พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,842 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2614/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเท็จเกี่ยวกับสถานภาพสมรสทำให้เกิดความเสียหายต่อคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้อง
โจทก์จำเลยยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรส และจำเลยให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อนาทะเบียนสมรสว่า จำเลยยังไม่เคยสมรสมาก่อนความจริงเป็นคู่สมรสกับหญิงอื่นอยู่แล้ว ซึ่งโจทก์ไม่ทราบ นายทะเบียนสมรสจดทะเบียนให้เพราะเชื่อถ้อยคำของจำเลยดังนี้ ผลจากการจดทะเบียนสมรสย่อมทำให้การสมรสนั้นสมบูรณ์ ทำให้โจทก์เปลี่ยนฐานะไปเป็นหญิงมีสามี การแจ้งข้อความอันเป็นเท็จของจำเลยจึงเกี่ยวกับฐานะบุคคลของโจทก์ที่ได้เปลี่ยนไปในขณะนั้น ถ้อยคำของจำเลยจึงกระทบกระเทือนถึงความเป็นอยู่ของโจทก์ด้วย การจดทะเบียนสมรสนั้นผิดเงื่อนไขแห่งการสมรส เป็นโมฆะ และฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1451 ถ้ามีบุคคลอ้างและศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ โจทก์อาจได้รับความเสียหายเพราะตกอยู่ในฐานะเป็นหญิงมีสามีไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อโจทก์ไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิดของจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 25-27/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์และการวางเงินประกันความเสียหายจากการยื่นคำร้องคัดค้านการบังคับคดี
เมื่อผู้ร้องได้ยื่นคำร้องว่าทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้มิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา และขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 วรรคแรก เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องงดการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่พิพาทนั้นไว้ระหว่างรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาล แม้ต่อมาศาลจะสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องตามมาตรา 288(1) แต่ผู้ร้องก็ยังคงอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นอยู่ โจทก์จึงขอให้ขายทรัพย์พิพาทไม่ได้
เมื่อโจทก์เห็นว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่พิพาทเข้ามานั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โจทก์ก็ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา สำหรับความเสียหายที่อาจได้รับนั้นได้และเมื่อศาลพิจารณาเป็นเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องว่างเงินต่อศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนดได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทน ฯลฯ ตามมาตรา 288 (1) (อ้างฎีกาที่ 1293/2514)
เมื่อโจทก์เห็นว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่พิพาทเข้ามานั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โจทก์ก็ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา สำหรับความเสียหายที่อาจได้รับนั้นได้และเมื่อศาลพิจารณาเป็นเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องว่างเงินต่อศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนดได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทน ฯลฯ ตามมาตรา 288 (1) (อ้างฎีกาที่ 1293/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
โจทก์มีอาชีพทนายความ วันเกิดเหตุโจทก์ไปพบจำเลยที่บ้านจำเลยเพื่อเจรจาตกลงเกี่ยวกับการซื้อขายบ้านและการอกเช็คซึ่งโจทก์สั่งจ่ายแก่สามีจำเลย แต่ไม่เป็นที่ตกลงกัน เมื่อโจทก์เดินออกมาจำเลยพูดว่า "ไอ้ทนายกระจอก ไอ้ทนายเฮงซวย" ดังนี้ การใช้ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการพูดดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์ให้ได้รับความอับอายและเจ็บใจเท่านั้น หาใช่เป็นการใส่ความ โจทก์โดยประการที่จะทำให้โจทก์เสียชื่อเสีย ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังไม่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา 326
