คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 291 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องครอบครองปรปักษ์และการตั้งสิทธิภารจำยอมในคดีเดียวกัน ศาลไม่รับพิจารณา
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้อื่นโดยการครอบครอง ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านเรื่องดังกล่าว แต่ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านได้สิทธิทางภารจำยอมในที่ดินดังกล่าว จึงเป็นการตั้งสิทธิของตนขึ้นมาใหม่เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน จะเสนอมาในคดีเดียวกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1511/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการพิจารณาคดีจัดการมรดก: ศาลจำกัดเฉพาะประเด็นทายาท, ประเด็นกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเป็นคดีต่างหาก
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอจัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก และทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องเป็นของผู้คัดค้าน ดังนี้ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาคดีโดยไต่สวนคำร้องเฉพาะประเด็นที่ว่าผู้ร้องเป็นทายาทผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกหรือไม่ ส่วนประเด็นที่ว่าทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องเป็นของผู้คัดค้านหรือไม่ ผู้ร้องหรือผู้คัดค้านต้องไปดำเนินคดีเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องฟ้องผู้คัดค้านในประเด็นที่ว่า ทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องเป็นของฝ่ายใดภายใน 1 เดือน เมื่อผู้ร้องไม่ฟ้องคดีภายในกำหนด แต่ได้อุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีหาได้ไม่ เพราะการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) หมายถึงการไม่ดำเนินคดีในคดีนั้น ๆ เอง และการฟ้องร้องคดีใด ๆ เป็นสิทธิของบุคคลที่จะกระทำได้ภายในอายุความ ทั้งผู้ร้องก็ยังติดใจดำเนินคดีนี้ไม่ได้ทิ้งฟ้องแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อุทธรณ์การประเมินภาษีทำให้จำเลยไม่มีสิทธิอ้างเหตุผลต่อสู้คดีในศาล
จำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินหรือขอให้ผู้มีอำนาจตามที่ระบุไว้ในมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช 2475 พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ จำเลยจึงไม่อาจนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ตามมาตรา 31 และการนำคดีขึ้นสู่ศาลหมายความรวมถึงการต่อสู้คดีเมื่อถูกฟ้องด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5173/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำแถลงต่อศาลมีผลผูกพัน หากผลคดีตามคำแถลงเป็นจริง โจทก์ต้องผูกพันตามคำท้าที่ให้ไว้
คู่ความแถลงร่วมกันว่าคดีนี้เกี่ยวเนื่องกับคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งโดย จ.เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้และ จ. เป็นจำเลยและจำเลยร่วมคดีนี้เป็นโจทก์ร่วม อ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของราชพัสดุ ข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน หากผลของคดีดังกล่าวปรากฏว่า จ.เป็นฝ่ายชนะคดี โจทก์จะถอนฟ้องจำเลยคดีนี้ เป็นคำแถลงที่ไม่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย คู่ความจึงต้องผูกพันตามคำแถลงดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นคำท้าว่าหาก จ.ชนะคดีโจทก์ในคดีนั้น โจทก์ก็จะถอนฟ้องคดีนี้ เมื่อคดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้ จ.ชนะคดี โจทก์ยังแถลงขอถอนข้อหาส่วนอาญา ให้ตัดสินตามคำท้าโดยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีดังกล่าวมิได้ครอบคลุมถึงที่พิพาทในคดีนี้ทั้งหมดโจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า
ที่โจทก์ฎีกาว่าสัญญาเช่าที่ดินระหว่างจำเลยและจำเลยร่วมเป็นโมฆะ โจทย์ยังมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายที่ดินตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวเป็นคูเมือง แต่ส่วนที่เหลือกว้าง 12 วาเป็นที่ดินชานกำแพงเมืองอยู่ในความครอบครองของโจทก์ จำเลยรับว่าปลูกเรือนในที่พิพาทก่อนขอเช่าที่พิพาทจากจำเลยร่วมจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น โจทก์จะยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก, อำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน, ลดโทษ, ลดมาตราส่วนโทษ, การพิจารณาคดี
การที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีก จะถือว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 279 วรรคแรกด้วยหาได้ไม่ ศาลจังหวัดระนองไม่ใช่ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนตามบทวิเคราะห์ศัพท์ ในมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 จึงไม่มีอำนาจเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมในสถานฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดสงขลา ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนฯ มาตรา 31(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีอสังหาริมทรัพย์แม้ทุนทรัพย์น้อยกว่า 20,000 บาท ย่อมทำได้ตามกฎหมาย
ทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นเรือนทรงไทย 2 หลังแฝด เป็นอสังหาริมทรัพย์แม้คดีจะมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ก็ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4248/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาในคดีบังคับคดี: การพิจารณาคำสั่งอุทธรณ์ยังไม่สิ้นสุด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนหมายบังคับคดีผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องคงมีคำสั่งเฉพาะคำร้องขอทุเลาการบังคับของผู้ร้องเท่านั้นคดียังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิฎีกาทั้งนี้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา247.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ต้องเกี่ยวกับความผิดอาญา/ประเด็นสำคัญในคดี จึงจะมีความผิด
การแจ้งความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172,173 และ 174 นั้น ความเท็จที่แจ้งต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญา เมื่อจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนเพียงว่า จำเลยเป็นผู้แนะนำ ส. ให้รู้จักกับโจทก์และสามีซึ่งเป็นความเท็จ โดยไม่มีข้อความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 นั้น ความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดี คือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกง ข้อสำคัญแห่งคดีมีว่า โจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ดังนั้น ที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้น ถึงหากจะเป็นความเท็จ ก็มิใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ต้องเกี่ยวข้องกับความผิดอาญาหรือประเด็นสำคัญในคดี
การแจ้งความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,173 และ 174 นั้น ความเท็จที่แจ้งต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญา เมื่อจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนเพียงว่า จำเลยเป็นผู้แนะนำ ส. ให้รู้จักกับโจทก์และสามีซึ่งเป็นความเท็จโดยไม่มีข้อความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 นั้น ความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดี คือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกง ข้อสำคัญแห่งคดีมีว่า โจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ ดังนั้น ที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้น ถึงหากจะเป็นความเท็จก็มิใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: การแจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความตายเพื่อหลีกเลี่ยงคดี
เมื่อศาลชั้นต้นทำการไต่สวนได้ความจากคำเบิกความของนาง ต. นาย ศ. เองว่า นาง ต. นาย ศ. กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลแล้ว ศาลก็ลงโทษได้โดยไม่จำเป็นต้องฟังพยานหลักฐานอื่นใดต่อไปอีก
นาย ก. ผู้รับมอบอำนาจจากนายประกันยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายตามมรรณบัตรโดยได้รับแจ้งจากนาง ต. เมื่อศาลเรียกนาง ต. ไปสอบถาม นาง ต. ก็แถลงยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย และนาย ศ.ออกมรณบัตรให้นาง ต.พิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะผู้แจ้งไว้ เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย การที่นาง ต. มอบมรณบัตรที่แสดงว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายให้นาย ก. นำไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้น และการที่นาง ต. แถลงยืนยันต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
นาย ศ. ออกมรณบัตรแสดงว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายให้นาง ต.ไปโดยรู้ว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง และรู้เห็นด้วยในการที่นาง ต. นำมรณบัตรนั้นให้นาย ก. ไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้น แม้นาย ศ.มิได้นำมรณบัตรนั้นไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้นเอง พฤติการณ์ของนาย ศ. ดังกล่าวก็เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเช่นเดียวกัน.
of 30