พบผลลัพธ์ทั้งหมด 127 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องเพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดิน: โจทก์ต้องพิสูจน์กรรมสิทธิ์ร่วม หากพิสูจน์ไม่ได้ สิทธิฟ้องไม่มี
ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดิน โดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินนั้นด้วย การซื้อขายทำกันไม่สมบูรณ์เพราะตนหรือเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งไม่ได้เป็นผู้ขาย หากแต่จำเลยคนหนึ่งทำใบมอบฉันทะปลอมขึ้นว่า เจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งนั้นมอบฉันทะให้จำเลยขายแก่จำเลยอีกคนหนึ่งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง ใบมอบฉันทะที่ให้จำเลยขายนั้น เป็นใบมอบฉันทะที่แท้จริง และผู้มอบฉันทะก็เป็นเจ้าของที่ดินแต่ผู้เดียว ดังนี้ ถือว่าเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ซึ่งกำหนดลงเป็นราคาเงินมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแบ่งค่าอ้อย: การฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินร่วมกันโดยระบุเพียงกรรมสิทธิ์ร่วม ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่ามีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของอ้อยร่วมกับจำเลยขอแบ่งค่าอ้อยซึ่งจำเลยขายได้ อันเป็นส่วนของโจทก์ครึ่งหนึ่ง ดังนี้ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้วไม่จำต้องกล่าวว่าเป็นเจ้าของร่วมกันโดยทางใด ซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป ถ้าจำเลยต้องการทราบรายละเอียดในข้อนี้ในวันชี้สองสถานหรือก่อนวันนั้น จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลสอบถามโจทก์ให้แถลงในข้อนี้ได้ จำเลยเพิ่งจะมาคัดค้านในตอนสืบพยานโจทก์ไปแล้วย่อมทำไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วม การแบ่งทรัพย์สิน และอำนาจศาลในการบังคับแบ่ง
เมื่อคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยได้ความชัดแล้วว่าทั้งสองฝ่ายเป็นของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน และจำเลยก็ยอมให้แบ่ง ครั้นถึงวันเปรียบเทียบต่างแถลงจะแบ่งเอาตรงนั้นเอาตรงนี้อ้างว่าเคยปกครองมา ดังนี้ ถือว่าที่แถลงดังนั้นไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป เมื่อแบ่งกันไม่ตกลงศาลมีอำนาจให้แบ่งโดยประมูลราคาหรือขายทอดตลาดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินที่ได้มาขณะอยู่กินฉันท์สามีภรรยา แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส การลงชื่อในใบเหยียบย่ำไม่ถือเป็นการสละสิทธิ์
โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากัน แต่มิได้จดทะเบียนสมรส ระหว่างอยู่กินด้วยกันโจทก์ได้ที่ดินมาจากผู้อื่น และลงชื่อจำเลยซึ่งเป็นภรรยาลงในใบเหยียบย่ำ ตามพฤติการณ์โจทก์จำเลยต่างมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นร่วมกัน การที่โจทก์ยอมให้จำเลยมีชื่อในใบเหยียบย่ำแต่ผู้เดียว ไม่เป็นข้อแสดงว่าโจทก์สละสิทธิ์ให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินระหว่างคู่ไม่สมรสตามกฎหมาย: ถือเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม มิใช่สินสมรส ศาลสั่งคืนได้
ทรัพย์สินของสามีภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องถือหลักกรรมสิทธิ์ร่วม
โจทก์เป็นมารดาผู้ตายฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตายจากจำเลยเมื่อฟังว่าจำเลยและผู้ตายไม่ใช่สามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยก็ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ศาลย่อมสั่งให้จำเลยคืนทรัพย์มรดกของผู้ตายให้แก่โจทก์ได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นอย่างไร
ในประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดให้เป็นโทษแก่โจทก์แล้วโจทก์พอใจไม่อุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์แต่ไม่ได้อุทธรณ์ในประเด็นข้อนั้น แต่อุทธรณ์ในประเด็นข้ออื่น ดังนี้ศาลอุทธรณ์จะกลับไปชี้ขาดในประเด็นข้อนั้นให้เป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
โจทก์เป็นมารดาผู้ตายฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตายจากจำเลยเมื่อฟังว่าจำเลยและผู้ตายไม่ใช่สามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยก็ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ศาลย่อมสั่งให้จำเลยคืนทรัพย์มรดกของผู้ตายให้แก่โจทก์ได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นอย่างไร
ในประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดให้เป็นโทษแก่โจทก์แล้วโจทก์พอใจไม่อุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์แต่ไม่ได้อุทธรณ์ในประเด็นข้อนั้น แต่อุทธรณ์ในประเด็นข้ออื่น ดังนี้ศาลอุทธรณ์จะกลับไปชี้ขาดในประเด็นข้อนั้นให้เป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดิน: การสันนิษฐานเรื่องส่วนเท่ากันและการแบ่งครอบครอง
ตามกฎหมายสันนิษฐานว่าผู้เป็นเจ้าของร่วมกันมีส่วนเท่ากัน. เจ้าของร่วมจะแบ่งกันทำในที่ดินมากน้อยเท่าใด ก็ไม่ทำให้เปลี่ยนแปลงส่วนกรรมสิทธิ์ซึ่งมีมาแต่ดั้งเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วม: สันนิษฐานส่วนเท่ากัน, การแบ่งใช้ไม่เปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์เดิม
ตามกฎหมายสันนิษฐานว่าผู้เป็นเจ้าของร่วมกันมีส่วนเท่ากัน
เจ้าของร่วมจะแบ่งกันทำในที่ดินมากน้อยเท่าใด ก็ไม่ทำให้เปลี่ยนแปลงส่วนกรรมสิทธิ์ซึ่งมีมาแต่ดั้งเดิม
เจ้าของร่วมจะแบ่งกันทำในที่ดินมากน้อยเท่าใด ก็ไม่ทำให้เปลี่ยนแปลงส่วนกรรมสิทธิ์ซึ่งมีมาแต่ดั้งเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ฐานผู้รับมรดก: สิทธิในทรัพย์สินต้องพิสูจน์กรรมสิทธิ์ร่วมก่อน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินซึ่งอ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกให้ตนทางพิจารณาปรากฎว่าผู้ตายมิใช่เป็นเจ้า ของแต่ผู้เดียวในที่พิพาทรายนี้แต่เป็นผู้รับมรดกร่วมกับคนอื่นอีกดังนี้ ศาลตัดสินยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในมรดกและการหมดอายุความเรียกร้องส่วนแบ่งมรดก
บิดามารดาตาย ทรัพย์มฤดกตกได้แก่บุตร์ ๆ ได้ปกครองร่วมกันมา ถือว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิร่วมกัน บุตร์ฟ้องเรียกทรัพย์ส่วนของตนเกินกว่า 1 ปี ได้
เจ้ามฤดกตายผู้ที่ควรได้รับมฤดกมิได้เข้ามาเกี่ยวข้องในทรัพย์มฤดก ปล่อยให้อยู่ในความปกครองของทายาทคนอื่นดังนี้ จะมาฟ้องขอแบ่งเมื่อเกินกำหนด 1 ปีไม่ได้
เจ้ามฤดกตายผู้ที่ควรได้รับมฤดกมิได้เข้ามาเกี่ยวข้องในทรัพย์มฤดก ปล่อยให้อยู่ในความปกครองของทายาทคนอื่นดังนี้ จะมาฟ้องขอแบ่งเมื่อเกินกำหนด 1 ปีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13896/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาคารชุด ทรัพย์ส่วนกลาง การจดทะเบียนจำนองและภาระจำยอม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าอาคารชุดมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง จำเลยไม่มีสิทธิจดทะเบียน
ตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 4 บัญญัติว่า "ทรัพย์ส่วนกลาง" หมายความว่า ส่วนของอาคารที่มิใช่ห้องชุด ที่ดินที่ตั้งอาคารชุด และที่ดินหรือทรัพย์สินอื่นที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกันสำหรับเจ้าของร่วม และมาตรา 15 บัญญัติว่า ทรัพย์สินต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นทรัพย์ส่วนกลาง
(1) ที่ดินที่ตั้งอาคารชุด
(2) ที่ดินที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
(3) โครงสร้างและสิ่งก่อสร้างเพื่อความมั่นคงและเพื่อการป้องกันความเสียหายต่อตัวอาคารชุด
(4) อาคารหรือส่วนของอาคารและเครื่องอุปกรณ์ที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
(5) เครื่องมือและเครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
(6) สถานที่ที่มีไว้เพื่อบริการส่วนรวมแก่อาคารชุด
(7) ทรัพย์สินอื่นที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
เมื่ออาคารจอดรถ อาคารสโมสร สระว่ายน้ำ รั้ว ถนนภายในโครงการและสนามเด็กเล่นหรือสวนหย่อมทรัพย์พิพาทล้วนมิได้ตั้งอยู่บนที่ดินที่ตั้งอาคารชุดโจทก์ทั้งห้า และไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับอาคารชุดโจทก์ทั้งห้า ดังนั้น ทรัพย์พิพาทจะเป็นทรัพย์ส่วนกลางของโจทก์ทั้งห้าหรือไม่ จึงต้องพิจารณาว่าเป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกันสำหรับเจ้าของห้องชุด หรือเพื่อบริการส่วนรวมแก่อาคารชุดหรือไม่ จำเลยที่ 1 ขายโครงการอาคารชุดโดยโฆษณาว่าจะจัดให้มีอาคารจอดรถ อาคารสโมสร สระว่ายน้ำ รั้ว ถนนภายในโครงการและสนามเด็กเล่นหรือสวนหย่อม เพื่อให้เจ้าของใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในสัญญาซื้อขายห้องชุดระบุว่า ผู้ซื้อมีสิทธิเป็นสมาชิกตลอดชีพของศูนย์สุขภาพ ซึ่งประกอบด้วยห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ สนามเทนนิสและอื่น ๆ ต่อมาเมื่อเจ้าของร่วมได้เข้าใช้ประโยชน์ร่วมกันในทรัพย์พิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ยังยินยอมให้โจทก์ทั้งห้าจัดการดูแลทรัพย์พิพาทในลักษณะทรัพย์ส่วนกลาง กับยอมให้โจทก์ทั้งห้านำเงินที่เจ้าของร่วมชำระเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางไปบำรุงรักษาทรัพย์พิพาทเช่นนี้ จะเห็นได้จากการโฆษณาขายโครงการอาคารชุด สภาพและที่ตั้งของทรัพย์พิพาท ลักษณะและประโยชน์ในการใช้สอยของทรัพย์พิพาทและการจัดการดูแลบำรุงรักษาโดยโจทก์ทั้งห้า ทรัพย์พิพาทจึงถือเป็นทรัพย์ส่วนกลางของโจทก์ทั้งห้าตามฟ้องโดยผลของกฎหมายดังกล่าวข้างต้นที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นแล้ว แม้จำเลยที่ 1 ยื่นคำขอจดทะเบียนอาคารชุดจะมิได้ระบุว่าทรัพย์พิพาทเป็นทรัพย์ส่วนกลาง หรือแม้จำเลยที่ 1 มิได้แสดงเจตนายกกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้เป็นทรัพย์ส่วนกลางก็ตาม เมื่อทรัพย์พิพาทตกเป็นทรัพย์ส่วนกลางโดยผลของกฎหมาย เจ้าของห้องชุดจึงเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในทรัพย์พิพาทตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ฉะนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทรัพย์พิพาท จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธินำทรัพย์พิพาทไปจดทะเบียนจำนองหรือภาระจำยอมแก่บุคคลอื่นรวมถึงจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 กรณีจึงไม่จำต้องคำนึงว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะรับจดทะเบียนไว้โดยสุจริตหรือไม่