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้คำดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
โจทก์มีอาชีพทนายความ วันเกิดเหตุโจทก์ไปพบจำเลยที่บ้านจำเลยเพื่อเจรจาตกลงเกี่ยวกับการซื้อขายบ้านและการออกเช็คซึ่งโจทก์สั่งจ่ายแก่สามีจำเลย แต่ไม่เป็นที่ตกลงกันเมื่อโจทก์เดินออกมาจำเลยพูดว่า "ไอ้ทนายกระจอกไอ้ทนายเฮงซวย" ดังนี้ การใช้ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการพูดดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์ให้ได้รับความอับอายและเจ็บใจเท่านั้น หาใช่เป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังไม่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2261/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำให้เสียทรัพย์ vs. ความเสียหายต่อทรัพย์สาธารณะ: การปิดกั้นการซ่อมทำนบไม่ถือเป็นการทำลายทรัพย์
ในข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 360 นั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องในข้อหาฐานนี้มีผลเป็นการพิพากษากลับ โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
การที่จำเลยใช้ฝาเฝือกปิดกั้น ทำให้ซ่อมทำนบที่พังไม่ได้ เป็นเหตุให้น้ำในลำห้วยไม่มีใช้เมื่อถึงหน้าแล้งทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เช่นนี้ยังไม่มีลักษณะเป็นการทำลายทำให้เสื่อมสภาพที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่มีไว้เพื่อสารธารณประโยชน์
การที่จำเลยใช้ฝาเฝือกปิดกั้น ทำให้ซ่อมทำนบที่พังไม่ได้ เป็นเหตุให้น้ำในลำห้วยไม่มีใช้เมื่อถึงหน้าแล้งทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เช่นนี้ยังไม่มีลักษณะเป็นการทำลายทำให้เสื่อมสภาพที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่มีไว้เพื่อสารธารณประโยชน์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนเลิกแล้วแต่ยังชำระบัญชี: อำนาจของผู้ช่วยผู้จัดการในการสั่งซื้อเพื่อป้องกันความเสียหาย
ห้างหุ้นส่วนจำกัดเลิกกันเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดตาย แต่ยังถือว่าตั้งอยู่ระหว่างชำระบัญชี ผู้ช่วยผู้จัดการห้างสั่งซื้อกระดาษเพื่อดำเนินการที่ค้างมามิให้ห้างหุ้นส่วนเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของเด็กและผู้ดูแล, การลดค่าเสียหาย, และการพิจารณาความเสียหายที่แท้จริง
หลานอายุ 13 ปีมาพักเรียนหนังสืออยู่กับตายายๆ เป็นผู้ดูแลต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมกับหลานตาม มาตรา 430
ค่ารักษาพยาบาลบุตรซึ่งโจทก์เป็นข้าราชการเบิกจากทางราชการได้ครึ่งหนึ่ง ศาลให้ค่าเสียหายแก่โจทก์เท่าที่โจทก์เสียไปจริงเพียงครึ่งหนึ่ง
บิดาไม่ดูแลบุตรอายุ 4 ขวบ ปล่อยให้ไปเล่นในบริเวณที่เด็กเล่นไม้หึ่งจนได้รับอันตราย เป็นความผิดของบิดารวมอยู่ด้วย ศาลลดค่าเสียหายที่ผู้ทำละเมิดต้องใช้ลงได้
ค่าเสียหายฐานละเมิดซึ่งเด็กและผู้ดูแลเด็กต้องรับผิดร่วมกันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยผู้เดียวฎีกา ศาลพิพากษาลดจำนวนลงแก่จำเลยที่ไม่ได้ฎีกาด้วยได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 10,000 บาทเพราะผู้เสียหายตาบอด จำเลยอุทธรณ์ไม่คัดค้านว่าตาไม่บอดจำเลยฎีกาว่าตาไม่บอดไม่ได้ ศาลจึงไม่ต้องพิจารณาว่าค่าเสียหายเพราะตาบอดจำนวน 10,000 บาทนั้นมากเกินไปหรือไม่
ค่ารักษาพยาบาลบุตรซึ่งโจทก์เป็นข้าราชการเบิกจากทางราชการได้ครึ่งหนึ่ง ศาลให้ค่าเสียหายแก่โจทก์เท่าที่โจทก์เสียไปจริงเพียงครึ่งหนึ่ง
บิดาไม่ดูแลบุตรอายุ 4 ขวบ ปล่อยให้ไปเล่นในบริเวณที่เด็กเล่นไม้หึ่งจนได้รับอันตราย เป็นความผิดของบิดารวมอยู่ด้วย ศาลลดค่าเสียหายที่ผู้ทำละเมิดต้องใช้ลงได้
