พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2541/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสซ้อนและการขาดจากกันเนื่องจากความตาย ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิคู่สมรสเดิม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
เดิม จ.จดทะเบียนสมรสกับโจทก์ก่อนโจทก์บวชเป็นพระภิกษุและยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน ต่อมา จ.ได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลยอีก หลังจากนั้น จ.ได้ถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ชน โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสระหว่างจำเลยกับ จ.เป็นโมฆะ ดังนี้ เมื่อ จ.ได้ถึงแก่กรรมไปแล้วก่อนโจทก์ฟ้อง การสมรสระหว่างจำเลยกับ จ.ได้ขาดจากกันเพราะเหตุ จ.ถึงแก่ความตายมาตรา 1497 แล้ว เมื่อการสมรสซ้อนของจำเลยกับ จ.ขาดจากกันแล้วขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ การสมรสซ้อนนั้นจึงไม่มีกระทบกระเทือนหรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์ในฐานะคู่สมรสเดิมแต่อย่างใด และตามคำฟ้องโจทก์มิได้กล่าวแสดงว่าจำเลยได้กระทำการสิ่งใดอันเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์เช่นสิทธิในครอบครัวสิทธิในมรดกของผู้ตาย หรือสิทธิอื่นใด ซึ่งจะเป็นเหตุให้โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 จึงถือว่าตามคำฟ้องไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
หมายเหตุ วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20/2521
หมายเหตุ วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20/2521
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ การกระทำเกินกว่ากรณีจำเป็นนำไปสู่ความตาย
ผู้ตายจะยิงจำเลย จำเลยจึงเอามีดปัดปืนลั่นแล้วฟันผู้ตายที่หน้าอก เมื่อผู้ตายถูกฟันแล้วยืนเซ่ออยู่มีอาการสาหัสมาก จำเลยรู้ว่าปืนของผู้ตายบรรจุกระสุนได้ทีละนัด หากจะยิงก็ต้องบรรจุกระสุนใหม่ จำเลยกลับฟันซ้ำอีกถูกคอผู้ตายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูกถูกจุดศูนย์กลางประสาทต้นคอขาด ถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ การกระทำของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุและการเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นในคดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายจะยิงจำเลย จำเลยจึงเอามีดปัดปืนจนปืนลั่นแล้วฟันผู้ตายถูกที่หน้าอกเมื่อผู้ตายถูกฟันแล้วยืนเซ่ออยู่มีอาการสาหัสมาก จำเลยรู้ว่าปืนของผู้ตายบรรจุกระสุนได้ทีละนัด หากจะยิงก็ต้องบรรจุกระสุนใหม่ จำเลยกลับฟันซ้ำอีกถูกคอผู้ตายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูกถึงจุดศูนย์กลางประสาทต้นคอขาดถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ การกระทำของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย มีเจตนาฆ่าหรือไม่ การพิสูจน์เจตนาของผู้ร่วมกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุมีคนทุบคอกม้าแข่งของ ช. จนม้าตื่นและคอกม้าพัง เมื่อมีข่าวว่าผู้ตายเป็นคนทุบคอกม้า ล.กับพวกประมาณ 20 - 30 คนมีปืน มีด ไม้ เป็นอาวุธตามหาผู้ตาย เมื่อพบกัน ล.ได้สอบถามเรื่องทุบคอกม้าแต่ผู้ตายปฏิเสธ ล.กับพวกซึ่งรวมทั้งป., ศ. และจำเลยทั้งสองได้เข้าล้อมผู้ตายไว้และเกิดโต้เถียงกันขึ้นในที่สุดก็เกิดชุลมุนทำร้ายกัน โดย ศ.ใช้ไม้กลมเท่าแขนยาวราวศอกเศษตีศรีษะผู้ตาย ป.ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ถือไม้คุมเชิงอยู่ในที่เกิดเหตุ และจำเลยที่ 2 ได้ชกผู้ตาย 2 ที แม้ผู้ตายจะตายเพราะแผลที่ถูกแทงและถูกตีศีรษะก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายด้วย เพราะจำเลยทั้งสองเป็นพวกของ ล.ไปตามหาเอาเรื่องกับฝ่ายผู้ตายส่อเจตนาว่าร่วมกันมาตั้งแต่ต้นและจำเลยทั้งสองต่างก็ได้ร่วมลงมือในการกระทำผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาฆ่า เพียงทำร้ายร่างกายโดยไม่มีเหตุโกรธเคือง
ผู้ตายกับจำเลยที่ 2 โต้เถียงกัน แล้วจำเลยที่ 2 หยิบไม้กว้างและหนาด้านละประมาณ 3 นิ้วฟุต ยาวศอกเศษที่อยู่บนพื้นดินบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุนั้นเองตีผู้ตาย 2-3 ที ผู้ตายยกแขนรับและหันไปหาไม้มาต่อสู้ จำเลยที่ 1 เข้าไปทางด้านข้างผู้ตาย แล้วใช้เก้าอี้ไม้กลมไม่มีพนักตีผู้ตาย 1 ที ถูกที่แขนและศีรษะล้มลง แล้วจำเลยทั้งสองก็หยุดทำร้ายมิได้กระทำซ้ำ ผู้ตายมีแผลที่ศีรษะจากของแข็งไม่มีคม คางด้านซ้ายช้ำบวม และแขนซ้ายขวาท่อนล่างช้ำแดง และถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยมิได้มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันปล้นทรัพย์จนถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้ลงมือทำร้ายเอง ก็ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ
ในการปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์กับพวกถึงแก่ความตายนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลงมือกระทำร้ายผู้ตาย ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะมิใช่กรณีที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และมิใช่เหตุอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธจนถึงแก่ความตาย เข้าข่ายฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยใช้ไม้ด้ามจอบขนาดกลมโต 3 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรเศษ ตีผู้ตายที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญอาจถึงแก่ความตายได้ แม้จะตีเพียงครั้งเดียว แต่กะโหลกศีรษะแตก 5 เซนติเมตร มันสมองช้ำ และกะโหลกศีรษะส่วนท้ายทอยแตกเป็นชิ้น ๆ มีโลหิตตกในเยื่อหุ้มสมอง แสดงว่าจำเลยตีโดยแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลในกรณีความตายจากเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่เจาะจง
จำเลยทำสัญญาประกันภัยรับประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้กับ ส. ผู้ตาย โดยมีข้อสัญญาว่า ถ้า ส. ถึงแก่กรรม จำเลยจะต้องจ่ายเงินให้แก่บุตรของ ส. ทั้งสามคนตามกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งมีข้อยกเว้นว่า กรมธรรม์ประกันภัยไม่คุ้มครองถึงความตายที่เกิดจากถูกฆาตกรรม แต่การที่คนร้ายขว้างลูกระเบิดไปยังโต๊ะอาหารโดยตั้งใจฆ่าคนอื่นที่นั่งอยู่กับ ส. แล้วสะเก็ดระเบิดถูก ส. ด้วยนั้น ความตายของ ส. ไม่ได้เกิดจากถูกฆาตกรรม แต่เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ จำเลยจึงต้องรับผิดจ่ายเงินให้แก่บุตรทั้งสามของ ส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2804/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนเข้ากลุ่มคนบนเรือ แม้ไม่ถูกตัว แต่เล็งเห็นผลถึงแก่ความตาย ถือเป็นความพยายามฆ่า
จำเลยยิงปืนเข้าไปในกลุ่มคนที่นั่งโดยสารในเรือ เมื่อเรือถอยห่างออกมาประมาณ 1 วา โดยยิงถูกที่หัวเรือ1 นัด ห่างคนที่นั่งหัวเรือประมาณ 2 ศอก การยิงปืนในลักษณะเช่นนี้ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนอาจไปถูกคนในเรือถึงแก่ความตายได้ จำเลยต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพิเศษในการพยายามฆ่า แม้กระสุนไม่ถูกตัวผู้ตาย แต่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้ปืนลูกซองสั้นยิงผู้ตาย 1 นัด แต่ไม่ถูก หลังจากจำเลยยิงแล้วมีคนอื่นซึ่งมิได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยยิงปืนมาทางผู้ตายอีกหลายนัดกระสุนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้ตาย ปืนที่ยิงเป็นปืนลูกซองสั้น กระสุนปืนแผ่กระจาย จำเลยย่อมรู้ดีว่ากระสุนปืนที่ยิงไปนั้นอาจถูกผู้ตายหรือผู้อื่นที่อยู่ในรัศมีของกระสุนปืนที่จำเลยยิงได้ฉะนั้นเมื่อกระสุนปืนที่จำเลยยิงผู้ตายพลาดไปถูก ส. ย่อมถือว่าจำเลยกระทำโดยเจตนาแก่ ส. ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60 จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า ส. ด้วย