คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2823/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการได้รับเงินสินบนนำจับ: ยุติเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากรบรรยายฟ้องด้วยว่าคดีมีผู้แจ้งความนำจับนำเจ้าพนักงานจับจำเลย และขอให้ศาลสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่า พนักงานอัยการโจทก์ได้ร้องขอต่อศาลให้จ่ายเงินสินบนแทนผู้นำจับตามบทบัญญัติในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 แล้ว และเมื่อคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่มีผู้นำจับโจทก์มิได้ฎีกาคัดค้าน และต่อมาศาลฎีกาพิพากษายืน คดีจึงต้องฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่าไม่มีผู้นำจับ ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งจ่ายเงินนำจับแก่ผู้ร้อง อันเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากฎีกาโจทก์ไม่คัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกี่ยวกับพยานหลักฐานเท็จ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความเท็จในบันทึกการจับกุมไม่เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาเกิดขึ้นหรือเชื่อว่าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่เป็นความจริง พิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยดังกล่าว จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากฎีกาโจทก์ไม่คัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกี่ยวกับความผิดฐานทำพยานหลักฐานเท็จ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความเท็จในบันทึกการจับกุมไม่เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาเกิดขึ้นหรือเชื่อว่าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่เป็นความจริงพิพากษายกฟ้องโจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยดังกล่าว จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม กรณีคัดค้านข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน ปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี และริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงว่าของกลางเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิด จำเลยฎีกาขอให้สั่งคืนของกลางโดยอ้างว่าของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด เป็นฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นฎีกาภายในกำหนดหลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลชั้นต้นให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 แล้วจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟัง ถือได้ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้อ่านแล้วในวันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140 (3) วรรคสอง จำเลยต้องยื่นฎีกาภายในวันที่ 20 มีนาคม 2522 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 แต่จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นในวันที่ 22 มีนาคม 2522 ซึ่งพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกามาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นฎีกาภายในกำหนดหลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลชั้นต้นให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 แล้วจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟัง ถือได้ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้อ่านแล้วในวันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140(3) วรรคสองจำเลยต้องยื่นฎีกาภายในวันที่ 20 มีนาคม 2522 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 แต่จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นในวันที่ 22 มีนาคม 2522 ซึ่งพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกามา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจากจำคุกเป็นปรับ: ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลดโทษจำเลยในคดีวิทยุสื่อสาร
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยกระทงแรก 1 ปี กระทงหลัง2 ปี รวมจำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะอัตราโทษโดยไม่ได้จำคุกจำเลย เพียงแต่ลงโทษปรับสถานเดียวกระทงละ 5,000 บาท รวมสองกระทงปรับ 10,000 บาท ดังนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษและเป็นการแก้ไขแต่เพียงเล็กน้อย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 11/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2198/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลและการสิ้นสุดคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถา จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นไม่อนุญาตชอบแล้วยกอุทธรณ์ของจำเลย แต่กำหนดว่าถ้าจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์ต่อไปก็ให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 10 วัน นับแต่ทราบคำสั่งศาลอุทธรณ์ ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาออกไปอีก ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีพฤติการณ์พิเศษ ยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาต่อมา ดังนี้ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ ที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีก เป็นเรื่องอยู่ในกระบวนพิจารณาชั้นศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ แต่เนื่องจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ซึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้ายบัญญัติให้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2107/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งรับอุทธรณ์ต้องแสดงเหตุผลว่ามีปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ มิฉะนั้นถือว่าไม่ได้รับอุทธรณ์
ผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดีในศาลแขวงได้มีคำสั่งในคดีที่ต้องห้าม อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯลฯ มาตรา22 ว่า "ครบ กำหนดวันที่ 1 เป็นวันเสาร์และวันที่ 2 เป็นวันอาทิตย์ซึ่งหยุดราชการ โจทก์ร่วมจึงมีสิทธิยื่นวันนี้ได้ รับเป็นอุทธรณ์ สำเนาให้จำเลย" ดังนี้ ไม่ถือว่าผู้พิพากษาผู้นั้นได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในคำสั่งมิได้ชี้แจงแสดงเหตุผลว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และมีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ได้ อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมจึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่จะรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับคดี: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจตัดสินในระหว่างพิจารณาคดี ศาลฎีกาไม่มีอำนาจแก้ไข
การขอทุเลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 นั้น กฎหมายกำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นขั้น ๆ ไป สำหรับคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องขอทุเลาการบังคับจึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ศาลฎีกาไม่มีอำนาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์เป็นอย่างอื่นได้ และกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับแล้ว จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์มิได้
of 225