พบผลลัพธ์ทั้งหมด 436 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4141/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการข่มขืน: การกระทำโดยประการใดอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก
ผู้เสียหายได้ไปพบกับจำเลยและ จ. ซึ่งเป็นสามีภริยากันตามที่นัดกันไว้โดยจำเลยอ้างว่าจะหางานให้ผู้เสียหายทำ แต่จำเลยและ จ. ได้พาผู้เสียหายไปที่ห้องพักและให้ผู้เสียหายรับประทานอาหาร เมื่อรับประทานแล้วผู้เสียหายหมดสติไม่รู้สึกตัว เมื่อรู้สึกตัวขณะ จ.ใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ผู้เสียหายดิ้นรนต่อสู้แต่สู้แรงของ จ.ไม่ได้ จน จ.ข่มขืนกระทำชำเราเสร็จ แล้วจะออกไปจากห้องในขณะที่จำเลยซึ่งนอนอยู่บนเตียงในห้องได้เปิดม่านออกมาดู เมื่อ จ.เดินเข้ามาในห้องอีกจำเลยได้ปิดม่านไว้ตามเดิม จ.ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จอีกครั้งหนึ่งโดยจำเลยไม่ได้ห้ามปรามหรือขัดขวางจึงถือได้ว่า จำเลยกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความ-สะดวกในการที่ จ.กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4141/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนข่มขืน: จำเลยไม่ห้ามปรามการข่มขืน ย่อมมีความผิดฐานสนับสนุน
ผู้เสียหายได้ไปพบกับจำเลยและ จ. ซึ่งเป็นสามีภริยากันตามที่นัดกันไว้โดยจำเลยอ้างว่าจะหางานให้ผู้เสียหายทำ แต่จำเลยและจ. ได้พาผู้เสียหายไปที่ห้องพักและให้ผู้เสียหายรับประทานอาหารเมื่อรับประทานแล้วผู้เสียหายหมดสติไม่รู้สึกตัว เมื่อรู้สึกตัวขณะจ.ใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ผู้เสียหายดิ้นรนต่อสู้แต่สู้แรงของ จ. ไม่ได้ จน จ. ข่มขืนกระทำชำเราเสร็จแล้วจะออกไปจากห้องในขณะที่จำเลยซึ่งนอนอยู่บนเตียงในห้องได้เปิดม่านออกมาดู เมื่อ จ. เดินเข้ามาในห้องอีกจำเลยได้ปิดม่านไว้ตามเดิม จ. ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จอีกครั้งหนึ่งโดยจำเลยไม่ได้ห้ามปรามหรือขัดขวางจึงถือได้ว่าจำเลยกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ จ. กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราสลับกันเป็นกลุ่ม สมคบกันโทรมหญิง ลดโทษตามอายุ
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้วออกจากห้องไปว. เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่อจนเสร็จ แล้วจำเลยเข้ามาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีก หลังจากนั้น ว. เข้ามาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีกสลับกันไป การข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะเช่นนี้ แม้ว่าผู้กระทำมิได้อยู่ในห้องในขณะที่คนหนึ่งข่มขืนกระทำชำเราอยู่ แต่จำเลยกับพวกได้กระทำในลักษณะติดต่อกันเป็นการสมคบกันกระทำผิดอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1190/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานประกอบการรับฟังคำให้การในคดีข่มขืน แม้ไม่มีพยานผู้เสียหาย
แม้โจทก์จะไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความยืนยันว่า จำเลย-ทั้งสองกับพวกอีก 1 คน ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม แต่โจทก์ก็มี น, อ,ส, และแพทย์ผู้ทำการตรวจร่างกายผู้เสียหาย อันเป็นพยานบุคคลมาเบิกความถึง-เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพยานโจทก์ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นพยานแวดล้อมกรณี หาใช่พยานบอกเล่าไปทั้งหมดไม่ คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวต่อเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผล จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าเป็นความจริง อนึ่ง คำพยานบอกเล่ามิใช่ว่าจะรับฟังไม่ได้เสียทีเดียว แต่อาจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1190/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานแวดล้อมเชื่อมโยงเหตุการณ์ข่มขืน มีน้ำหนักรับฟังได้ แม้ไม่มีพยานบอกเล่าโดยตรง
