พบผลลัพธ์ทั้งหมด 616 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4008/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจฟ้องคดีซ้ำได้หากคดีก่อนยังไม่เสร็จสิ้น แม้เคยฟ้องแล้วแต่ขาดนัดพิจารณา
โจทก์มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันจนเสร็จการถึงแม้ว่าผู้รับมอบอำนาจจะเคยฟ้องจำเลยในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ขาดนัดพิจารณา จึงยังไม่เสร็จการตามที่ได้มอบอำนาจไว้ดังนั้น ผู้รับมอบอำนาจจึงอาศัยหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวมาฟ้องจำเลยใหม่ในมูลหนี้รายเดียวกันได้ ไม่จำต้องทำหนังสือมอบอำนาจใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3946/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานบอกเล่าและการพิพากษาคดีหนี้ไม่อาจแบ่งแยกได้ โดยจำเลยบางฝ่ายขาดนัด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95 มิได้ห้ามโดยเด็ดขาดมิให้รับฟังพยานบอกเล่า หากพยานบอกเล่ากล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังพยานบอกเล่าดังกล่าวนั้นประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ในมูลละเมิดอันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ไม่ได้เกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของผู้ครอบครองเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์แม้จำเลยที่ 3 จะอุทธรณ์แต่เพียงผู้เดียว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การขาดนัดพิจารณาและมิได้อุทธรณ์ด้วยได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3946/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานบอกเล่าและผลของการขาดนัดยื่นคำให้การในคดีละเมิด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา95มิได้ห้ามโดยเด็ดขาดมิให้รับฟังพยานบอกเล่าหากพยานบอกเล่ากล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผลศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังพยานบอกเล่าดังกล่าวนั้นประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ในมูลละเมิดอันไม่อาจแบ่งแยกได้เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ไม่ได้เกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของผู้ครอบครองเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์แม้จำเลยที่3จะอุทธรณ์แต่เพียงผู้เดียวศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่1และที่2ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การขาดนัดพิจารณาและมิได้อุทธรณ์ด้วยได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา245(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2595/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอให้ยกคำสั่งยกฟ้อง ต้องยื่นภายใน 15 วันนับแต่วันศาลมีคำสั่ง
คำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา166ประกอบมาตรา181นั้นโจทก์จะต้องร้องขอภายใน15วันนับแต่วันศาลยกฟ้องมิใช่วันที่โจทก์ทราบคำสั่งปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องเมื่อวันที่30สิงหาคม2537โจทก์มายื่นคำร้องขอเมื่อวันที่12ตุลาคม2537จึงเป็นการเกินกำหนดเวลาแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่โจทก์อ้างในคำร้องว่าผู้รับมอบอำนาจโจทก์จดวันนัดผิดและแจ้งให้ทนายโจทก์ทราบก็ไม่ใช่เหตุที่โจทก์จะไม่ต้องยื่นคำร้องภายใน15วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การต้องพิจารณาการได้รับหมายเรียกโดยชอบและการจงใจขาดนัด
การขาดนัดยื่นคำให้การ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคแรกย่อมขึ้นอยู่กับว่าคู่ความฝ่ายนั้นได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้วหรือไม่ด้วย ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการส่งหมายให้จำเลยชอบแล้ว อันมีผลให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จึงตรงประเด็นแล้ว จำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องที่จำเลยอ้างว่าจำเลยย้ายไปอยู่ที่อื่นแต่ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านออกไป ถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หรือหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่งจึงให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยเมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด การขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยจึงเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควรประการอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ สิทธิจำกัดเฉพาะการสาบานตนและซักค้านพยาน การรับฟังพยานหลักฐานอื่นจึงไม่ชอบ
