม่ได้ต้องถือว่าโจทก์เป็นบริวารของสามี
โจทก์จำเลยโต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ฟ้องซ้ำด้วย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำแต่ฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นที่ของจำเลย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ จำเลยจึงไม่อยู่ที่จะเป็นผู้อุทธรณ์คดี แต่จำเลยกล่าวแก้อุทธรณ์โจทก์ ได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นกล่าวไว้ในคำแก้อุทธรณ์ด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้อ้างอิงข้อกฎหมายนี้ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยด้วยแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มติอนุญาตเข้าอยู่อาศัยและการฟ้องขับไล่ซ้ำ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามติไม่โมฆะและฟ้องซ้ำไม่ขัดกฎหมาย
มติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าที่ให้ความยินยอมแก่ผู้ให้เช่าเข้าอยู่อาศัยในเคหะที่เช่าเองนั้น แม้ในชั้นแรกคณะอนุกรรมการฯจะมีความเห็นว่าไม่ควรอนุญาตก็ดี แต่เมื่อคณะกรรมการผู้มีอำนาจสูงกว่าได้พิจารณาอนุญาตแล้ว มตินั้นหาตกเป็นโมฆะไม่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเคหะที่เช่าโดยอ้างว่า ครบกำหนดสัญญาเช่าและบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว แต่ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ โจทก์จึงขอต่อคณะกรรมการณข้าอยู่เอง เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว+ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยอีก โดยทางมติอนุญาตของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ดังนี้ย่อมเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน หาต้อง+ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 148 หรือ 173 (1) ไม่
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้ว ข้าหลวงยุติธรรมก็ยังมีอำนาจอนุญาตให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 230 วรรคสาม
of 146