พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,913 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ที่เกิดหลังรู้ถึงสถานะล้มละลาย ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตามกฎหมายล้มละลาย
ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ซึ่งเป็นภริยาให้ ยื่นฟ้องจำเลยล้มละลายและได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เงินกู้ตามเช็คหลายฉบับ เช็คบางฉบับลงวันที่สั่งจ่ายก่อนวันที่จำเลยถูกฟ้องเพียง 10 วัน ถึง 3 เดือนเศษ บางฉบับลงวันที่สั่งจ่ายหลังวันที่จำเลยถูกฟ้องล้มละลายแล้ว และบางฉบับลงวันที่สั่งจ่ายหลังวันศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีหลักฐานการกู้เป็นหนังสือมาแสดงและไม่มีพยานรู้เห็น ทั้งยังปรากฏว่าผู้ขอรับชำระหนี้รู้จักจำเลยทั้งสองมา 6-7 ปีเศษมีความสนิทสนมเคยติดต่อทำธุรกิจระหว่างกันและทราบดีว่าจำเลยที่ 1 มีหนี้สินล้นพ้นตัวก่อนที่จำเลยจะถูกฟ้องประมาณ 2-3 เดือน ยิ่งกว่านั้นก่อนนั้นขึ้นไปจำเลยที่ 1 เคยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ขอรับชำระหนี้หลายฉบับซึ่งถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินมาแล้ว ดังนี้ พฤติการณ์ย่อมเห็นได้ว่าเช็คที่ขอรับชำระหนี้เป็นเช็คที่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงเป็นหนี้ที่ขอรับชำระไม่ได้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 94(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คลงวันที่ล่วงหน้าก่อนล้มละลาย ไม่ถือว่าเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้
การที่เช็คลงวันที่ล่วงหน้าซึ่งลูกหนี้นำไปชำระหนี้แก่ผู้คัดค้าน ถึงกำหนดภายในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการ ขอให้ล้มละลาย คงเป็นแต่เพียงผลที่กฎหมายบัญญัติให้หนี้ ระงับไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 เท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่า วันที่เช็คถึงกำหนดเป็นวันที่ลูกหนี้กระทำ หรือยอมให้กระทำ ในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ ล้มละลาย โดยมุ่งหมาย ให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คลงวันที่ล่วงหน้าก่อนล้มละลาย ไม่ถือเป็นการให้ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น
การที่เช็คลงวันที่ล่วงหน้าซึ่งลูกหนี้นำไปชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านถึงกำหนดภายในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายคงเป็นแต่เพียงผลที่กฎหมายบัญญัติให้หนี้ระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 เท่านั้นไม่อาจถือได้ว่าวันที่เช็คถึงกำหนดเป็นวันที่ลูกหนี้กระทำหรือยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกเงินเกินบัญชีและการเพิกถอนเงินฝากในคดีล้มละลาย: การกระทำโดยมิได้มุ่งประโยชน์ให้เจ้าหนี้
จำเลยมีสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคาร การที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีมีลักษณะเป็นการลดหนี้ลงชั่วคราวแล้วก็เบิกเงินใหม่มีจำนวนรวมกันสูงกว่าเงินที่นำเข้าบัญชีอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดจำเลยเป็นหนี้ธนาคาร 6,000,000 บาท การที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีแล้วมีการลดหนี้กันเช่นนี้ แม้จะถือว่าเป็นการชำระหนี้ ก็หาใช่เป็นการชำระหนี้ทีเดียวเสร็จสิ้นกันไปเลยไม่ หากแต่เป็นการชำระหนี้เพื่อก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลายครั้งหลายคราว การนำเงินเข้าบัญชีของจำเลยจึงเป็นวิธีการเบิกเงินจากธนาคารให้ได้มากยิ่งขึ้น ยิ่งกว่าจะมุ่งหมายให้ธนาคารได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 115 ศาลจึงไม่เพิกถอนเงินฝากดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกเงินเกินบัญชีและการเพิกถอนเงินฝากในคดีล้มละลาย: การกระทำของผู้ล้มละลายไม่ได้มุ่งให้เจ้าหนี้ได้เปรียบ
จำเลยมีสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารการที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีมีลักษณะเป็นการลดหนี้ลงชั่วคราวแล้วก็เบิกเงินใหม่มีจำนวนรวมกันสูงกว่าเงินที่นำเข้าบัญชีอยู่ตลอดเวลาจนในที่สุดจำเลยเป็นหนี้ธนาคาร6,000,000 บาทการที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีแล้วมีการลดหนี้กันเช่นนี้แม้จะถือว่าเป็นการชำระหนี้ ก็หาใช่เป็นการชำระหนี้ทีเดียวเสร็จสิ้นกันไปเลยไม่หากแต่เป็นการชำระหนี้เพื่อก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลายครั้งหลายคราวการนำเงินเข้าบัญชีของจำเลยจึงเป็นวิธีการเบิกเงินจากธนาคารให้ได้มากยิ่งขึ้นยิ่งกว่าจะมุ่งหมายให้ธนาคารได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 115ศาลจึงไม่เพิกถอนเงินฝากดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ในคดีล้มละลายต้องเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องได้ก่อนศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์
ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 102 กรณีจะหักกลบลบหนี้ในคดีล้มละลายได้นั้น หนี้นั้นต้องเป็นหนี้ซึ่งเจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้เมื่อเช็คที่ผู้ร้องยกขึ้นอ้างเพื่อขอหักกลบลบหนี้กับหนี้ของตนนั้นลงวันที่สั่งจ่ายเงินในวันที่ 3 พฤษภาคม 2522แต่จำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2523 ในวันที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เช็คนั้นจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002และเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวเพราะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 94(1)เมื่อผู้ร้องไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ผู้ร้องก็จะขอให้หักกลบลบหนี้ตาม มาตรา 102หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินโดยกรรมการที่ล้มละลาย: การเปลี่ยนตัวผู้ถือแทนกรรมสิทธิ์ ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์
ส.มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทไว้แทนบริษัทจำเลย ส.เป็นบุคคลล้มละลายในระหว่างเป็นกรรมการผู้จัดการ ย่อมขาดจากการเป็นกรรมการบริษัทจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1154 จึง ไม่มีอำนาจถือกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแทนบริษัทจำเลยอีกต่อไป ดังนั้น การที่ ส. โอนที่พิพาทให้กรรมการอีกคนหนึ่งของบริษัท จึงเป็นการโอนเปลี่ยนตัวผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนบริษัทจำเลยเท่านั้น หาใช่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ไม่ การโอนจึงไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์โดยบุคคลล้มละลายในฐานะกรรมการบริษัท: การเปลี่ยนตัวผู้ถือแทนกรรมสิทธิ์ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์
ส.มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทไว้แทนบริษัทจำเลยส.เป็นบุคคลล้มละลายในระหว่างเป็นกรรมการผู้จัดการ ย่อมขาดจากการเป็นกรรมการบริษัทจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1154จึง ไม่มีอำนาจถือกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแทนบริษัทจำเลยอีกต่อไปดังนั้นการที่ ส. โอนที่พิพาทให้กรรมการอีกคนหนึ่งของบริษัทจึงเป็นการโอนเปลี่ยนตัวผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนบริษัทจำเลยเท่านั้นหาใช่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ไม่การโอนจึงไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำสิทธิในเงินฝากเพื่อประกันหนี้และการหักกลบลบหนี้ในคดีล้มละลาย
จำเลยทำสัญญากับธนาคารผู้คัดค้านไว้ว่า จำเลยยอมมอบเงินฝากประจำของจำเลยพร้อมด้วยใบรับฝากไว้เป็นหลักประกันหนี้ของจำเลยต่อธนาคาร ถ้าจำเลยผิดสัญญายอมให้ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวชำระหนี้ได้ทันทีและตราบใดที่ธนาคารยังไม่ได้รับชำระหนี้ จำเลยจะไม่ถอนเงินฝากและจะไม่กระทำการใดให้เป็นการเสื่อมสิทธิในหลักประกัน หนังสือสัญญา ดังกล่าวเป็นการจำนำสิทธิตามตราสารใบรับฝากเงินประจำของจำเลยเพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่มีต่อธนาคารผู้คัดค้านตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา747, 750 ธนาคารผู้คัดค้านเป็นผู้รับจำนำสิทธิตามตราสารนั้น จึงเป็นเจ้าหนี้มีประกันซึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 95 และมาตรา 110 วรรคสาม
สิทธิซึ่งจำนำตามตราสารใบรับฝากเงินเป็นมูลหนี้ซึ่งต้องชำระเป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 754 วรรคสอง จำเลยได้ตกลงกับธนาคารผู้คัดค้านให้หักเงินฝากของจำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องนำไปขายทอดตลาดเพื่อบังคับจำนำธนาคารผู้คัดค้านจึงมีสิทธิหักเงินฝากประจำของจำเลยซึ่งจำนำต่อธนาคารไว้นั้นเอาชำระหนี้ธนาคารได้ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ธนาคารผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่ก่อนพิทักษ์ทรัพย์ มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 102 โดยไม่จำต้องอาศัยความยินยอมของจำเลย และสิทธิในการขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรานี้ย่อมกระทำได้แม้จะเป็นเวลาหลังพิทักษ์ทรัพย์แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิขอเพิกถอนการหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 115 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2453/2527 ประชุมใหญ่)
สิทธิซึ่งจำนำตามตราสารใบรับฝากเงินเป็นมูลหนี้ซึ่งต้องชำระเป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 754 วรรคสอง จำเลยได้ตกลงกับธนาคารผู้คัดค้านให้หักเงินฝากของจำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องนำไปขายทอดตลาดเพื่อบังคับจำนำธนาคารผู้คัดค้านจึงมีสิทธิหักเงินฝากประจำของจำเลยซึ่งจำนำต่อธนาคารไว้นั้นเอาชำระหนี้ธนาคารได้ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ธนาคารผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่ก่อนพิทักษ์ทรัพย์ มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 102 โดยไม่จำต้องอาศัยความยินยอมของจำเลย และสิทธิในการขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรานี้ย่อมกระทำได้แม้จะเป็นเวลาหลังพิทักษ์ทรัพย์แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิขอเพิกถอนการหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 115 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2453/2527 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำสิทธิในเงินฝากเป็นประกันหนี้และการหักกลบลบหนี้ของเจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย
จำเลยทำสัญญากับธนาคารผู้คัดค้านไว้ว่า จำเลยยอมมอบเงินฝากประจำของจำเลยพร้อมด้วยใบรับฝากไว้เป็นหลักประกันหนี้ของจำเลยต่อธนาคารถ้าจำเลยผิดสัญญายอมให้ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวชำระหนี้ได้ทันที และตราบใดที่ธนาคารยังไม่ได้รับชำระหนี้ จำเลยจะไม่ถอนเงินฝาก และจะไม่กระทำการใดให้เป็นการเสื่อมสิทธิในหลักประกันหนังสือสัญญา ดังกล่าวเป็นการจำนำสิทธิตามตราสารใบรับฝากเงินประจำของจำเลย เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่มีต่อธนาคารผู้คัดค้านตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา747,750 ธนาคารผู้คัดค้าน เป็นผู้รับจำนำสิทธิตามตราสารนั้นจึงเป็นเจ้าหนี้มีประกันซึ่ง มีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483 มาตรา 95 และมาตรา 110 วรรคสาม
สิทธิซึ่งจำนำตามตราสารใบรับฝากเงินเป็นมูลหนี้ซึ่งต้องชำระเป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 754 วรรคสอง จำเลยได้ตกลงกับธนาคารผู้คัดค้านให้หักเงินฝากของจำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องนำไปขายทอดตลาดเพื่อบังคับจำนำธนาคารผู้คัดค้านจึงมีสิทธิ หักเงินฝากประจำของจำเลยซึ่งจำนำต่อธนาคารไว้นั้นเอาชำระหนี้ธนาคารได้ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ธนาคารผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่ก่อนพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 102 โดยไม่จำต้องอาศัยความยินยอมของจำเลยและ สิทธิในการขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรานี้ย่อมกระทำได้แม้จะเป็นเวลาหลังพิทักษ์ทรัพย์แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิ ขอเพิกถอนการหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 115 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2453/2527 ประชุมใหญ่)
สิทธิซึ่งจำนำตามตราสารใบรับฝากเงินเป็นมูลหนี้ซึ่งต้องชำระเป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 754 วรรคสอง จำเลยได้ตกลงกับธนาคารผู้คัดค้านให้หักเงินฝากของจำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องนำไปขายทอดตลาดเพื่อบังคับจำนำธนาคารผู้คัดค้านจึงมีสิทธิ หักเงินฝากประจำของจำเลยซึ่งจำนำต่อธนาคารไว้นั้นเอาชำระหนี้ธนาคารได้ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ธนาคารผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่ก่อนพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 102 โดยไม่จำต้องอาศัยความยินยอมของจำเลยและ สิทธิในการขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรานี้ย่อมกระทำได้แม้จะเป็นเวลาหลังพิทักษ์ทรัพย์แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิ ขอเพิกถอนการหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 115 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2453/2527 ประชุมใหญ่)