คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2737/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระบวนการพิจารณาเบิกความเท็จ: ศาลอุทธรณ์สั่งให้วินิจฉัยความเท็จ แต่ศาลชั้นต้นกลับสืบพยาน ทำให้กระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยเบิกความมิใช่ข้อสำคัญในคดี พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญแต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่าข้อความเหล่านั้นมีมูลเป็นความเท็จหรือไม่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วมิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง กลับหมายเรียกจำเลยแก้คดีโดยมิได้ประทับฟ้องแล้วสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นคำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับที่ 2 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับที่ 2ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับที่ 2 คำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับที่ 2 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2434/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากแก้ไขเล็กน้อยในศาลอุทธรณ์ และทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท
ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับอาวัลในตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 30,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1(ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน) ในจำนวนเงิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ร่วมกันรับผิดในจำนวนเงิน30,000 บาท เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงได้ และการครอบครองรถโดยชอบด้วยกฎหมายทำให้มีอำนาจฟ้องร้องได้
ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในสำนวนไปได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเสียก่อน
เจ้าของนำรถจักรยานยนต์มาจ้างร้านโจทก์ซ่อมแล้วไม่มารับคืนเพราะค่าจ้างสูง โจทก์จึงเอามาใช้ขับขี่ แล้วถูกรถจำเลยชนได้รับความเสียหาย กรณีนี้โจทก์เป็นผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์โดยชอบด้วยกฎหมาย และจะต้องรับผิดต่อเจ้าของรถหากรถนั้นต้องเสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ละเมิดชดใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์คันนั้นแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย และการใช้กฎหมายอาญาที่แก้ไขใหม่ที่มีโทษเบาแก่ผู้กระทำผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ไม่ริบไม้ของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ริบไม้ของกลาง ฟ้องโจทก์อ้าง พระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 73 แก้ไขฉบับที่ 4 วรรคแรก ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาอ่านวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2522 โจทก์ยื่นอุทธรณ์วันที่8 มีนาคม 2522 เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ต่อมาพระราชบัญญัติป่าไม้ แก้ไขโทษสูงขึ้นระหว่างอุทธรณ์ ก็ยังต้องใช้ระวางโทษเบาที่เป็นคุณตามเดิม ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยไม่ได้ต้องยกอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2002/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกินขอบเขตที่ศาลชั้นต้นสั่งรับ
ในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงมิได้สั่งรับเป็นอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเป็นเรื่องนอกประเด็นในชั้นอุทธรณ์ แม้การวินิจฉัยดังกล่าวเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง อันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดกฎหมายอย่างไร ศาลอุทธรณ์ก็หาอาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีครั้งแรกของโจทก์โดยทนาย ไม่ถือว่าประวิงคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
โจทก์แต่งทนาย 2 คน ในวันนัดสืบพยานครั้งแรกตัวโจทก์และทนายไม่มาศาลทนายโจทก์คนหนึ่งมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเจ็บป่วยแม้ทนายโจทก์อีกคนหนึ่งมิได้แจ้งเหตุขัดข้องแต่อย่างใด ก็เป็นเพียงความบกพร่องในการเขียนคำร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์ซึ่งทนายโจทก์ที่ขอเลื่อนน่าจะได้แจ้ง ให้ทนายโจทก์อีกคนหนึ่งทราบเพื่อจะได้ดำเนินคดีแทนตนได้ เมื่อเป็นการเลื่อนคดีครั้งแรก จะถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบยังไม่ถนัด ทั้งโจทก์เป็นฝ่ายฟ้องคดี ไม่มีเหตุผลที่จะฟังได้ว่าโจทก์ประวิงคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1948/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการประวิงคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ไม่ชอบ การอุทธรณ์เหตุผลชัดเจน
ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์ว่าผู้ร้องมิได้ประวิงคดีให้ชักช้าเหตุที่ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ชักช้าเพราะย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่อื่นอุทธรณ์ดังนี้ถือว่าได้กล่าวไว้แจ้งชัดในการโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นว่าผู้ร้องมิได้ประวิงคดีให้ชักช้า อุทธรณ์ของผู้ร้องชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1912/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษทางอาญาฐานทำไม้และมีไม้หวงห้าม โดยศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับไม่ถูกต้อง และการเพิ่มโทษจำคุกในชั้นฎีกาทำไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำไม้โดยตัดฟันไม้ยาง กับจำเลยมีไม้ยางอันเป็นไม้หวงห้าม ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และคำขอท้ายฟ้องโจทก์ ได้ระบุอ้าง พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ซึ่งเป็นบทมาตราความผิดและมาตรา 31 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษ กับอ้างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษผู้ที่ฝ่าฝืนมีไม้ยาง ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต เพียงแต่โจทก์มิได้อ้าง พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 มาตรา 3 ที่ให้ยกเลิกความในมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2489 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2503 แล้วบัญญัติความใหม่ขึ้นแทนเท่านั้น ตามความที่บัญญัติขึ้นใหม่ยังคงเรียกว่ามาตรา 31 และ มาตรา 69 อยู่นั่นเอง การที่จำเลยกระทำความผิดหลังจากใช้กฎหมายซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมใหม่แล้ว แต่โจทก์มิได้ระบุอ้างพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงมิทำให้ฟ้องโจทก์ขาดความสมบูรณ์ เมื่อศาลฟังว่าจำเลยกระทำการฝ่าฝืนเป็นความผิดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีบทกำหนดโทษไว้ในมาตรา 31 และ พระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 69 แล้ว ศาลก็ลงโทษจำเลยตามกำหนดโทษในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 มาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่า อัตราโทษขั้นต่ำ ตามที่กฎหมายกำหนดที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้น เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้นไม่ได้
โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามศาลชั้นต้น กับลงโทษปรับจำเลยแล้วรอการลงโทษจำคุกได้ และหากปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนด ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษปรับจำเลยตามกฎหมายกำหนดตามที่โจทก์ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งอนุญาตอุทธรณ์ต้องแสดงเหตุผลว่าข้อพิพาทสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ การสั่งอนุญาตลอยๆ ถือไม่ชอบ
ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาในศาลแขวงสั่งคำร้องที่โจทก์ขออนุญาตอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงว่า "อนุญาตสำเนาให้จำเลย" นั้น เป็นคำสั่งอนุญาตลอย ๆ โดยมิได้ชี้แจงแสดงเหตุผลให้ปรากฏในคำสั่งว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์แต่ประการใดเลย จึงถือไม่ได้ว่าผู้พิพากษานั้นได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามนัยที่บัญญัติไว้ในมาตรา 22 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์ ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาขอรอการลงโทษได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด 2 กระทง รวมโทษแต่ละกระทงและลดแล้วคงจำคุก 6 เดือน ปรับ 1,500 บาทรอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ดังนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
of 225