พบผลลัพธ์ทั้งหมด 323 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และความต่อเนื่องของการกระทำละเมิด
ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ลูกจ้างและผู้ขับรถของจำเลยที่ 3ไม่ได้เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่ 3 ด้วยตนเองแต่ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับขี่รถเพื่อนำไปเก็บ แม้จำเลยที่ 2 จะขับขี่ออกนอกเส้นทางหลังจากชนท้ายรถ ท. ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ขับรถแทนตนและอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 และถือว่าขณะเกิดเหตุเป็นการกระทำของลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ในทางการที่จ้างจำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วย
เมื่อจำเลยที่ 2 ขับรถเฉี่ยวชนท้ายรถของ ท. โดยประมาทเลินเล่อแล้วหลบหนีไป ท. ได้ขับรถติดตามจำเลยที่ 2 ไปในทันทีทันใดเพื่อเจรจาทำความตกลงในเรื่องค่าเสียหายที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้น แต่จำเลยที่ 2 ซึ่งขับรถหนีไปติดสัญญาณไฟแดงไม่ยอมลงจากรถมาเจรจาด้วย และขับรถจะหลบหนีต่อไป ท. จึงกระโดดขึ้นไปเกาะรถที่จำเลยที่ 2 ขับทางด้านขวาของคนขับ จำเลยที่ 2 จึงขับรถโดยกระชากอย่างแรงเป็นเหตุให้ ท. ตกลงมาสู่พื้นถนนแล้วถูกรถที่จำเลยที่ 2 ขับทับถึงแก่ความตายนั้น เป็น เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากเหตุรถเฉี่ยวชนในตอนแรก ไม่อาจที่จะแยกการกระทำของจำเลยที่ 2 ออกจากกันได้ กรณีถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องมาจากการที่จำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 ขับรถไปเก็บและอยู่ในทางการจ้าง ของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น.
เมื่อจำเลยที่ 2 ขับรถเฉี่ยวชนท้ายรถของ ท. โดยประมาทเลินเล่อแล้วหลบหนีไป ท. ได้ขับรถติดตามจำเลยที่ 2 ไปในทันทีทันใดเพื่อเจรจาทำความตกลงในเรื่องค่าเสียหายที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้น แต่จำเลยที่ 2 ซึ่งขับรถหนีไปติดสัญญาณไฟแดงไม่ยอมลงจากรถมาเจรจาด้วย และขับรถจะหลบหนีต่อไป ท. จึงกระโดดขึ้นไปเกาะรถที่จำเลยที่ 2 ขับทางด้านขวาของคนขับ จำเลยที่ 2 จึงขับรถโดยกระชากอย่างแรงเป็นเหตุให้ ท. ตกลงมาสู่พื้นถนนแล้วถูกรถที่จำเลยที่ 2 ขับทับถึงแก่ความตายนั้น เป็น เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากเหตุรถเฉี่ยวชนในตอนแรก ไม่อาจที่จะแยกการกระทำของจำเลยที่ 2 ออกจากกันได้ กรณีถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องมาจากการที่จำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 ขับรถไปเก็บและอยู่ในทางการจ้าง ของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย: การแบ่งความรับผิดชอบของจำเลยแต่ละคน
ป. วิวาทกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงใช้เหล็กแป๊ป น้ำ ยาว80 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 1 นิ้ว เป็นอาวุธตี ป.ที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญอย่างรุนแรง 1 ครั้ง เป็นเหตุให้มีก้อนเลือดราว 200 มิลลิลิตร อยู่นอกเยื่อหุ้มสมองและกดสมองจนเป็นเหตุให้ ป. ถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุเพียง 2 ชั่วโมงเศษย่อมแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่า ต้องการฆ่า ป. หรือเล็งเห็นผลได้ว่าทำให้ ป. ถึงแก่ความตายได้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เพียงแต่วิ่งตามจำเลยที่ 1 และ ป. ไป เมื่อตามไปทันก็ช่วยจับ ป. จนล้มลง และกด ป. ให้นอนลงกับพื้นโดยไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุกับ ป. แต่อย่างใด ทั้งในระหว่างที่วิ่งไล่ตามไปนั้นหากมีเจตนาฆ่า จำเลยที่ 2 ซึ่งมีเหล็กแหลมเป็นอาวุธคงจะแทง ป. แล้ว และจำเลยที่ 3 ที่ 4 ก็น่าจะทำอะไรมากกว่านั้น แต่หาได้กระทำไม่ การที่จำเลยที่ 3 ส่งเหล็กแป๊ปน้ำให้จำเลยที่ 1 ก็ไม่แน่ว่าส่งให้โดยมีเจตนาให้ใช้ฆ่า ป. และขณะที ป. ถูกจับจนล้มลง หากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 มีเจตนาร่วมกันฆ่า ป. ก็คงจะรุมทำร้าย ป. เสียในตอนนั้นแล้ว คงจะไม่ปล่อยให้ ป.