ค่าเสียหายฐานละเมิดซึ่งเด็กและผู้ดูแลเด็กต้องรับผิดร่วมกันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยผู้เดียวฎีกา ศาลพิพากษาลดจำนวนลงแก่จำเลยที่ไม่ได้ฎีกาด้วยได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 10,000 บาทเพราะผู้เสียหายตาบอด จำเลยอุทธรณ์ไม่คัดค้านว่าตาไม่บอดจำเลยฎีกาว่าตาไม่บอดไม่ได้ ศาลจึงไม่ต้องพิจารณาว่าค่าเสียหายเพราะตาบอดจำนวน 10,000 บาทนั้นมากเกินไปหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการกระทำเกินขอบเขตสิทธิ การใช้สิทธิโดยไม่ระมัดระวัง
จำเลยเก็บสินค้าในตึกของจำเลยมีน้ำหนักเกินอัตราที่พื้นคอนกรีตชั้นล่างจะรับได้ ทำให้พื้นคอนกรีตของจำเลยยุบต่ำลง เป็นเหตุให้ตึกของโจทก์ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกันทรุดพื้นคอนกรีต คานและผนังตึกของโจทก์แตกร้าว ตึกของโจทก์เอนเอียงไปทางตึกของจำเลย เช่นนี้ เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ ต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายทางละเมิดเมื่อผู้เสียหายเสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี
ค่าทนทุกข์ทรมานซึ่งได้ฟ้องคดีแล้วผู้เสียหายจึงตายลงนั้นผู้เข้าเป็นคู่ความแทนว่าคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้จัดการร้านสหกรณ์ต่อความเสียหายจากหน้าที่บกพร่อง และขอบเขตการบังคับจำนอง
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการร้านสหกรณ์โจทก์ตามสัญญาจ้าง ปล่อยปละละเลยให้มีการขายบุหรี่โดยไม่ได้รับชำระราคา กรณีดังนี้ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการบกพร่องอย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงเป็นการประพฤติผิดสัญญาจ้าง โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะบังคับจำนองจากทรัพย์จำนองอันเป็นประกันค่าเสียหายนั้นได้
ร้านสหกรณ์โจทก์ได้จ่ายเงินค่าสินค้าไปแล้วแต่หาได้มีการลงบัญชีรับสินค้าไว้ไม่ แสดงว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการอาจไม่ได้นำสินค้าเข้าร้านสหกรณ์ก็ได้ สินค้าบางรายการลงบัญชีจ่ายเงินซ้ำสองครั้ง เงินสดคงเหลือตามบัญชีจึงผิดไปจากความเป็นจริงร้านสหกรณ์โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายจากการจัดทำบัญชีขัดกับใบสำคัญ ซึ่งทำให้มีการจ่ายเงินไปโดยไม่มีความจำเป็นจะต้องจ่ายจึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องเหล่านี้อย่างบกพร่องอันจะต้องชดใช้ค่าเสียหายด้วยดุจกัน จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของสมุหบัญชีที่ไม่ลงบัญชีให้ถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่ความผิดของตนนั้นย่อมเถียงไม่ขึ้นเพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ที่จะต้องควบคุมสอดส่องการทำบัญชีของร้านสหกรณ์ให้เป็นไปตามข้อบังคับโดยใกล้ชิด
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 ไม่ใช่บทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้จำนองอาจตกลงกับผู้รับจำนองเป็นประการอื่นพิเศษนอกเหนือจากที่มาตรา 733 บัญญัติไว้ ก็ย่อมกระทำได้
ร้านสหกรณ์โจทก์ได้จ่ายเงินค่าสินค้าไปแล้วแต่หาได้มีการลงบัญชีรับสินค้าไว้ไม่ แสดงว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการอาจไม่ได้นำสินค้าเข้าร้านสหกรณ์ก็ได้ สินค้าบางรายการลงบัญชีจ่ายเงินซ้ำสองครั้ง เงินสดคงเหลือตามบัญชีจึงผิดไปจากความเป็นจริงร้านสหกรณ์โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายจากการจัดทำบัญชีขัดกับใบสำคัญ ซึ่งทำให้มีการจ่ายเงินไปโดยไม่มีความจำเป็นจะต้องจ่ายจึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องเหล่านี้อย่างบกพร่องอันจะต้องชดใช้ค่าเสียหายด้วยดุจกัน จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของสมุหบัญชีที่ไม่ลงบัญชีให้ถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่ความผิดของตนนั้นย่อมเถียงไม่ขึ้นเพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ที่จะต้องควบคุมสอดส่องการทำบัญชีของร้านสหกรณ์ให้เป็นไปตามข้อบังคับโดยใกล้ชิด
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 ไม่ใช่บทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้จำนองอาจตกลงกับผู้รับจำนองเป็นประการอื่นพิเศษนอกเหนือจากที่มาตรา 733 บัญญัติไว้ ก็ย่อมกระทำได้