คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข่มขู่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขู่เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ
การที่ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้นายตรวจสรรพสามิตแยกกันออกตรวจร้านค้าสุราในท้องที่ตามเขตที่กำหนดนั้นเป็นเรื่องของการแบ่งงานเพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติราชการเท่านั้นหาเป็นการจำกัดอำนาจหน้าที่ในการตรวจร้านค้าสุราในท้องที่เขตอื่นไม่และการตรวจร้านค้าสุราก็มิใช่การปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ราชการซึ่งโดยปกติจะกระทำในระหว่างเวลาราชการทั้งไม่ปรากฏว่านายตรวจสรรพสามิตจะต้องปฏิบัติหน้าที่เฉพาะเวลาราชการดังนั้นการที่จำเลยที่1ถึงที่3ซึ่งเป็นนายตรวจสรรพสามิตได้ไปที่ร้านค้าสุราของผู้เสียหายซึ่งอยู่นอกเขตท้องที่ที่ตนได้รับมอบหมายให้ไปตรวจและไปหลังเวลาราชการโดยเรียกผู้เสียหายออกจากร้านมาพบที่รรถยนต์แล้วพูดว่าจะจับสุราของผู้เสียหายไปนั้นก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่นั่นเองหาใช่เป็นการกระทำส่วนตัวไม่และเมื่อจำเลยที่1ถึงที่3ร่วมกันเรียกร้องให้ผู้เสียหายจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนเพื่อจำเลยที่1ถึงที่3จะไม่จับทั้งที่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายทำผิดกฎหมายอย่างไรนั้นย่อมเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา148แล้ว ส่วนที่พวกจำเลยพูดกับผู้เสียหายว่าถ้าไม่จ่ายเงินจะจับสุราที่ร้านค้าของผู้เสียหายและจะจับเดือนละ2ครั้งโดยได้ความว่าก่อนเกิดเหตุพวกของจำเลยได้มาขู่เอาเงินไปแล้ว2ครั้งและผู้เสียหายพูดต่อรองไม่ให้จับเพราะกลัวลูกค้าจะเข้าใจผิดว่าขายสุราผิดกฎหมายแล้วผู้เสียหายจ่ายเงินให้พวกจำเลยไปนั้นเป็นการจ่ายเงินให้ไปด้วยความกลังที่เกิดจากถูกพวกจำเลยขู่เข็ญว่าจะแกล้งจับสุราในร้านนั่นเองมิใช่ผู้เสียหายจะไม่มีมูลเหตุต้องกลัวเพราะไม่ได้มีสุราผิดกฎหมายการกระทำของพวกจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา337.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขู่บังคับให้ผู้อื่นออกจากที่ดินด้วยการขู่เข็ญด้วยอาวุธ การกระทำผิดต่อเสรีภาพ
จำเลยกับพวก5คนนั่งรถยนต์ปิคอัพมาที่ไร่ของผู้เสียหายแล้วจำเลยลงมาพูดขู่บังคับผู้เสียหายให้ออกไปจากไร่ของผู้เสียหายภายใน2เดือนถ้าไม่ยอมออกจะให้ลูกปืนกินหรือใช้ปืนยิงซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้หนีออกจากไร่ของตนเพราะกลัวจะถูกทำร้ายตามที่จำเลยพูดขู่ไว้การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา309ซึ่งลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา337.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2682/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ: การใช้สังกะสีปลายแหลมข่มขู่เข้าข่ายอาวุธตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้กำลังเข้ายื้อแย่งเอาเงินจากผู้เสียหายโดยจำเลยที่1ใช้สังกะสีปลายแหลมคล้ายมีดที่พกติดตัวไปขู่จะแทงเจ้าทรัพย์การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการปล้นทรัพย์โดยผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วยตามป.อ.มาตรา340วรรคสอง.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนทางอาญา: กรณีผู้ถูกข่มขู่ด้วยอาวุธและตอบโต้เพื่อความปลอดภัยของตนเอง
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อน คืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุม เมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุม ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า'วันนี้เป็นวันตายของมึง' และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลัง ผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมา จำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง พอสมควรแก่เหตุ ส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อน เมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตาย การป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีถูกข่มขู่ด้วยอาวุธและการใช้สิทธิป้องกันตนเมื่อถูกประทุษร้าย
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อนคืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุมเมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า"วันนี้เป็นวันตายของมึง"และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลังผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมาจำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนในกรณีถูกข่มขู่ด้วยอาวุธและมีเหตุให้เชื่อว่าภัยอันตรายใกล้ถึงตัว ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อนคืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุมเมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า'วันนี้เป็นวันตายของมึง'และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลังผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมาจำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า – การแย่งปืน – พฤติการณ์ข่มขู่ – ไม่พอพิสูจน์เจตนา
ล. เข้าแย่งปืนจากจำเลยซึ่งเมาสุราขณะจำเลยจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายแล้วประมาณ3อึดใจเช่นนี้หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็น่าจะยิงทันทีที่จ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายการกระทำของจำเลยมีเจตนาเพียงต้องการวางอำนาจและแกล้งขู่ผู้เสียหายเท่านั้นหามีเจตนาฆ่าไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า - การพิจารณาพฤติการณ์ผู้ต้องหา - การข่มขู่ด้วยอาวุธ - ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ล.เข้าแย่งปืนจากจำเลยซึ่งเมาสุราขณะจำเลยจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายแล้วประมาณ3อึดใจเช่นนี้หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็น่าจะยิงทันทีที่จ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายการกระทำของจำเลยมีเจตนาเพียงต้องการวางอำนาจและแกล้งขู่ผู้เสียหายเท่านั้นหามีเจตนาฆ่าไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขู่เรียกเงินโดยอาศัยเครื่องแบบข้าราชการเข้าข่มขู่ ถือเป็นความผิดฐานกรรโชก
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งแต่งเครื่องแบบข้าราชการกรมป่าไม้กับจำเลยที่ 2 เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายขณะผู้เสียหายกำลังทำหน้าต่างด้วยไม้สักที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ แล้วจำเลยที่ 1 พูดว่า เอาเงินมา 1,000 บาทถ้าไม่ให้จะเสียเงินมากกว่านี้ นั้น ถือได้ว่าคำพูดดังกล่าวประกอบกับการแต่งเครื่องแบบข้าราชการ เป็นการข่มขู่เรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายอยู่ในตัวและผู้เสียหายยอมมอบเงินให้จำเลยทั้งสองไป 500 บาท จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานกรรโชก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการนำสืบพยานหักล้างข้ออ้างเรื่องการถูกข่มขู่ในการทำสัญญา การพิสูจน์การส่งมอบเงินตามสัญญากู้
ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้อ้างว่าจำเลยกู้เงินไปแล้วไม่ชำระ จำเลยให้การว่าสัญญากู้รายพิพาทเกิดจากโจทก์ขู่เข็ญให้ทำ จำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้สัญญากู้จึงไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบหักล้างได้ ไม่ถือว่าเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 (ข)
of 33