คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5383/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นคู่ความตามมาตรา 57(1) เมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว ศาลชอบที่จะสั่งไม่รับคำร้อง
ตามคำร้องเป็นเรื่องผู้ร้องร่วมทั้งสองประสงค์จะเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ซึ่งกฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้บุคคลภายนอกร้องขอเข้าเป็นคู่ความได้โดยยื่นคำร้องขอต่อศาลที่คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณา เมื่อปรากฏว่าในวันที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความนั้นศาลชั้นต้นได้สั่งยกคำร้องของผู้ร้องไปแล้ว จึงไม่มีคดีของผู้ร้องที่ผู้ร้องร่วมทั้งสองจะเข้ามาเป็นคู่ความได้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นในขณะที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอ ดังนั้นศาลจึงชอบที่จะสั่งไม่รับคำร้องขอของผู้ร้องร่วมทั้งสองได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5344/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและข้อเท็จจริงสาธารณสมบัติของแผ่นดิน: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่คู่ความยกขึ้น
ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในทางพิจารณา ไม่ใช่เรื่องอำนาจฟ้องและไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อฟ้องโจทก์มิได้อ้างว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินศาลจะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองโดยที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5308/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเวลาส่งสำเนาอุทธรณ์และการทิ้งอุทธรณ์: ศาลมีดุลพินิจกำหนดเวลาเหมาะสมได้ แม้ต่ำกว่า 7 วัน
การกำหนดเวลาให้จำเลยส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์นั้น เป็นการกำหนดเวลาเกี่ยวกับการดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้น ซึ่งกำหนดเวลาดังกล่าวขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลชั้นต้น กฎหมายมิได้จำกัดดุลพินิจของศาลชั้นต้นว่าจะต้องสั่งให้จำเลยส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์เกินกว่า 7 วัน จึงจะเป็นการสมควร เมื่อศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจกำหนดเวลาโดยเหมาะสมแล้ว และจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนด จึงเป็นการทิ้งอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนคำพิพากษาตามยอมและการยกฟ้องกรณีข้อหาที่ไม่อาจพิพากษาได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นซึ่งตามกฎหมายคำพิพากษาของศาลจะเพิกถอนไม่ได้ เว้นแต่จะถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข กลับ หรืองดเสีย โดยคำพิพากษาของศาลในลำดับที่สูงกว่า เมื่อคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาในข้อที่ไม่อาจจะพิพากษาให้ได้โดยชอบด้วยกฎหมายเช่นนี้ ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ในชั้นตรวจคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำฟ้องและคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ทั้งหมด จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4071/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขแบบพิมพ์อุทธรณ์: ศาลต้องตรวจก่อนรับ หากไม่แก้ไขแต่รับพิจารณา ก็ไม่ทำให้การอุทธรณ์เป็นโมฆะ
ป.วิ.พ. มาตรา 67 นำมาใช้กับคดีอาญาได้โดยอนุโลม ตามป.วิ.อ. มาตรา 15 จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยใช้กระดาษแบบพิมพ์คำฟ้องอุทธรณ์ แต่ตอนลงชื่อในแผ่นสุดท้ายกลับใช้กระดาษแบบพิมพ์ท้ายคำแก้อุทธรณ์ แทนที่จะเป็นแบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ ซึ่งไม่ถูกต้อง และเป็นหน้าที่ ของศาลชั้นต้นที่จะตรวจอุทธรณ์แล้วสั่งแก้ไขก่อนที่จะรับอุทธรณ์ แต่เมื่อมิได้สั่งให้แก้ไขและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยและมีคำพิพากษา ไปโดยมิได้สั่งให้แก้ไขให้บริบูรณ์เสียก่อนชี้ขาดตัดสินคดี ก็ไม่ทำให้อุทธรณ์ของจำเลยไม่เป็นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ถึงขนาดที่จะรับไว้พิจารณาต่อไปไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยต่อการดำเนินคดีและการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยาน
ศาลอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีไปครั้งหนึ่ง โดยกำชับจำเลย ให้เตรียมพยานมาให้พร้อมเพื่อให้สืบทั้งหมดในวันนัด หากพยานฝ่ายใดไม่มาศาลจะถือว่าฝ่ายนั้นไม่ติดใจสืบพยาน เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าจำเลยติดธุระจำเป็นที่กรุงเทพมหานครอันเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นอัน ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และจำเลยมิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของ ศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ดังบัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก พฤติการณ์ของจำเลย ดังกล่าวส่อแสดงว่า จำเลยเพิกเฉยไม่สนใจในการดำเนินคดีของตน เป็นการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และงดสืบพยาน จำเลยเสียได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3961/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการขายทอดตลาดในคดีล้มละลาย ต้องยื่นต่อศาลภายใน 14 วันนับแต่วันทราบการขายทอดตลาด ไม่ต้องยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก่อน
จำเลยคัดค้านการกระทำคือการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งต้องคัดค้านต่อศาลภายใน 14 วัน นับแต่วันทราบการกระทำการขายทอดตลาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 146 กรณีนี้หามีกฎหมายกำหนดให้จำเลยต้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เองก่อนไม่ ฉะนั้น แม้จำเลยจะได้ยื่นคำร้องดังกล่าวเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ก็ไม่ทำให้ระยะเวลาที่จำเลยจะต้องคัดค้านการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลขยายไปเป็น 14 วัน นับแต่วันที่ได้ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3948/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีและการพิสูจน์ความชอบด้วยกฎหมายของการขายทอดตลาด
ทนายความผู้ประกันขอเลื่อนคดีมาแล้วครั้งหนึ่งอ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่นศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้นถึงวันนัดครั้งต่อไปทนายความผู้ประกันยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าได้นัดผู้ประกันให้มาเบิกความต่อศาล แต่ผู้ประกันไม่มาและไม่ทราบสาเหตุ แต่ตามคำร้องขอเลื่อนคดีไม่ได้อ้างเหตุจำเป็นอื่นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ และไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปจะทำให้เสียความยุติธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้เลื่อนคดี
ผู้ประกันกล่าวอ้างว่า การขายทอดตลาดที่ดินพิพาทเป็นไปโดยไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการขายทอดตลาด ผู้ซื้อทรัพย์คัดค้าน ดังนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่ผู้ประกัน เมื่อผู้ประกันไม่มีพยานมานำสืบ อีกทั้งได้ความตามสำนวนว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศแจ้งการขายทอดตลาดโดยชอบหลายครั้ง ไม่มีผู้ใดสนใจเข้าสู้ราคา เมื่อผู้ซื้อทรัพย์สู้ราคาสูงสุดสูงกว่าราคาประเมิน และศาลชั้นต้นเห็นสมควรให้ขายทรัพย์แก่ผู้ซื้อทรัพย์การขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยชอบแล้ว
การยื่นคำร้องของผู้ประกันในคดีอาญาว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบรวมทั้งการอุทธรณ์ฎีกา ไม่จำต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 252

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตขยายเวลาวางค่าธรรมเนียมศาลและคำสั่งไม่รับฎีกา: การอุทธรณ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกา และค่าทนายความที่จะใช้แทนโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 2 ออกไปอีก และต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นคำสั่งศาลที่เกี่ยวเนื่องกับการรับหรือไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 หาใช่เป็นเรื่องการขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 อย่างเดียว แต่อย่างใดไม่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกามายังศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในคดีโทษประหาร: ศาลต้องตั้งทนายให้ แม้จำเลยไม่ต้องการ
คดีที่มีโทษประหารชีวิต ถ้าจำเลยไม่มีทนาย ศาลต้องตั้งทนายให้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยต้องการทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้ความคุ้มครองแก่จำเลยในคดีที่มีโทษประหารชีวิตเมื่อศาลตั้งทนายให้แล้วแต่จำเลยไม่ต้องการทนายก็เป็นเรื่องของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นไม่ตั้งทนายให้จำเลยจึงเป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบ
of 364