แม้โจทก์จะไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความยืนยันว่า จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 1 คน ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม แต่โจทก์ก็มี น., อ.,ส. และแพทย์ผู้ทำการตรวจร่างกายผู้เสียหาย อันเป็นพยานบุคคลมาเบิกความถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งพยานโจทก์ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นพยานแวดล้อมกรณี หาใช่พยานบอกเล่าไปทั้งหมดไม่ คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวต่อเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผล จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าเป็นความจริง อนึ่ง คำพยานบอกเล่ามิใช่ว่าจะรับฟังไม่ได้เสียทีเดียว แต่อาจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3725/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการรับฟังการใช้ปืนข่มขืนและชิงทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
โจทก์มีผู้เสียหายเพียงปากเดียวเบิกความลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน นอกจากนี้ในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การรับสารภาพเฉพาะฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ส่วนฐานใช้อาวุธปืนในการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและฐานชิงทรัพย์จำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด อีกทั้งปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ตรวจมือขวาของจำเลยแล้วบันทึกไว้ว่านิ้วมือขวาของจำเลยไม่สามารถเหยียดตรงได้เนื่องจากจำเลยเคยถูกยิงที่แขนขวาเส้นประสาทขาดพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าขณะข่มขืนกระทำชำเราจำเลยได้ใช้อาวุธปืนขู่เข็ญ และชิงทรัพย์ผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานประกอบคำให้การผู้เสียหายที่ไม่มาเบิกความในชั้นศาล คดีข่มขืนกระทำชำเรา
คำให้การของผู้เสียหายในคดีข่มขืนกระทำชำเราที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนแต่ไม่ได้มาเบิกความในชั้นศาล ศาลรับฟังประกอบคำผู้จับกุมพนักงานสอบสวนและเจ้าของบ้านที่อยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุซึ่งผู้เสียหายวิ่งหนีเข้าไป และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังกับคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6336/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราโดยมีอาวุธปืน แม้ไม่ได้ใช้ก็มีโทษหนักตามกฎหมาย
การกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคแรก กระทำโดยมีอาวุธปืนแต่มิได้ใช้ก็ดี กระทำโดยมีและใช้อาวุธปืนก็ดีล้วนเป็นความผิดที่ต้องระวางโทษตามวรรคสองทั้งสิ้น ดังนั้นแม้จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยมีอาวุธปืนแต่มิได้ใช้อาวุธปืนนั้น จำเลยก็ยังมีความผิดต้องระวางโทษตามที่ ป.อ.มาตรา 276 วรรคสองบัญญัติไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราและพรากผู้เยาว์: การกระทำร่วมกันของจำเลยและการมีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่ออนาจาร
ส. มารดาผู้เสียหายได้อนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาผู้เสียหายไปเดิน เที่ยวเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายจะกลับบ้านจำเลยทั้งสองไม่ยอมให้กลับ แต่พาผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองทำไปโดยลำพังจะถือว่า ส. รู้เห็นยินยอมไม่ได้จำเลยทั้งสองมีเจตนาพาผู้เสียหายไปบ้านเกิดเหตุเพื่อให้ พ.ร่วมประเวณี การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร ตาม ป.อ. มาตรา 318 วรรคสาม จำเลยทั้งสองได้ช่วย กันจับมือผู้เสียหายไว้ให้ พ. ข่มขืนกระทำชำเรา จำเลยทั้งสองจึงเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา, พยานเบิกความยืนยัน, จำเลยร่วมกระทำความผิด, ศาลเชื่อถือพยานหลักฐาน
ผู้เสียหายเป็นหญิงอายุ 16 ปี ถูกคนร้ายหลายคนผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้อาวุธปืนขู่เข็ญและใช้กำลังประทุษร้ายชกต่อยให้ผู้เสียหายยินยอมให้กระทำชำเรา ในสภาพเช่นนั้นผู้เสียหายย่อมจำคนร้ายไม่ได้ทั้งหมด แต่เฉพาะจำเลยซึ่งเป็นคนร้ายที่คุมตัวผู้เสียหายลงไปปัสสาวะข้างล่างเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีได้ไล่จับเป็นคนร้ายที่จับผู้เสียหายกดน้ำ ต่อย ท้อง และเอาผู้เสียหายขึ้นไปข่มขืนกระทำชำเรา โดยในระหว่างข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยยังได้ลุกจากตัวผู้เสียหายไปถีบ ด. ตก จากบันไดกระต๊อบด้วย การที่ผู้เสียหายจำจำเลยได้จึงมิใช่เรื่องผิดปกติวิสัย.