ยืนขึ้นจนถูกจำเลยที่ 1 ใช้เหล็กแป๊ปน้ำตีที่ศีรษะด้านหลังซึ่งถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ร่วมกันจับ ป. ไว้ให้จำเลยที่ 1ตี และเมื่อ ป. ยืนขึ้นแล้ววิ่งหนี จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4ก็ไม่ได้ไล่ตามไปทำร้าย ป. ซ้ำอีก พฤติการณ์เช่นนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่า ป.คงฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำร้าย ป.เท่านั้น เมื่อผลการทำร้ายเป็นเหตุทำให้ ป. ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 จึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 83.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในคดีอาญา แม้เป็นสิทธิในการต่อสู้คดี ก็ต้องรับผิดชอบหากคำเบิกความนั้นเป็นเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี
ในคดีก่อนจำเลยถูกฟ้องในข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่ผู้เสียหาย(โจทก์คดีนี้) ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสและมีบุคคลอื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายบาดเจ็บ การที่จำเลยเบิกความในคดีก่อนว่าผู้เสียหายขับรถยนต์ชนรถยนต์ที่จำเลยขับในช่องทางเดินรถของจำเลย มีพวกผู้เสียหายเก็บเศษกระจกและเศษไม้จากช่องทางเดินรถของจำเลยไปไว้ในช่องทางเดินรถของผู้เสียหายเท่ากับเบิกความว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นความผิดของผู้เสียหาย มิใช่ความผิดของจำเลย ซึ่งเป็นประเด็นโดยตรงของคดีก่อนที่ว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทหรือไม่ข้อความที่จำเลยเบิกความจึงเป็นข้อสำคัญในคดี
แม้จำเลยจะมีสิทธิในการต่อสู้คดีและจะให้การอย่างไรหรือไม่ยอมให้การในคดีก่อนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 ก็ตาม แต่ในชั้นพิจารณาคดีดังกล่าว ตัวจำเลยได้เข้าเบิกความในคดีในฐานะพยานซึ่งเป็นอีกฐานะหนึ่งต่างหากจากการเป็นตัวจำเลยหากคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จ จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ จะยกเอาสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลยมาอ้างเพื่อยกเว้นความรับผิดฐานเบิกความเท็จหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
แม้จำเลยจะมีสิทธิในการต่อสู้คดีและจะให้การอย่างไรหรือไม่ยอมให้การในคดีก่อนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 ก็ตาม แต่ในชั้นพิจารณาคดีดังกล่าว ตัวจำเลยได้เข้าเบิกความในคดีในฐานะพยานซึ่งเป็นอีกฐานะหนึ่งต่างหากจากการเป็นตัวจำเลยหากคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จ จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ จะยกเอาสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลยมาอ้างเพื่อยกเว้นความรับผิดฐานเบิกความเท็จหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือการกระทำผิดทางอาญา: เจตนาและความรับผิดชอบของผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 1 กับผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองพบกับผู้ตายและ ว. โดยบังเอิญจำเลยที่ 1 ใช้ท่อนไม้ไล่ตีผู้ตาย จำเลยที่ 2 ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายไม่ได้ร่วมไล่ตีด้วย แต่เมื่อ ว. หยิบไม้จะไปช่วยผู้ตาย จำเลยที่ 2 หยิบไม้คานมาถือและห้ามไม่ให้ ว.ไปช่วยผู้ตาย จึงเป็นการให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด จำเลยที่ 2 หามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยไม่ เมื่อผู้ตายถูกจำเลยที่ 1 ตีตาย จำเลยที่ 2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการขู่กรรโชกทรัพย์และเจตนาฆ่า แม้ไม่ได้ลงมือเองก็ต้องรับผิดชอบ
จำเลยกับพวกร่วมกันมีจดหมายขู่ผู้เสียหายให้นำเงิน 1 ล้านบาทมอบให้จำเลยกับพวก มิฉะนั้นจะฆ่าผู้เสียหายกับบุตรและภริยาผู้เสียหาย ผู้เสียหายแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจทราบ และได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้เสียหายขับรถไปบริเวณที่จำเลยกับพวกนัดหมายไว้ เมื่อผู้เสียหายขับรถไปถึง พบจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มาติดต่อเพื่อขอรับเงิน จึงถูกเจ้าพนักงานตำรวจที่ติดตามมาจับกุมได้หลังจากนั้นเกิดการยิงต่อสู้ระหว่างพวกจำเลยกับผู้เสียหายและเจ้าพนักงานตำรวจ เช่นนี้ แม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายกับพวก แต่ก็เป็นเวลาต่อเนื่องและเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่จำเลยร่วมกันกระทำยังไม่ขาดตอน โดยจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันมาแต่ต้น ในข้อที่ว่าหากผู้เสียหายไม่ยอมมอบเงินให้ก็จะฆ่าผู้เสียหายเสีย พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจเกิดการกระทำความผิดฐานฆ่าหรือพยายามฆ่าผู้อื่นขึ้นได้ถือได้ว่าเป็นความผิดที่อยู่ในขอบเขตที่จำเลยกับพวกตกลงร่วมกันจะกระทำมาแต่ต้น จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 จึงต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นด้วย
จำเลยที่ 3 ใช้รถจักรยานยนต์ขับขี่ติดตามรถยนต์ของผู้เสียหายเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อรับเงินจากการกระทำความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ถือได้ว่ารถจักรยานยนต์เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบ
จำเลยที่ 3 ใช้รถจักรยานยนต์ขับขี่ติดตามรถยนต์ของผู้เสียหายเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อรับเงินจากการกระทำความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ถือได้ว่ารถจักรยานยนต์เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานพยายามฆ่า และการประวิงคดี: ศาลฎีกาตัดสินประเด็นความรับผิดชอบและเหตุผลการไม่อนุญาตเลื่อนคดี
เมื่อจำเลยยิงผู้ตายแล้ว ผู้เสียหายได้เข้าไปแย่งปืนจากจำเลยและกอดปล้ำกัน ระหว่างกอดปล้ำกัน ก. วิ่งเข้ามาหาจำเลย จำเลยจึงส่งอาวุธปืนให้แก่ ก. โดยจำเลยมิได้พูดหรือแสดงกิริยาอาการใดที่จะพึงให้เข้าใจได้ว่าจำเลยมีเจตนาให้ ก. ยิงผู้เสียหาย เมื่อ ก. ได้รับอาวุธปืนจากจำเลยแล้วก็หาได้ยิงผู้เสียหายในทันทีไม่ แต่ได้ถอยหลังออกไปก่อน เมื่อผู้เสียหายเข้าไปแย่งอาวุธปืนจาก ก. อีกจึงถูกยิง เช่นนี้ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยทราบหรือคาดหมายได้ว่า ก. มีเจตนายิงผู้เสียหาย ถือไม่ได้ว่าจำเลยช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ ก. ยิงผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ทนายจำเลยที่ศาลชั้นต้นตั้งขอถอนตัว เพราะจำเลยแต่งตั้งทนายเข้ามาใหม่ เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นก็อนุญาตและนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สอง ห่างจากวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกประมาณ 70 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เนิ่นนานเพียงพอที่จำเลยจะพิจารณาขอถอนทนายความคนเดิม และตั้งแต่งทนายความคนใหม่เข้ามา และขอเลื่อนคดีเพื่อมิให้เดือดร้อนแก่พยานโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้มาศาล แต่จำเลยกลับละเลยโดยมาร้องขอถอนทนายความคนเดิมพร้อมตั้งแต่งทนายความคนใหม่ กับร้องขอเลื่อนคดีในวันนัดซึ่งพยานโจทก์ได้มาศาลพร้อมแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรและส่อไปในทางประวิงคดีให้เนิ่นช้า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ทนายจำเลยที่ศาลชั้นต้นตั้งขอถอนตัว เพราะจำเลยแต่งตั้งทนายเข้ามาใหม่ เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นก็อนุญาตและนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สอง ห่างจากวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกประมาณ 70 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เนิ่นนานเพียงพอที่จำเลยจะพิจารณาขอถอนทนายความคนเดิม