พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4833/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์: เหตุผลค่าธรรมเนียมไม่เพียงพอไม่เป็นเหตุพิเศษ
จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีและนำพยานมาสืบหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์มาแต่ต้น พยานหลักฐานของโจทก์มีอยู่อย่างไร จำเลยย่อมทราบดี ระยะเวลาที่จะทำคำฟ้องอุทธรณ์มายื่นต่อศาลก็มีถึง 1 เดือน หากจำเลยขวนขวายที่จะยื่นอุทธรณ์ในกำหนดเวลาดังกล่าวก็สามารถกระทำได้ แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ส่วนที่จำเลยอ้างว่า ไม่สามารถจะหาเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์และค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาวางศาลได้ทันนั้น เห็นว่า ข้ออ้างดังกล่าวมิใช่เหตุที่จะนำมาอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ เพราะถ้าจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแล้ว จำเลยก็ยังสามารถยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินดังกล่าวต่อศาลได้ด้วย เช่นนี้ ข้ออ้างตามคำร้องของจำเลยจึงไม่มีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียม: พฤติการณ์พิเศษและดุลพินิจของศาล
จำเลยอ้างในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมว่าจำเลยเป็นคนยากจนจะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเป็นจำนวนมาก จำเลยจะต้องมีเวลาหาเงินอีกอย่างน้อย 2 เดือน ข้อเท็จจริงดังที่อ้างมานี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ศาลมีอำนาจที่จะออกคำสั่งขยายระยะเวลาให้ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23 อีกทั้งคดีนี้ จำเลยได้ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลมาครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาออกไปได้รวมเวลาทั้งหมด 12 วัน ซึ่งเป็นเวลามากพอที่จำเลยจะหาเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลได้ ที่ศาลล่างไม่สั่งขยายระยะเวลาออกไปอีกจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาวางค่าธรรมเนียมศาล: พฤติการณ์พิเศษ และดุลพินิจของศาล
จำเลยอ้างในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมว่าจำเลยเป็นคนยากจนจะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเป็นจำนวนมากจำเลยจะต้องมีเวลาหาเงินอีกอย่างน้อย2เดือนข้อเท็จจริงดังที่อ้างมานี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ศาลมีอำนาจที่จะออกคำสั่งขยายระยะเวลาให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23อีกทั้งคดีนี้จำเลยได้ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลมาครั้งหนึ่งแล้วและครั้งนี้เป็นครั้งที่สองศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาออกไปได้รวมเวลาทั้งหมด12วันซึ่งเป็นเวลามากพอที่จำเลยจะหาเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลได้ที่ศาลล่างไม่สั่งขยายระยะเวลาออกไปอีกจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6322/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต้องยื่นก่อนสิ้นกำหนดเวลายกเว้นเหตุสุดวิสัย คำร้องล่าช้าแม้มีเหตุผลก็ไม่อาจรับพิจารณาได้
อำนาจศาลตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 26,31เป็นอำนาจต่อเนื่องหลังจากที่คู่ความมีคำร้องขยายระยะเวลายื่นขอมาโดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 26,31 ก่อนแล้ว กล่าวคือศาลจะมีคำสั่งขยายระยะเวลาได้ต่อเมื่อมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้นด้วย เว้นแต่ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย แต่คำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ของโจทก์ได้ยื่นล่าช้าเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ตามที่กฎหมายกำหนดแล้วโดยเหตุขัดข้องที่โจทก์อ้างอาศัยเป็นข้อแก้ตัวในความล่าช้าตามคำร้องมิใช่เหตุสุดวิสัย จึงไม่ได้รับประโยชน์จากข้อยกเว้นตามกฎหมาย คำร้องขอขยายระยะเวลาของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลไม่อาจรับพิจารณาและสั่งขยายระยะเวลาให้ได้ไม่ว่าจะมีเหตุจำเป็นตามที่โจทก์อ้างหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5075/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาฟ้องคดีแรงงาน: เงื่อนไขการยื่นคำขอและเหตุสุดวิสัย
การขยายระยะเวลาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 26 คู่ความต้องยื่นคำขอก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติ ถ้าหากยื่นคำขอเมื่อพ้นหรือสิ้นระยะเวลา กรณีต้องมีเหตุสุดวิสัยตามป.วิ.พ. มาตรา 23 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5075/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์คดีแรงงานต้องยื่นคำขอก่อนสิ้นระยะเวลา หรือมีเหตุสุดวิสัยตามกฎหมาย
การขยายระยะเวลาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 26 คู่ความต้องยื่นคำขอก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติ ถ้าหากยื่นคำขอเมื่อพ้นหรือสิ้นระยะเวลา กรณีต้องมีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5075/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์คดีแรงงานต้องยื่นคำขอก่อนหมดเวลา หากพ้นกำหนดต้องมีเหตุสุดวิสัยเท่านั้น
การขยายระยะเวลาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 26คู่ความต้องยื่นคำขอก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติ ถ้าหากยื่นคำขอเมื่อพ้นหรือสิ้นระยะเวลากรณีต้องมีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์, ผลของการอุทธรณ์เกินกำหนด, และข้อตกลงอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง
++ เรื่อง ++++
++ คดีแดงที่ 1968-1969/2537 ++
++ ทดสอบทำงานในระบบ CW เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ++
++
แม้ว่าก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 17 กันยายน 2533 เป็นวันสุดท้ายได้เพราะวันครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์คือวันที่ 15 กันยายน 2533 ตรงกับวันเสาร์หยุดราชการ แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว การนับระยะเวลาก็ต้องนับติดต่อกันไปโดยไม่ต้องคำนึงว่าวันสุดท้ายแห่งกำหนดระยะเวลาเดิมจะเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ คือเริ่มนับหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2533 เป็นวันเริ่มต้น
แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นส่วนนี้ไว้ก็ตาม แต่เมื่อได้ความจากการวินิจฉัยมาแล้วว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดจึงถือเท่ากับว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้อุทธรณ์นั่นเอง ปัญหาข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นย่อมยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์ซึ่งเป็นสถาบันการเงินปรับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปีได้ โดยมีเงื่อนไขข้อตกลง เมื่อต่อมาปรากฏว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง และจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาที่ยอมให้โจทก์ปรับอัตราดอกเบี้ยโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยกับจำเลยที่ 1 ในอัตราร้อยละ 19 ต่อปีได้
เฉพาะเงินกู้งวดสุดท้าย จำเลยที่ 1 ได้ตกลงกับโจทก์ใหม่โดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 จะชำระคืนให้แก่โจทก์ภายใน 6 เดือน นับแต่วันรับเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี อันเป็นข้อตกลงใหม่ต่างหากจากข้อตกลงยอมให้ปรับอัตราดอกเบี้ย โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี จากเงินกู้งวดสุดท้ายนั้นได้
++ คดีแดงที่ 1968-1969/2537 ++
++ ทดสอบทำงานในระบบ CW เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ++
++
แม้ว่าก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 17 กันยายน 2533 เป็นวันสุดท้ายได้เพราะวันครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์คือวันที่ 15 กันยายน 2533 ตรงกับวันเสาร์หยุดราชการ แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว การนับระยะเวลาก็ต้องนับติดต่อกันไปโดยไม่ต้องคำนึงว่าวันสุดท้ายแห่งกำหนดระยะเวลาเดิมจะเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ คือเริ่มนับหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2533 เป็นวันเริ่มต้น
แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นส่วนนี้ไว้ก็ตาม แต่เมื่อได้ความจากการวินิจฉัยมาแล้วว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดจึงถือเท่ากับว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้อุทธรณ์นั่นเอง ปัญหาข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นย่อมยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์ซึ่งเป็นสถาบันการเงินปรับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปีได้ โดยมีเงื่อนไขข้อตกลง เมื่อต่อมาปรากฏว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง และจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาที่ยอมให้โจทก์ปรับอัตราดอกเบี้ยโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยกับจำเลยที่ 1 ในอัตราร้อยละ 19 ต่อปีได้
เฉพาะเงินกู้งวดสุดท้าย จำเลยที่ 1 ได้ตกลงกับโจทก์ใหม่โดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 จะชำระคืนให้แก่โจทก์ภายใน 6 เดือน นับแต่วันรับเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี อันเป็นข้อตกลงใหม่ต่างหากจากข้อตกลงยอมให้ปรับอัตราดอกเบี้ย โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี จากเงินกู้งวดสุดท้ายนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต้องมีเหตุสุดวิสัยและยื่นคำขอทันท่วงที การป่วยเล็กน้อยของทนายไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ทนายจำเลยขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เมื่อพ้นเวลาอุทธรณ์ โดยอ้างว่าเขียนอุทธรณ์เสร็จในเช้าของวันสุดท้ายที่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ แต่ทนายจำเลยท้องร่วงกะทันหัน แพทย์ให้พักรักษาตัว 2 วัน จึงไม่สามารถติดต่อเสมียนทนาย หรือจำเลยได้ อย่างไรก็ตามทนายจำเลยยังมีเวลาอีกเต็มวันที่จะยื่นอุทธรณ์ หรือขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้โดยอาการป่วยของทนายจำเลยไม่ถึงกับต้องนอนพักประกอบกับจำเลยมีทนายความซึ่งอยู่ในสำนักงานเดียวกับทนายจำเลยที่ป่วยอีกคนหนึ่งจึงสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาแทนได้ และเมื่อพิจารณาคำร้องไม่ปรากฏสำเนาอุทธรณ์แนบมาเพื่อแสดงว่าอุทธรณ์ทำเสร็จแล้วทั้งคำร้องขอขยายเวลาอีก 3 วัน นับแต่วันที่ศาลอนุญาต แทนที่จะขออนุญาตยื่นในวันนั้นแสดงว่าทนายจำเลยยังทำอุทธรณ์ไม่เสร็จในวันครบกำหนด จึงฟังไม่ได้ว่ากรณีมีเหตุสุดวิสัย ศาลย่อมไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต้องมีเหตุผลพิเศษและต้องยื่นคำขอ ก่อนสิ้นสุดกำหนดเดิม แม้มีเหตุป่วยไข้ก็ต้องแสดงหลักฐานและไม่สามารถอ้างเหตุสุดวิสัยได้
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์มา 2 ครั้งแล้วจำเลยไม่ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด หลังจากครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ 2 วันทนายจำเลยมายื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 3อ้างว่า วันสุดท้ายที่ครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ทนายจำเลยได้เขียนอุทธรณ์เสร็จแล้วในตอนเช้าและเกิดท้องร่วงกะทันหัน แพทย์ให้พักรักษาตัว2 วัน ไม่สามารถติดต่อจำเลยและเสมียนทนายจำเลยได้ โดยไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยได้แนบสำเนาอุทธรณ์มาด้วยเพื่อเป็นหลักฐานแสดงต่อศาลว่าได้ทำอุทธรณ์เสร็จแล้วจริง ทั้งปรากฏว่าตามคำร้องฉบับดังกล่าวได้ขออนุญาตให้ศาลขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 3 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าทนายจำเลยยังทำอุทธรณ์ไม่เสร็จในวันครบกำหนด อีกทั้งปรากฏว่าคดีนี้ยังมีทนายจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ กรณีของทนายจำเลยดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่ามีเหตุสุดวิสัย จึงไม่สามารถขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23