(1) ที่ดินที่ตั้งอาคารชุด
(2) ที่ดินที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
(3) โครงสร้างและสิ่งก่อสร้างเพื่อความมั่นคงและเพื่อการป้องกันความเสียหายต่อตัวอาคารชุด
(4) อาคารหรือส่วนของอาคารและเครื่องอุปกรณ์ที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
(5) เครื่องมือและเครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
(6) สถานที่ที่มีไว้เพื่อบริการส่วนรวมแก่อาคารชุด
(7) ทรัพย์สินอื่นที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
เมื่ออาคารจอดรถ อาคารสโมสร สระว่ายน้ำ รั้ว ถนนภายในโครงการและสนามเด็กเล่นหรือสวนหย่อมทรัพย์พิพาทล้วนมิได้ตั้งอยู่บนที่ดินที่ตั้งอาคารชุดโจทก์ทั้งห้า และไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับอาคารชุดโจทก์ทั้งห้า ดังนั้น ทรัพย์พิพาทจะเป็นทรัพย์ส่วนกลางของโจทก์ทั้งห้าหรือไม่ จึงต้องพิจารณาว่าเป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกันสำหรับเจ้าของห้องชุด หรือเพื่อบริการส่วนรวมแก่อาคารชุดหรือไม่ จำเลยที่ 1 ขายโครงการอาคารชุดโดยโฆษณาว่าจะจัดให้มีอาคารจอดรถ อาคารสโมสร สระว่ายน้ำ รั้ว ถนนภายในโครงการและสนามเด็กเล่นหรือสวนหย่อม เพื่อให้เจ้าของใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในสัญญาซื้อขายห้องชุดระบุว่า ผู้ซื้อมีสิทธิเป็นสมาชิกตลอดชีพของศูนย์สุขภาพ ซึ่งประกอบด้วยห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ สนามเทนนิสและอื่น ๆ ต่อมาเมื่อเจ้าของร่วมได้เข้าใช้ประโยชน์ร่วมกันในทรัพย์พิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ยังยินยอมให้โจทก์ทั้งห้าจัดการดูแลทรัพย์พิพาทในลักษณะทรัพย์ส่วนกลาง กับยอมให้โจทก์ทั้งห้านำเงินที่เจ้าของร่วมชำระเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางไปบำรุงรักษาทรัพย์พิพาทเช่นนี้ จะเห็นได้จากการโฆษณาขายโครงการอาคารชุด สภาพและที่ตั้งของทรัพย์พิพาท ลักษณะและประโยชน์ในการใช้สอยของทรัพย์พิพาทและการจัดการดูแลบำรุงรักษาโดยโจทก์ทั้งห้า ทรัพย์พิพาทจึงถือเป็นทรัพย์ส่วนกลางของโจทก์ทั้งห้าตามฟ้องโดยผลของกฎหมายดังกล่าวข้างต้นที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นแล้ว แม้จำเลยที่ 1 ยื่นคำขอจดทะเบียนอาคารชุดจะมิได้ระบุว่าทรัพย์พิพาทเป็นทรัพย์ส่วนกลาง หรือแม้จำเลยที่ 1 มิได้แสดงเจตนายกกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้เป็นทรัพย์ส่วนกลางก็ตาม เมื่อทรัพย์พิพาทตกเป็นทรัพย์ส่วนกลางโดยผลของกฎหมาย เจ้าของห้องชุดจึงเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในทรัพย์พิพาทตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ฉะนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทรัพย์พิพาท จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธินำทรัพย์พิพาทไปจดทะเบียนจำนองหรือภาระจำยอมแก่บุคคลอื่นรวมถึงจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 กรณีจึงไม่จำต้องคำนึงว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะรับจดทะเบียนไว้โดยสุจริตหรือไม่