และตั้งแต่งทนายความคนใหม่เข้ามา และขอเลื่อนคดีเพื่อมิให้เดือดร้อนแก่พยานโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้มาศาล แต่จำเลยกลับละเลยโดยมาร้องขอถอนทนายความคนเดิมพร้อมตั้งแต่งทนายความคนใหม่ กับร้องขอเลื่อนคดีในวันนัดซึ่งพยานโจทก์ได้มาศาลพร้อมแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรและส่อไปในทางประวิงคดีให้เนิ่นช้า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6485/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: การประวิงการบังคับคดีโดยไม่สุจริตของผู้ถูกบังคับคดี ทำให้ผู้ถูกบังคับคดีต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียม
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายเพราะโจทก์ถอนการยึด แม้จะถือว่าโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 อันจะทำให้โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อมีพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยประวิงการบังคับคดีโดยไม่สุจริตศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5519/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานบริการจัดแสดงแฟชั่นโชว์ลามกอนาจาร ผู้ได้รับอนุญาตต้องรับผิดชอบ
ว.ผู้จัดการสถานบริการของจำเลยที่ 1 จัดให้มีการแสดงแฟชั่นโชว์ ในสถานบริการของจำเลย นางแบบแต่งกายชุดอาบน้ำตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้บาง บนฟลอร์มีสปอทไลท์ ฉายไปมา สามารถมองผ่านช่องว่างของผ้าลูกไม้บางนั้นเห็นนมเนื้อตัวร่างกายของนางแบบลักษณะการแต่งกายเช่นนี้ไม่แตกต่างไปจากการเปลือยกาย และเพียงเท่านี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้จัดให้มีการแสดงเพื่อความบันเทิงในสถานบริการซึ่งเป็นไปในทางลามกหรืออนาจารแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1โดยจำเลยที่ 2 ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าว จึงมีหน้าที่ต้องควบคุมการแสดงมิให้เป็นไปในทางลามกหรืออนาจาร แม้จำเลยจ้าง ว.ให้เป็นผู้จัดการดูแลแทนและ ว.จัดให้มีการแสดงอันเป็นความผิดดังกล่าวในขณะที่จำเลยที่ 2 ไม่อยู่ ก็หาได้ทำให้จำเลยทั้งสองหลุดพ้นจากหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3878/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบาดเจ็บจากการแข่งขันกีฬาของลูกจ้าง: นายจ้างไม่รับผิดชอบหากลูกจ้างสมัครใจและไม่มีข้อบังคับ
นายจ้างมิได้มีข้อบังคับกำหนดให้มีการแข่งขันกีฬาระหว่างลูกจ้างไว้เป็นกิจจะลักษณะ คำสั่งของนายจ้างที่สั่งว่า"อนุมัติให้จัดได้" เป็นเพียงอนุญาตให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างลูกจ้างได้เท่านั้น ส่วนลูกจ้างคนใดจะเข้าแข่งขันหรือไม่มิได้มีการบังคับอันจะถือว่าเป็นคำสั่งให้ลูกจ้างผู้นั้นต้องลงแข่งขัน เมื่อปรากฏว่าลูกจ้างสมัครใจลงแข่งเองและถึงแก่ความตายจึงถือไม่ได้ว่าลูกจ้างประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างนายจ้างหาจำต้องจ่ายเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้างไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาและความรับผิดชอบ
จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้าย ช. และ จ. พวกของผู้ตายก่อน ช. และจ. วิ่งหนีไปโดยจำเลยกับพวกมิได้ติดตามไปทำร้ายซ้ำเติม เมื่อผู้ตายกับ ธ. ขี่รถจักรยานยนต์มาถึง จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้ตายกับ ธ. อีกโดยพวกจำเลยใช้ไม้ตีผู้ตายล้มลง แล้วจำเลยกับพวกเข้ารุมทำร้ายโดยจำเลยมิได้มีอาวุธ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน มูลเหตุที่จะทำร้ายผู้ตายก็มีเพียงว่าจำเลยกับพวกไม่ถูกกับคนในหมู่บ้านเดียวกับผู้ตายจึงทำร้ายฝากมา ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายเท่านั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะถูกพวกของจำเลยใช้ไม้และท่อนเหล็กตี จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย