คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ล้มละลาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,913 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มูลหนี้เกิดเมื่อรับเงินและออกตั๋วสัญญาใช้เงิน แม้ตกลงให้สินเชื่อก่อนศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้
มูลหนี้แต่ละรายเกิดขึ้นเมื่อลูกหนี้รับเงินไปแล้วออกตั๋วสัญญาใช้เงินและทำสัญญารับชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ หาได้เกิดตั้งแต่วันที่เจ้าหนี้ตกลงจะให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ไม่ แม้จะยังไม่ประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ในราชกิจจานุเบกษา และเจ้าหนี้จะจ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่นำมาขอรับชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้โดยสุจริตและไม่ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้ก็จะขอรับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวไม่ได้ตามมาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2453/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักหนี้จากเงินฝากประจำก่อนล้มละลาย: การยินยอมของลูกหนี้และการกระทำที่ไม่เข้าข่ายการเพิกถอนตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
ธนาคารผู้คัดค้านโอนเงินฝากประจำของลูกหนี้ที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดลูกหนี้ที่ 1 ไปเข้าบัญชีกระแสรายวันของลูกหนี้ที่ 1 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2522 เป็นการชำระหนี้ที่ลูกหนี้ที่ 1 เป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีธนาคารเพื่อหักหนี้ เกิดจากหนังสือค้ำประกันยินยอมการหักบัญชีเงินฝากประจำชำระหนี้ระหว่างลูกหนี้ที่ 2 กับธนาคารผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2520 ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ทั้งสองล้มละลายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2522 ธนาคารผู้คัดค้านในฐานเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ในมูลหนี้ค้ำประกัน และเป็นลูกหนี้ของจำเลยที่ 2 ในมูลหนี้เงินฝากประจำที่ธนาคารรับฝากไว้ แม้ว่าจะไม่มีข้อตกลงดังกล่าว ธนาคารผู้คัดค้านก็มีสิทธิที่จะหักลบกลบหนี้ระหว่างหนี้ตามสัญญาค้ำประกันกับมูลหนี้เงินฝากประจำนั้นได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 102 ทั้งตามมาตรา 115 ใช้คำว่าลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำ มุ่งถึงกิริยาที่ยินยอม มิได้ใช้คำว่าผู้อื่นทำด้วยความยินยอมของลูกหนี้ ดังนี้ จึงถือไม่ได้ว่าลูกหนี้ที่ 2 ได้กระทำหรือยินยอมให้ธนาคารผู้คัดค้านกระทำการโอนบัญชีและหักหนี้เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2522 ในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยมุ่งหมยให้ธนาคารผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นตามมาตรา 115 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2453/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้และการเพิกถอนการชำระหนี้ในคดีล้มละลาย พิจารณาความยินยอมของลูกหนี้ก่อนการยื่นล้มละลาย
ธนาคารผู้คัดค้านโอนเงินฝากประจำของลูกหนี้ที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดลูกหนี้ที่ 1 ไปเข้าบัญชีกระแสรายวันของลูกหนี้ที่ 1 เมื่อวันที่ 28กันยายน 2522 เป็นการชำระหนี้ที่ลูกหนี้ที่ 1 เป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีธนาคารเพื่อหักหนี้ เกิดจากหนังสือค้ำประกันยินยอมการหักบัญชีเงินฝากประจำชำระหนี้ระหว่างลูกหนี้ที่ 2 กับธนาคารผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 1ธันวาคม 2520 ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ทั้งสองล้มละลายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2522 ธนาคารผู้คัดค้านในฐานะเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ในมูลหนี้ค้ำประกันและเป็นลูกหนี้ของจำเลยที่ 2 ในมูลหนี้เงินฝากประจำที่ธนาคารรับฝากไว้แม้ว่าจะไม่มีข้อตกลงดังกล่าว ธนาคารผู้คัดค้านก็มีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้ระหว่างหนี้ตามสัญญาค้ำประกันกับมูลหนี้เงินฝากประจำนั้นได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา 102 ทั้งตามมาตรา 115 ใช้คำว่าลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำ มุ่งถึงกิริยาที่ยินยอม มิได้ใช้คำว่าผู้อื่นทำด้วยความยินยอมของลูกหนี้ ดังนี้ จึงถือไม่ได้ว่าลูกหนี้ที่ 2 ได้กระทำหรือยินยอมให้ธนาคารผู้คัดค้านกระทำการโอนบัญชีและหักหนี้เมื่อวันที่ 28กันยายน 2522 ในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยมุ่งหมายให้ธนาคารผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นตามมาตรา 115เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวไม่ได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่8/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล้มละลาย: การยกเลิกการประนอมหนี้และการกลับสู่สถานะล้มละลาย ต้องมีคำพิพากษาใหม่
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกการประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายหาทำให้ลูกหนี้กลับเป็นบุคคลล้มละลายในทันทีตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ ศาลชั้นต้นจะต้องพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายใหม่อีกดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เสียก่อน กรณีจึงจะถือว่าลูกหนี้ตกเป็นบุคคลล้มละลายตามคำพิพากษาอันจะให้สิทธิและอำนาจแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นำทรัพย์สินของลูกหนี้ออกขายทอดตลาดตามมาตรา 19 หรือมาตรา 123 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องในสัญญาเช่าซื้อและการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย สิทธิสมบูรณ์ของผู้รับโอน
เดิม ธ. ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินกับจำเลยที่ 2 ต่อมา ธ. ได้โอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อที่ดินดังกล่าวให้แก่ เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยที่ 2 จนครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่ทันได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าซื้อ จำเลยที่ 2 ก็ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ดังนี้หนี้ขอรับชำระจึงเป็นหนี้ที่มีมูลมาจากการเช่าซื้อที่ดินซึ่งเจ้าหนี้ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาจาก ธ. ผู้เช่าซื้อเดิม อันเป็นหนี้ที่มูลแห่งหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จึงเป็นหนี้ที่ขอรับชำระได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 และเจ้าหนี้ เป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อนี้มาโดยชอบตามมาตรา 303 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการโอนสิทธิเรียกร้องก็ทำโดยถูกต้องสมบูรณ์ตามมาตรา 306 โดย ธ. ผู้โอนได้บันทึกการโอนสิทธิเป็นหนังสือ และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้แห่งสิทธินั้นได้บันทึกยินยอมไว้เป็น หนังสือในสัญญาเช่าซื้อโดยแจ้งชัด เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้จึงมีสิทธิสมบูรณ์ในฐานะเป็นผู้รับโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ โดยชอบ และกรณีไม่จำต้องมีการทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อกัน ใหม่ระหว่างเจ้าหนี้ผู้รับโอนกับจำเลยที่ 2 ผู้ให้เช่าซื้ออีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล้มละลาย: การยกเลิกการประนอมหนี้หลังล้มละลายไม่ทำให้กลับเป็นลูกหนี้ล้มละลายทันที ต้องมีคำพิพากษาใหม่
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกการประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายหาทำให้ลูกหนี้กลับเป็นบุคคลล้มละลายในทันทีตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ ศาลชั้นต้นจะต้องพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายใหม่อีกดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483 เสียก่อน กรณีจึงจะถือว่าลูกหนี้ตกเป็นบุคคลล้มละลายตามคำพิพากษาอันจะให้สิทธิและอำนาจแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นำทรัพย์สินของลูกหนี้ออกขายทอดตลาดตามมาตรา 19 หรือมาตรา 123 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แทนลูกหนี้และการรับช่วงสิทธิในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้ทำประกันภัยเองมิอาจเรียกชำระหนี้แทนได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องศาลฎีกาพิพากษากลับ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดใน กรณีเช่นนี้เจ้าหนี้ย่อมยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์เด็ดขาดของศาลฎีกาได้
จำเลย(ลูกหนี้) จำนองทรัพย์สินไว้แก่เจ้าหนี้ ในสัญญา ต่อท้ายสัญญาจำนองได้กำหนดให้จำเลยประกันภัยทรัพย์สิน ที่จำนองโดยให้เจ้าหนี้เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยนั้น แต่จำเลยไม่จัดการประกันภัยเจ้าหนี้จึงทำสัญญาประกันภัยและได้ชำระเบี้ยประกันภัยไป ดังนี้เจ้าหนี้จะมาขอรับชำระหนี้ในหนี้จำนวนดังกล่าวโดยอ้างว่า ชำระแทนจำเลยไปไม่ได้ เพราะต้องถือว่าเจ้าหนี้เป็นทั้งผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862ผู้เอาประกันภัยหมายความว่าคู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัย การที่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นคู่สัญญา กับผู้รับประกันภัยได้ชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้รับประกันภัย ไปจึงต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ของตนเอง ไม่ใช่เป็นการ ชำระหนี้แทนจำเลยหาก่อให้เกิดอำนาจแห่งการรับช่วงสิทธิ แก่เจ้าหนี้ตามมาตรา 226 และมาตรา 229 แต่ประการใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การชำระหนี้แทนลูกหนี้โดยเจ้าหนี้ และการรับช่วงสิทธิ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องศาลฎีกาพิพากษากลับ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดใน กรณีเช่นนี้เจ้าหนี้ย่อมยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์เด็ดขาดของศาลฎีกาได้ จำเลย(ลูกหนี้) จำนองทรัพย์สินไว้แก่เจ้าหนี้ ในสัญญา ต่อท้ายสัญญาจำนองได้กำหนดให้จำเลยประกันภัยทรัพย์สิน ที่จำนองโดยให้เจ้าหนี้เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยนั้นแต่จำเลยไม่จัดการประกันภัยเจ้าหนี้ จึงทำสัญญาประกันภัยและได้ชำระเบี้ยประกันภัยไป ดังนี้เจ้าหนี้จะมาขอรับชำระหนี้ในหนี้จำนวนดังกล่าวโดยอ้างว่า ชำระแทนจำเลยไปไม่ได้เพราะต้องถือว่าเจ้าหนี้เป็นทั้ง ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862ผู้เอาประกันภัยหมายความว่าคู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัยการที่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นคู่สัญญา กับผู้รับประกันภัยได้ชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้รับประกันภัย ไปจึงต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ของตนเอง ไม่ใช่เป็นการ ชำระหนี้แทนจำเลยหาก่อให้เกิดอำนาจแห่งการรับช่วงสิทธิ แก่เจ้าหนี้ตามมาตรา 226 และมาตรา 229 แต่ประการใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีแล้วกลับมาพิจารณาต่อ เมื่อคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไม่เป็นผล และการไต่สวนข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีไปตามคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเข้าดำเนินคดีแทนจำเลย เมื่อโจทก์ได้ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายแล้วเท่ากับเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องต่อเนื่องเกี่ยวโยงกับคดีนี้หากการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไม่อาจดำเนินไปจนถึงที่สุดได้เพราะศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกฟ้องใน คดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยกคำขอของโจทก์เสีย โจทก์ ก็ชอบที่จะกลับมาดำเนินคดีต่อไปได้ คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้น หาได้ประสงค์ให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลทีเดียวไม่ โจทก์ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์เนื่องจากศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในคดีล้มละลาย โจทก์ จึงขอให้ศาลนำคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป จำเลยยื่นคำคัดค้านว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์และทำความเห็นเสนอต่อศาลจนกระทั่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์อ้างและพิพากษายกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ คดีถึงที่สุดไปแล้ว ดังนี้ หากได้ความจริงตามคำคัดค้านของจำเลยโจทก์ก็ต้องผูกพันตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่มีมูลหนี้ในคดีนี้อีก ย่อมไม่มีเหตุที่จะให้ ยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะทำการไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นความจริงดังคำร้องของโจทก์หรือคำคัดค้านของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยมิได้ทำการไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญก่อนและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ถือว่าศาลล่างทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาและมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ประกอบด้วยมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุล้มละลายที่เกิดขึ้นก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ไม่อาจยกขึ้นเป็นเหตุขอยกเลิกการล้มละลายได้
เหตุต่าง ๆ ที่เจ้าหนี้ยกขึ้นอ้างในคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของบริษัทลูกหนี้นั้น ล้วนแต่เป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ซึ่งเป็นข้อที่ศาลชั้นต้นจะพึงหยิบยกขึ้นวินิจฉัยก่อนที่จะมี คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย คือถ้ามีเหตุดังกล่าวที่ไม่ควรให้ ลูกหนี้ล้มละลาย ศาลก็จะพิพากษายกฟ้องโจทก์หรือยกคำร้องขอ ให้ล้มละลายของผู้ชำระบัญชีเสียได้ แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้ มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและถึงที่สุดแล้ว เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะหยิบยกเอาเหตุต่างๆ ดังกล่าวมาขอให้ ศาลชั้นต้นสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135(2) ได้อีก
คำร้องของเจ้าหนี้ที่อ้างเหตุว่ามติที่ประชุมเจ้าหนี้ที่ ไม่ควรขอให้ศาลพิพากษาให้บริษัทลูกหนี้ล้มละลายมิได้ นอกเหนือไปจากบทบัญญัติมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย.และไม่ขัดต่อกฎหมายนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ ทำลายมติดังกล่าวและพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว เจ้าหนี้ไม่มี สิทธิที่จะหยิบยกเอาเหตุดังกล่าวมาขอให้ศาลชั้นต้นสั่ง ยกเลิกการล้มละลายได้อีก
of 192