เมื่อศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์การที่จำเลยอ้างส่งเอกสารเป็นพยานแล้วศาลรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10132/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียก/คำฟ้องไปยังภูมิลำเนาที่ไม่ถูกต้อง และผลกระทบต่อการขาดนัดยื่นคำให้การ/พิจารณาคดี
จำเลยที่ 1 ได้ย้ายไปประกอบกิจการและจำเลยที่2 ได้ย้ายไปอยู่ ณ ที่บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 8 ตำบลเชียงรากน้อยอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 แต่ขณะที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์และจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกัน จำเลยทั้งสองได้ระบุภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันไว้ตรงกับหลักฐานทางทะเบียนของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท และหลักฐานทางทะเบียนบ้าน โดยมิได้ระบุภูมิลำเนาเลขที่ 65 ดังกล่าวไว้ในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกัน ทั้งที่จำเลยที่ 1 ได้ย้ายไปประกอบกิจการและจำเลยที่ 2 ได้ย้ายไปอยู่ ณ บ้านเลขที่65 นั้นแล้ว แต่ก็มิได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของจำเลยที่ 1 ดังนี้ถือว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนา 2แห่ง คือตามที่ได้จดทะเบียนที่ตั้งสำนักงานใหญ่และที่ได้ประกอบกิจการแท้จริง ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งมีฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ด้วย ถือว่ามีภูมิลำเนา ณภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ระบุในทะเบียนบ้าน ถือว่าจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนา 2 แห่ง คือตามที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของจำเลยที่ 1 และที่จำเลยที่ 1ประกอบกิจการแท้จริง เมื่อจำเลยทั้งสองใช้บ้านเลขที่ 34/1 หมู่ที่ 4ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นภูมิลำเนาในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันจึงถือว่าจำเลยทั้งสองได้เลือกเอาบ้านเลขที่ 34/1 ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาสำหรับการกู้ยืมเงินและการค้ำประกันกับโจทก์การที่เจ้าพนักงานศาลได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งหมายนัดสืบพยานโจทก์และคำบังคับไปส่งให้แก่จำเลยทั้งสองที่บ้านเลขที่ 34/1 จึงเป็นการส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง หมายนัดและคำบังคับโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้อยู่ที่ภูมิลำเนาดังกล่าว และจำเลยทั้งสองไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง ดังนี้แม้การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหมายนัดสืบพยานโจทก์และคำบังคับให้แก่จำเลยทั้งสองจะเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9106/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากเข้าใจผิดว่าโจทก์ขาดนัด ศาลมีสิทธิเพิกถอนคำสั่งได้หากโจทก์มาศาลแล้วแต่เข้าห้องพิจารณาผิด
โจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่า โจทก์มาศาลแล้วแต่เข้าห้องพิจารณาผิด แม้คำขอจะให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่แต่ตามคำร้องก็เป็นเรื่องที่โจทก์ตั้งรูปคดีอ้างว่า ศาลสั่งจำหน่ายคดีไปโดยผิดหลง เป็นการร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27ซึ่งโจทก์มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนได้ โจทก์และทนายโจทก์มาศาลในเวลาก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดี แต่เนื่องจากโจทก์และทนายโจทก์เข้าห้องพิจารณาผิด ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์มาศาลในวันสืบพยานแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การ: จำเลยต้องทราบการฟ้องและมีเจตนาไม่ยื่น
คำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยอ้างว่าขณะที่มีการปิดสำเนาคำฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยนั้น จำเลยไปพักอาศัยอยู่กับบุตรที่ต่างจังหวัด การพิจารณาว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาให้ได้ความว่าจำเลยทราบว่าตนถูกฟ้องตามหมายเรียกให้ยื่นคำให้การแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ได้ทำการไต่สวนให้สิ้นกระแสความเสียก่อนเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การทำให้ประเด็นสิทธิในที่ดินไม่ได้รับการพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การประเด็นข้อพิพาทคงเกิดจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องโจทก์ที่ว่าสิทธิครอบครองที่พิพาทเป็นของโจทก์และให้จำเลยทั้งสองอาศัยหรือไม่ไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสองโดยเป็นผู้บุกเบิกมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ตามที่จำเลยทั้งสองฎีกาฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง