คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องซ้ำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำตามสัญญาประนีประนอม: การฟ้องเรียกค่าเสียหายซ้ำหลังจากทำสัญญายอมความแล้วถือเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เคยถูกจำเลยฟ้องเรียกค่าเสียหาย โจทก์ก็ได้ให้การต่อสู้และฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากจำเลยบ้างในที่สุดได้ทำสัญญาประณีประนอมยอมความกัน และศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามยอมนั้นจนคดีถึงที่สุดแล้วแต่หาได้จัดการให้เป็นไปตามสัญญายอมความกันไม่ ดังนี้ โจทก์จะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยใหม่ ตามที่ได้เคยฟ้องแย้งไว้นั้นไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ
ทำสัญญาประณีประนอมยอมความว่า จะไปจดทะเบียนสมรสกันที่อำเภอนั้นหาเป็นการผิดกฎหมาย และเป็นโมฆะไม่เพราะคู่กรณีอาจไปจดทะเบียนสมรสได้ตามที่ยอมความกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหลังประนีประนอม และสัญญาประนีประนอมสมรสที่ไม่ผิดกฎหมาย
โจทก์เคยถูกจำเลยฟ้องเรียกค่าเสียหายโจทก์ได้ให้การต่อสู้และฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากจำเลยบ้างในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามยอมนั้นจนคดีถึงที่สุดแล้วแต่หาได้จัดการให้เป็นไปตามสัญญายอมความกันไม่ ดังนี้โจทก์จะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยใหม่ ตามที่ได้เคยฟ้องแย้งไว้นั้นไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ
ทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จะไปจดทะเบียนสมรสกันที่อำเภอนั้นหาเป็นการผิดกฎหมาย และเป็นโมฆะไม่เพราะคู่กรณีอาจไปจดทะเบียนสมรสได้ตามที่ยอมความกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีใหม่เมื่อคดีก่อนยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นสำคัญ ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่านาโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่า จึงขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเช่า ให้เลิกการเช่าและให้จำเลยออกจากที่ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ของจำเลย ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จะฟ้องเรียกค่าเช่าไม่ได้ ส่วนคำขอข้ออื่น โจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลแสดงว่าที่รายนี้เป็นของโจทก์ ปัญหาว่า นารายนี้เป็นของใคร จึงไม่มีประเด็นถึง
โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีใหม่ขอให้ศาลแสดงว่า ที่รายนี้เป็นของโจทก์และให้ขับไล่จำเลย ๆคงต่อสู้เช่นคดีเดิม ดังนี้ตามมูลคดีมีประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งประเด็นข้อนี้ตามสำนวนคดีก่อน ศาลยังมิได้วินิจฉัยเลย โจทก์ย่อมฟ้องคดีใหม่ดังกล่าวได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้าม: ประเด็นสมรสที่เคยตัดสินแล้วไม่อาจยกขึ้นฟ้องใหม่ได้
สามีของผู้เสมือนไร้ความสามารถเคยฟ้องขอให้ถอดถอนน้าของผู้เสมือนไร้ความสามารถจากการเป็นผู้พิทักษ์ผู้เสมือนไร้ความสามารถในคดีนั้นประเด็นที่ว่า ผู้เสมือนไร้ความสามารถกับสามี ได้เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยอาศัยเหตุที่ว่าการจดทะเบียนสมรสชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ได้ขึ้นสู่ความวินิจฉัยของศาลแล้ว จนศาลสั่งว่า ผู้เสมือนไร้ความสามารถกับสามีเป็นสามีภริยากันตากกฎหมาย จึงได้ถอดถอนน้าผู้เป็นผู้พิทักษ์เดิม แล้วตั้งสามีเป็นผู้พิทักษ์สืบแทนต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว บัดนี้ น้าผู้นั้นจะกลับมาฟ้องสามีผู้เสมือนไร้ความสามารถอีก โดยอ้างเหตุว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้เสมือนไร้ความสามารถกับสามี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้เพิกถอนการสมรสและถอดถอนผู้พิทักษ์เสียและตั้งให้น้าเป็นผู้พิทักษ์แทนต่อไปนั้น เป็นการฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีพิทักษ์คนไร้ความสามารถ: การเพิกถอนสมรสและเปลี่ยนแปลงผู้พิทักษ์
สามีของผู้เสมือนไร้ความสามารถเคยฟ้องขอให้ถอดถอนน้าของผู้เสมือนไร้ความสามารถจากการเป็นผู้พิทักษ์ผู้เสมือนไร้ความสามารถในคดีนั้นประเด็นที่ว่าผู้เสมือนไร้ความสามารถกับสามี ได้เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยอาศัยเหตุที่ว่าการจดทะเบียนสมรสชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ได้ขึ้นสู่ความวินิจฉัยของศาลแล้ว จนศาลสั่งว่า ผู้เสมือนไร้ความสามารถกับสามีเป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย จึงได้ถอดถอนน้าผู้เป็นผู้พิทักษ์เดิม แล้วตั้งสามีเป็นผู้พิทักษ์สืบแทนต่อไปคดีถึงที่สุดแล้ว บัดนี้ น้าผู้นั้นจะกลับมาฟ้องสามีผู้เสมือนไร้ความสามารถอีก โดยอ้างเหตุว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้เสมือนไร้ความสามารถกับสามีไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้เพิกถอนการสมรสและถอดถอนผู้พิทักษ์เสียและตั้งให้น้าเป็นผู้พิทักษ์แทนต่อไปนั้นเป็นการฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำ: โจทก์คนละคน แม้ผู้รับมอบอำนาจเป็นคนเดิม ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในนามตนเอง ศาลพิพากษาว่าไม่มีอำนาจฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริง ภายหลังจึงมาฟ้องจำเลยใหม่โดยเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิฟ้องจำเลย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ผู้ฟ้องคดีหลังนี้ เป็นคนละคนกับในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและฟ้องซ้ำ: โจทก์คนละคนย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้เคยฟ้องแล้วยกฟ้อง
เคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในนามตนเอง ศาลพิพากษาว่าไม่มีอำนาจฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริง ภายหลังจึงมาฟ้องจำเลยใหม่โดยเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิฟ้องจำเลย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ผู้ฟ้องคดีหลังนี้ เป็นคนละคนกับในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ การที่คู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเพณีข้อกฎหมายศาลมีอำนาจตัดสินไปตามนั้นได้ตาม มาตรา 183 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหาใช่กิจการพนันขันต่อไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การโต้แย้งคำพิพากษาเดิมในประเด็นส่วนแบ่งมรดก ถือเป็นการขอให้ลบล้างแก้ไขคำพิพากษาเดิม จึงต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินแปลงหนึ่งให้แก่โจทก์จำเลยและพี่น้องอีก 2 คน ๆ ละ 1 ส่วนเท่าเท่ากันโดยฟังว่า ที่แปลงนั้นเป็นมรดกของบิดาโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์เห็นว่าจำเลยได้รับมรดกมากเกินไปเป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินไปจำนวนหนึ่ง โจทก์จึงมาฟ้องให้จำเลยใช้เงินจำนวนนั้นแก่โจทก์โดยอ้างว่าที่ดินมรดกแปลงที่กล่าวแล้วเป็นสินสมรสของบิดาและมารดา จำเลยได้รับส่วนแบ่งมรดกเกินไป ดังนี้ เป็นการฟ้องในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ซึ่งเท่ากับเป็นการโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเองว่าพิพากษาไม่ถูกการฟ้องใหม่จึงเท่ากับขอให้ลบล้างแก้ไขคำพิพากษาของศาลในคดีเดิม จึงเป็นการฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในประเด็นที่ศาลตัดสินเด็ดขาดแล้ว ถือเป็นการโต้แย้งคำพิพากษาเดิม
ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินแปลงหนึ่งให้แก่โจทก์จำเลยและพี่น้องอีก 2 คน คนละ 1 ส่วนเท่าเท่ากัน โดยฟังว่า ที่แปลงนั้นเป็นมรดกของบิดาโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์เห็นว่าจำเลยได้รับมรดกมากเกินไป เป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินไปจำนวนหนึ่ง โจทก์จึงมาฟ้องให้จำเลยใช้เงินจำนวนนั้นแก่โจทก์โดยอ้างว่าที่ดินมรดกแปลงที่กล่าวแล้วเป็นสินสมรสของบิดาและมารดา จำเลยได้รับส่วนแบ่งมรดกเกินไป ดังนี้ เป็นการฟ้องในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ซึ่งเท่ากับเป็นการโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเองว่าพิพากษาไม่ถูก การฟ้องใหม่จึงเท่ากับขอให้ลบล้างแก้ไขคำพิพากษาของศาลในคดีเดิม จึงเป็นการฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมทางอายุความและการลดทอนประโยชน์ของภาระจำยอม การฟ้องคดีซ้ำตาม ป.วิ.แพ่ง ม.144, 148
ป.วิ.แพ่ง ม.144 ห้ามศาลมิให้ดำเนินคดีเรื่องเดิมนั้นต่อไปอีกทั้งคดีหรือเฉพาะประเด็นบางข้อ ซึ่งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ส่วน ม.148 เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องคดีเรื่องใด ศาลตัดสินครั้งหนึ่แล้ว มาฟ้องใหม่ซ้ำอีกไม่ได้
กรณีที่โจทก์ฟ้องแล้วครั้งหนึ่ง ศาล 144,148 ตัดสินแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้อีก ไม่ใช่เรื่องศาลดำเนินคดีเดิม กรณีไม่เข้า ม.144 คงเป็นปัญหาตาม ม.148 เท่านั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยอ้างว่าภาระจำยอมที่โจทก์อ้างปราศจากรากฐานตาม ก.ม.บังคับจำเลยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ยืนในข้อที่ยกฟ้องโดยเหตุว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอันเป็นภาระ+ทรัพย์ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นที่ว่าจำเลยกั้นทางรายนี้ให้แคบลงได้หรือไม่ ดังนี้ ต้องถือตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำพิพากษาอันถึงที่สุด โจทก์ฟ้องคดีใหม่นี้โดยฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินด้วยได้ ไม่ต้องห้ามตาม ม.148
โจทก์ได้ภาระจำยอมโดยอายุความตาม ป.พ.พ.ม.1401 อันอาจใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์เข้าออกตามทางผ่านที่ดินของจำเลยแล้ว จำเลยกั้นทางให้แคบลงจนใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์ไม่ได้ย่อมเป็นการทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมเสื่อมไป ขัดต่อ ม.1390 แม้โจทก์จะยังใช้รถจักรยาน 3 ล้อเข้าออกได้หรือโจทก์ไม่ได้เอาเกวียนเข้าเก็บในที่ดินของโจทก์ก็ไม่เป็นข้อแก้ตัว
โจทก์มีทางเอาเกวียนและรถเจ้าออกทางอื่นได้ แต่ทางนั้นไม่ใช่ทางสาธารณะและโจทก์ยังไม่มีสิทธิเหนือทางนั้น อาจถูกสั่งปิดเสียเมื่อใดก็ได้ ไม่เรียกว่าทางพิพาทหมดประโยชน์แก่โจทก์อันจะทำให้ภาระจำยอมหมดไปตาม ม.1400
of 146