คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 252 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 157/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีส่วนร่วมในการกระทำผิดทางอาญาและการเป็นผู้เสียหาย: อุทธรณ์ข้อกฎหมาย vs. ข้อเท็จจริง
ในคดีฉ้อโกงศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า อ. ได้นำเงินไปลงหุ้นกับจำเลยและพวกเพื่อที่จะเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้ววินิจฉัยว่าการที่ อ.นำเงินไปเข้าหุ้นนั้นกระทำไปโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะกระทำผิดกฎหมาย อ.จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายโจทก์อุทธรณ์ว่า ไม่ควรฟังว่า อ.ไม่ใช่ผู้เสียหายเพราะ อ.ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วยเนื่องจากได้ยับยั้งไม่กระทำการให้ตลอด อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาโดยให้ฟังเป็นอย่างอื่นเลยคงอุทธรณ์โต้เถียง แต่เพียงว่าการกระทำของ อ.ตามที่ศาลชั้นต้นฟังมานั้นจะถือว่า อ.ไม่ใช่ผู้เสียหายหาได้ไม่เท่านั้นจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 157/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีส่วนร่วมในความผิดทางอาญาและการเป็นผู้เสียหาย: อุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยถือเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย
ในคดีฉ้อโกง ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า อ. ได้นำเงินไปลงหุ้นกับจำเลยและพวกเพื่อที่จะเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ววินิจฉัยว่าการที่ อ. นำเงินไปเข้าหุ้นนั้นกระทำไปโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะกระทำผิดกฎหมาย อ. จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายโจทก์อุทธรณ์ว่า ไม่ควรฟังว่า อ. ไม่ใช่ผู้เสียหายเพราะ อ. ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วยเนื่องจากได้ยับยั้งไม่กระทำการให้ตลอดอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาโดยให้พังเป็นอย่างอื่นเลยคงอุทธรณ์โต้เถียงแต่เพียงว่าการกระทำของ อ.ตามที่ศาลชั้นต้นฟังมานั้นจะถือว่าอ. ไม่ใช่ผู้เสียหายหาได้ไม่เท่านั้น จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีขัดแย้งกับคำให้การ และการยกข้อกฎหมายที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของบุตรจำเลย และจำเลยได้ครอบครองดูแลแทนบุตรจำเลย แต่จำเลยกลับนำสืบพยานว่าที่พิพาทเป็นเขตคลองสาธารณะ ส่วนที่ที่จำเลยครอบครองดูแลแทนบุตรจำเลยนั้น มีเขตไม่ถึงที่พิพาท เช่นนี้ ข้อนำสืบของจำเลยจึงขัดแย้งกับคำให้การย่อมรับฟังไม่ได้
ข้อเท็จจริงที่ว่าที่พิพาทจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็นไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบหรือได้จากเอกสารพยานที่มีกฎหมายบังคับให้คู่ความที่กล่าวอ้างต้องแสดง ดังนั้น ที่จำเลยยกขึ้นฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองและไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาจะรับมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (อ้างฎีกาที่ 1211/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีขัดแย้งกับคำให้การ และการยกข้อกฎหมายที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของบุตรจำเลย และจำเลยได้ครอบครองดูแลแทนบุตรจำเลย แต่จำเลยกลับนำสืบพยานว่าที่พิพาทเป็นเขตคลองสาธารณะ ส่วนที่ที่จำเลยครอบครองดูแลแทนบุตรจำเลยนั้น มีเขตไม่ถึงที่พิพาทเช่นนี้ ข้อนำสืบของจำเลยจึงขัดแย้งกับคำให้การย่อมรับฟังไม่ได้
ข้อเท็จจริงที่ว่าที่พิพาทจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็นไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบหรือได้จากเอกสารพยานที่มีกฎหมายบังคับให้คู่ความที่กล่าวอ้างต้องแสดง ดังนั้น ที่จำเลยยกขึ้นฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองและไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาจะรับมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (อ้างฎีกาที่ 1211/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2796/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุฟ้องฎีกาไม่ชัดเจน ขาดการอ้างอิงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายสนับสนุน
คำบรรยายฟ้องฎีกาของโจทก์เพียงแต่อ้างว่าเมื่อฟังพยานโจทก์พยานจำเลยโดยถ่องแท้แล้ว พยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลย มิได้หยิบยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงเลยว่าพยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลยตรงไหนอย่างไรเพราะเหตุใดหรือมีเหตุผลอย่างไรที่ชี้ให้เห็นว่าพยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลยอันจะทำให้น่าเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นดังโจทก์ฎีกา แม้โจทก์จะกล่าวไว้ว่าขอถือเอาคำอุทธรณ์เป็นส่วนหนึ่งของฎีกา ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการอ้างอิงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาที่มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะอ้างอิงขึ้นกล่าวไว้โดยชัดแจ้งตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 บังคับไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระบุข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมายในอุทธรณ์ต้องทำโดยตรง การอ้างอิงเอกสารในสำนวนไม่ถือว่าเป็นการระบุตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 มีความหมายชัดเจนอยู่แล้วว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่คู่ความผู้อุทธรณ์ประสงค์จะยกขึ้นเป็นข้อคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ระบุไว้ในอุทธรณ์ การที่จำเลยระบุในอุทธรณ์เพียงว่า ขอให้ถือเอาคำแถลงปิดสำนวนในศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิจารณาวินิจฉัยมาแล้วเป็นส่วนหนึ่งของอุทธรณ์ เป็นการอ้างถึงเอกสารฉบับอื่น แม้จะอยู่ในสำนวนก็มิใช่การระบุข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในอุทธรณ์ อุทธรณ์เช่นนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยในส่วนนี้จึงเป็นการชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2698/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: ปัญหาข้อเท็จจริง vs. ข้อกฎหมาย และขอบเขตการฎีกา
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่อาจเป็นได้ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายกล่าวคือ ถ้ายังโต้เถียงข้อเท็จจริงกันอยู่ไม่เป็นที่ยุติว่า จำเลยกระทำอย่างไรบ้างที่อ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันย่อมเป็นปัญหาข้อเท็จจริง แต่ถ้าข้อเท็จจริงได้ความยุติแล้วว่าจำเลยกระทำอย่างไร และคู่ความฎีกาโต้เถียงเพียงว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้จึงจะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 35/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2698/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: ปัญหาข้อเท็จจริง vs. ข้อกฎหมาย การฎีกาต้องจำกัดเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อาจเป็นได้ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายกล่าวคือ ถ้ายังโต้เถียงข้อเท็จจริงกันอยู่ไม่เป็นที่ยุติว่า จำเลยกระทำอย่างไรบ้างที่อ้างว่ากระทำเพื่อป้องกัน ย่อมเป็นปัญหาข้อเท็จจริง แต่ถ้าข้อเท็จจริงได้ความยุติแล้วว่า จำเลยกระทำอย่างไร และคู่ความฎีกาโต้เถียงเพียงว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้จึงจะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 35/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นสั่งรับโดยเข้าใจผิดว่าเป็นข้อกฎหมาย ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนสร้อยราคา 5,000 บาท ที่ยืมไปหรือให้ใช้ราคาพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับจากวันผิดนัดถึงวันฟ้องอีก 560 บาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินกว่า 5,000 บาท จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานจำเลยควรรับฟังได้ว่าจำเลยชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว เป็นการเถียงว่า ควรรับฟังคำพยานอย่างไร จึงเป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อคำฟ้องฎีกาของจำเลยไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและศาลชั้นต้นก็สั่งรับฎีกามาแล้ว แม้จะใช้คำว่ารับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายก็ตาม ก็หาได้ผูกมัดศาลฎีกาให้จำต้องถือตามด้วยไม่ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงในคำฟ้องฎีกาของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบ: การอ้างเหตุผลในชั้นอุทธรณ์โดยไม่บรรยายข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในฎีกา
ฎีกาของโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าโจทก์ขอถือเอาเหตุผลในชั้นอุทธรณ์ของโจทก์เป็นคำกล่าวอ้างในชั้นฎีกา โดยมิได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างไว้โดยชัดแจ้ง ย่อมเป็นฎีกาที่ไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 26