คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้ออ้างใหม่ในอุทธรณ์ จำเลยต้องยกเหตุผลในคำให้การเท่านั้น ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 นายจ้างร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธว่าจำเลยที่ 1 มิใช่ลูกจ้างการที่จำเลยที่ 2 ยกขึ้นอ้างอิงในอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 อยู่ในฐานะผู้รับจ้างทำของโดยเอาเงินของจำเลยที่ 2 ไปหาซื้อมะพร้าวได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซนต์ของจำนวนมะพร้าวที่ซื้อมาได้เป็นคราว ๆจำเลยที่ 2 ผู้ว่าจ้างย่อมไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 1 นั้นเป็นข้อที่ไม่ได้กล่าวไว้ในคำให้การไม่มีสิทธินำสืบแม้จำเลยที่ 2 นำสืบและศาลชั้นต้นยกขึ้นวินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรื้อรั้วเพื่อใช้ทางจำเป็น คำขอท้ายฟ้องเชื่อมโยงกับการก่อสร้างรั้วปิดกั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่เกินคำพิพากษาเดิม
ศาลอุทธรณ์พิพากษาในชั้นบังคับคดีว่า โจทก์มีสิทธิรื้อรั้วในที่พิพาทเพื่อใช้เป็นทางจำเป็นได้ตามคำพิพากษาเดิม ถ้าไม่ให้โจทก์มีสิทธิรื้อรั้วคำพิพากษาของศาลฎีกาก็ย่อมไม่มีความหมายบังคับอะไรไม่ได้เพราะมีรั้วกำแพงคอนกรีตซึ่งจำเลยที่ 2 ก่อสร้างปิดขวางอยู่ คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ห้ามจำเลยที่ 2 และบริวารกระทำการขัดขวางจำเลยที่ 1 และโจทก์ไม่ให้จำเลยที่ 2 และบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินบางส่วน ที่จำเลยที่ 1 จัดการให้เป็นทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ถึงทางสาธารณะนั้นย่อมมาจากคำบรรยายฟ้องในเรื่องที่จำเลยที่ 2 ก่อสร้างกำแพงปิดกั้นการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่เกินกว่าคำพิพากษาเดิมและไม่เกินคำของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานปฏิบัติ/ละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ และร่วมกันทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83, 160 จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 86 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 บทหนัก จำคุกจำเลยที่ 1 สี่ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 บทหนัก จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งห้ากระทำผิด 2 กรรม ลงโทษฐานร่วมกันทำไม้ยางโดยไม่รับอนุญาตตาม พระราชบัญญัติป่าไม้อีกกระทงหนึ่ง จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 คนละ 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 6 เดือน ส่วนความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ สำหรับความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยทั้งห้าไม่เกินห้าปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ส่วนความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ ศาลชั้นต้นเห็นว่า เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมาย หลายบทจึงไม่กำหนดโทษฐานนี้ ศาลอุทธรณ์ ว่าเป็นความผิด 2 กรรม กำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าอีกกระทงหนึ่ง จึงเป็นการแก้ไขมากจำเลยมีสิทธิฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในกระทงนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: คดีเช่าค่าเช่าไม่เกิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยไม่อาจฎีกาได้ และการยินยอมของสามีให้ฟ้องคดี
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท แม้โจทก์จะกล่าวมาในฟ้องด้วยว่า หากโจทก์จะให้ผู้อื่นเช่าในปัจจุบันจะได้ค่าเช่าไม่น้อยกว่าเดือนละ 6,000 บาทซึ่งโจทก์ใช้เป็นเกณฑ์คำนวณในการเรียกร้องเอาค่าเสียหายจำนวนเงิน 6,000 บาทนั้น ก็ไม่ใช่ค่าเช่าของอสังหาริมทรัพย์ในขณะยื่นคำฟ้อง เพราะเป็นแต่อาจให้เช่าได้ในอัตราดังกล่าวเท่านั้น เมื่อศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ในข้อที่ว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา มีข้อเท็จจริงพอให้วินิจฉัยปัญหานี้ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานที่เหลือต่อไปดังที่จำเลยขอสืบ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยต่อไปนั้นชอบแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ยังไม่น่าจะฟังเป็นยุติได้แล้ว สมควรให้จำเลยได้เสนอพยานหลักฐานต่อไป ดังนี้เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานเท่าที่ได้สืบกันไปแล้วเป็นการเพียงพอที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อนี้ได้แล้ว จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม
สามีโจทก์ทำหนังสือให้โจทก์มีข้อความว่า สามีโจทก์ยินยอมอนุญาตให้โจทก์ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยต่อศาลแพ่ง การให้ความยินยอมเช่นนี้ย่อมมีความหมายว่ายินยอมตลอดถึงการแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาอื่น ๆ เกี่ยวกับคดีนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่สาธารณะ: ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้ แม้แนวเขตไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองทางสาธารณะกว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 26 เมตร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 9,108ทวิประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์2515 ข้อ 11 และสั่งจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของรัฐ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินที่บุกรุกได้ แม้ยังไม่ทราบแนวเขตที่แน่นอนเพราะเป็นปัญหาที่พิจารณาได้ในชั้นบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1060/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เนื่องจากมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อย่างชัดเจน
ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาที่มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งโดยชัดแจ้งว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบ ไม่ถูกต้องในข้อไหน ประเด็นใด จำเลยเห็นว่าที่ถูกควรเป็นอย่างไรมีข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน หรือมีข้อกฎหมายใดสนับสนุน เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ถือเป็นที่สุดแล้ว ไม่อาจฎีกาได้
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์จำเลยโดยเห็นว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกอุทธรณ์ คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดจำเลยฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถึงลูกหนี้ร่วม แม้มีการอุทธรณ์เฉพาะบางฝ่าย คดีหนี้ร่วมที่ไม่อาจแบ่งแยกได้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมให้ร่วมกันชำระหนี้ค่าบำเหน็จนายหน้าที่กระทำร่วมกันอันเป็นหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จะมีคู่ความเพียงบางฝ่ายเป็นผู้อุทธรณ์ก็ตาม แต่เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ได้เป็นนายหน้าและไม่มีค่าบำเหน็จต่อกัน และเห็นควรกลับคำพิพากษาหรือคำสั่งที่อุทธรณ์ ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นมีผลเป็นที่สุดระหว่างคู่ความอื่นที่มิได้อุทธรณ์ด้วย ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาดให้มีผลถึงคู่ความบางฝ่ายในคดีในศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดถึงลูกหนี้ร่วมแม้มีเพียงบางฝ่ายอุทธรณ์ในคดีหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมให้ร่วมกันชำระหนี้ค่าบำเหน็จนายหน้าที่กระทำร่วมกันอันเป็นหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จะมีคู่ความเพียงบางฝ่ายเป็นผู้อุทธรณ์ก็ตามแต่เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ได้เป็นนายหน้าและไม่มีค่าบำเหน็จต่อกัน และเห็นควรกลับคำพิพากษาหรือคำสั่งที่อุทธรณ์ ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นมีผลเป็นที่สุดระหว่างคู่ความอื่นที่มิได้อุทธรณ์ด้วย ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาดให้มีผลถึงคู่ความบางฝ่ายในคดีในศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการตามคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แม้ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา แต่คำขอเดิมยังคงมีผล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้เด็ดขาดว.เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 27,91แล้ว แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์จะมีผลให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หมดอำนาจที่จะดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยลูกหนี้ต่อไปก็ตาม แต่คดียังไม่ถึงที่สุด เมื่อศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ที่กระทำมาแล้ว รวมทั้งดำเนินการในเรื่องคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ต่อไปได้ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศเพียงแต่ให้เจ้าหนี้ที่ยังไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เท่านั้นไม่รวมถึง ว.เจ้าหนี้หรือเจ้าหนี้อื่นซึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ก่อนแล้วดังนั้น การที่ ว. ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ใหม่อีกจะถือว่าไม่ประสงค์จะขอรับชำระหนี้ต่อไปไม่ได้ ว. จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้
of 225