พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บังคับคดีตามคำพิพากษา: การบังคับคดีต่อบริวารของผู้เช่า แม้เลขที่ห้องไม่ตรงกับคำพิพากษา
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยและบริวารยอมออกไปจากห้องเลขที่ 34 ของโจทก์ ศาลพิพากษาตามยอม เมื่อโจทก์ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยออกจากห้อง ผู้ร้องคัดค้านว่าห้องที่ผู้ร้องอยู่คือห้องเลขที่ 35 คนละเลขที่กับคำพิพากษา เมื่อฟังได้ว่า ห้องนี้ก็คือห้องที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าเป็นห้องเลขที่ 34 นั่นเอง ไม่เป็นการบังคับนอกเหนือไปจากคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษา – ห้องพิพาทเลขที่ผิดพลาด ไม่ถือว่าเป็นการบังคับนอกเหนือคำพิพากษา
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า. จำเลยและบริวารยอมออกไปจากห้องเลขที่ 34 ของโจทก์. ศาลพิพากษาตามยอม. เมื่อโจทก์ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยออกจากห้อง. ผู้ร้องคัดค้านว่าห้องที่ผู้ร้องอยู่คือห้องเลขที่ 35 คนละเลขที่กับคำพิพากษา.เมื่อฟังได้ว่า ห้องนี้ก็คือห้องที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าเป็นห้องเลขที่ 34 นั่นเอง. ไม่เป็นการบังคับนอกเหนือไปจากคำพิพากษา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีหลังประนีประนอม: ศาลพิจารณาเฉพาะการปฏิบัติตามคำพิพากษาเดิม ไม่ต้องวินิจฉัยสิทธิครอบครองใหม่
ที่ดินพิพาทตามที่โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยได้บุกรุกเข้าไปปลูกพืชพันธุ์ลงไปและขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ออกไปนั้น เป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจนคดีถึงที่สุดแล้ว ดังนั้น การดำเนินการพิจารณาตามคำร้องของโจทก์จึงเป็นเรื่องในชั้นบังคับคดีและมีปัญหาเพียงว่า จำเลยได้ปฏิบัติถูกต้องตามคำพิพากษาหรือไม่เท่านั้น ไม่มีปัญหาต้องวินิจฉัยซ้ำไปถึงว่าโจทก์จะมีสิทธิครอบครองที่พิพาทอีกหรือไม่ ดังข้อฎีกาของจำเลย ฉะนั้น ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: การพิจารณาเฉพาะการปฏิบัติตามคำพิพากษาเดิม
ที่ดินพิพาทตามที่โจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้บุกรุกเข้าไปปลูกพืชพันธุ์ลงไปและขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ออกไปนั้น เป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจนคดีถึงที่สุดแล้วดังนั้น การดำเนินการพิจารณาตามคำร้องของโจทก์จึงเป็นเรื่องในชั้นบังคับคดีและมีปัญหาเพียงว่า จำเลยได้ปฏิบัติถูกต้องตามคำพิพากษาหรือไม่เท่านั้นไม่มีปัญหาต้องวินิจฉัยซ้ำไปถึงว่าโจทก์จะมีสิทธิครอบครองที่พิพาทอีกหรือไม่ดังข้อฎีกาของจำเลยฉะนั้น ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับคดี: เมื่อข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินซ้ำซ้อนกับคำพิพากษาเดิม ศาลไม่รับวินิจฉัยซ้ำ
ที่ดินพิพาทตามที่โจทก์ยื่นคำร้องว่า.จำเลยได้บุกรุกเข้าไปปลูกพืชพันธุ์ลงไปและขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ออกไปนั้น. เป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจนคดีถึงที่สุดแล้ว. ดังนั้น การดำเนินการพิจารณาตามคำร้องของโจทก์จึงเป็นเรื่องในชั้นบังคับคดีและมีปัญหาเพียงว่า จำเลยได้ปฏิบัติถูกต้องตามคำพิพากษาหรือไม่เท่านั้น. ไม่มีปัญหาต้องวินิจฉัยซ้ำไปถึงว่าโจทก์จะมีสิทธิครอบครองที่พิพาทอีกหรือไม่.ดังข้อฎีกาของจำเลย. ฉะนั้น ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการยึดที่ดินของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในที่ดินที่มีผู้ซื้อรายอื่นยังไม่ได้จดทะเบียน
คำสั่งของศาลที่ได้สืบตัวจำเลยในฐานะเป็นพยานของโจทก์และจำเลยพร้อมกัน หลังจากที่โจทก์นำสืบพยานโจทก์คนอื่น ๆ หมดแล้วนั้น หาใช่คำสั่งที่ไม่ให้โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานไม่ แต่เป็นคำสั่งใช้ดุลพินิจสั่งตามหน้าที่ที่เป็นผู้ควบคุมการพิจารณาคดีให้รวดเร็วและเที่ยงธรรม เป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว
การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งทำพร้อมกับการอุทธรณ์คำพิพากษา ชอบที่จะทำรวมกันมาในคำฟ้องอุทธรณ์หรือในคำแก้อุทธรณ์ฉบับเดียวกันแล้วแต่กรณี ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะวินิจฉัยปัญหาทั้งหมดนั้นรวมในคำพิพากษาฉบับเดียวกันได้ ไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เพราะมาตรานี้ใช้สำหรับกรณีที่อุทธรณ์คำสั่ง โดยที่ศาลชั้นต้นได้ชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เท่านั้น
การที่คู่ความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลในเรื่องลำดับของการนำพยานเข้าสืบ จึงแถลงว่าไม่สืบพยานเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่ศาลปฏิเสธไม่สืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2)
การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งทำพร้อมกับการอุทธรณ์คำพิพากษา ชอบที่จะทำรวมกันมาในคำฟ้องอุทธรณ์หรือในคำแก้อุทธรณ์ฉบับเดียวกันแล้วแต่กรณี ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะวินิจฉัยปัญหาทั้งหมดนั้นรวมในคำพิพากษาฉบับเดียวกันได้ ไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เพราะมาตรานี้ใช้สำหรับกรณีที่อุทธรณ์คำสั่ง โดยที่ศาลชั้นต้นได้ชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เท่านั้น
การที่คู่ความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลในเรื่องลำดับของการนำพยานเข้าสืบ จึงแถลงว่าไม่สืบพยานเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่ศาลปฏิเสธไม่สืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692-1693/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการพิสูจน์สถานะบริวาร: ศาลมีอำนาจเรียกสอบถามบริวารจำเลยเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษา แม้ไม่ส่งสำเนาคำร้อง
ในกรณีที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้หมายเรียกบริวารจำเลยมาสอบถามเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น. ไม่จำต้องส่งสำเนาคำร้องของโจทก์ให้แก่ผู้ถูกเรียก.
เมื่อผู้ร้องแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่าตนเป็นบริวารของจำเลยเช่นนี้. ต่อมาผู้ร้องจะมายื่นคำร้องกลับคำว่าตนมิใช่บริวารจำเลยหาได้ไม่.
การที่ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อ.ในรายงานกระบวนพิจารณาหาทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไปไม่. ในเมื่อศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อผู้ร้องไว้ในรายงานนั้นแล้ว.
เมื่อผู้ร้องแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่าตนเป็นบริวารของจำเลยเช่นนี้. ต่อมาผู้ร้องจะมายื่นคำร้องกลับคำว่าตนมิใช่บริวารจำเลยหาได้ไม่.
การที่ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อ.ในรายงานกระบวนพิจารณาหาทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไปไม่. ในเมื่อศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อผู้ร้องไว้ในรายงานนั้นแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญาในคดีแพ่ง: ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิดทำเพลิงไหม้ต้นยางพาราของโจทก์เสียหาย ปรากฏว่าจำเลยเคยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาฐานทำให้เพลิงไหม้ต้นยางพาราของโจทก์เสียหายมาแล้ว ศาลวินิจฉัยในคดีอาญาว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานมาสืบให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง แม้โจทก์จะส่งคำให้การชั้นสอบสวนของพยานสองปากซึ่งในชั้นสอบสวนให้การรู้เห็นการกระทำผิดของจำเลย แต่ในชั้นศาล โจทก์ก็ไม่ได้ตัวมาสืบศาลจึงไม่รับฟังคำให้การชั้นสอบสวน เพราะจำเลยไม่มีโอกาสซักค้าน นอกจากนี้พยานประกอบแวดล้อมของโจทก์รับฟังได้เพียงว่าไฟได้ไหม้สวนยางของผู้เสียหายเท่านั้น ผู้เสียหายว่าได้พบจำเลยในวันเกิดเหตุโดยจำเลยช่วยดับไฟด้วย จำเลยก็ว่าในวันเกิดเหตุจำเลยอยู่ที่บ้านผู้มีชื่อ เป็นการยันกันอยู่ พยานหลักฐานโจทก์จึงตกอยู่ในความสงสัยไม่แน่ใจว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้เป็นผลดีแก่จำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศางจำต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวซึ่งได้มีการสืบพยานโจทก์จำเลยและได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นแห่งคดีแล้วว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงในคดีส่วนแพ่งขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาหาได้ไม่
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2512)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญาในคดีแพ่ง: ศาลแพ่งต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิดทำเพลิงไหม้ต้นยางพาราของโจทก์เสียหาย ปรากฏว่าจำเลยเคยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาฐานทำให้เพลิงไหม้ต้นยางพาราของโจทก์เสียหายมาแล้วศาลวินิจฉัยในคดีอาญาว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานมาสืบ ให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง แม้โจทก์จะส่งคำให้การชั้นสอบสวนของพยานสองปากซึ่งในชั้นสอบสวนให้การรู้เห็นการกระทำผิดของจำเลย แต่ในชั้นศาล โจทก์ก็ไม่ได้ตัวมาสืบ ศาลจึงไม่รับฟังคำให้การชั้นสอบสวน เพราะจำเลยไม่มีโอกาสซักค้าน นอกจากนี้พยานประกอบแวดล้อมของโจทก์ก็รับฟังได้เพียงว่าไฟได้ไหม้สวนยางของผู้เสียหายเท่านั้น ผู้เสียหายว่าได้พบจำเลยในวันเกิดเหตุโดยจำเลยช่วยดับไฟด้วย จำเลยก็ว่าในวันเกิดเหตุจำเลยอยู่ที่บ้านผู้มีชื่อ เป็นการยันกันอยู่ พยานหลักฐานโจทก์จึงตกอยู่ในความสงสัยไม่แน่ใจว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้เป็นผลดีแก่จำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าว ซึ่งได้มีการสืบพยานโจทก์จำเลยและได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นแห่งคดีแล้วว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ให้ศาลเห็นว่าจำเลยได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงในคดีส่วนแพ่งขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาหาได้ไม่ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญาในคดีแพ่ง: ศาลแพ่งต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิดทำเพลิงไหม้ต้นยางพาราของโจทก์เสียหาย. ปรากฏว่าจำเลยเคยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาฐานทำให้เพลิงไหม้ต้นยางพาราของโจทก์เสียหายมาแล้ว.ศาลวินิจฉัยในคดีอาญาว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานมาสืบ.ให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง. แม้โจทก์จะส่งคำให้การชั้นสอบสวนของพยานสองปากซึ่งในชั้นสอบสวนให้การรู้เห็นการกระทำผิดของจำเลย. แต่ในชั้นศาล โจทก์ก็ไม่ได้ตัวมาสืบ. ศาลจึงไม่รับฟังคำให้การชั้นสอบสวน. เพราะจำเลยไม่มีโอกาสซักค้าน. นอกจากนี้พยานประกอบแวดล้อมของโจทก์ก็รับฟังได้เพียงว่าไฟได้ไหม้สวนยางของผู้เสียหายเท่านั้น. ผู้เสียหายว่าได้พบจำเลยในวันเกิดเหตุโดยจำเลยช่วยดับไฟด้วย. จำเลยก็ว่าในวันเกิดเหตุจำเลยอยู่ที่บ้านผู้มีชื่อ เป็นการยันกันอยู่. พยานหลักฐานโจทก์จึงตกอยู่ในความสงสัยไม่แน่ใจ.ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้เป็นผลดีแก่จำเลย. พิพากษายกฟ้องโจทก์. ดังนี้ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าว.ซึ่งได้มีการสืบพยานโจทก์จำเลยและได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นแห่งคดีแล้วว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบ.ให้ศาลเห็นว่าจำเลยได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง. ศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงในคดีส่วนแพ่งขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาหาได้ไม่. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2512).