คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำขอ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 277 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5495/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษายกฟ้องต่อคำขอริบของกลาง และการไม่โต้แย้งประเด็นในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องซึ่งมีผลเท่ากับได้วินิจฉัยให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ริบของกลางด้วยแล้ว ไม่จำต้องระบุด้วยว่าของกลางไม่ริบ และเมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว โจทก์ก็ไม่ได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยเรื่องของกลางในคดีนั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3400/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอพิสูจน์สัญชาติไทยตาม พ.ร.ก.คนเข้าเมือง ต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน
เมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิที่จะร้องต่อศาลให้พิจารณาและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้บรรยายฐานะผู้ฟ้อง หากบรรยายข้อหาและคำขอชัดเจนเพียงพอ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยตกลงให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกเช่าโรงแรมพิพาทโดยโจทก์จ่ายเงินค่าตอบแทนให้จำเลยเป็นเงิน1,000,000 บาท จำเลยผิดสัญญานำโรงแรมพิพาทไปให้บุคคลอื่นเช่า โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอบังคับให้จำเลยคืนเงินจำนวน1,000,000 บาท แก่โจทก์ทั้งห้า เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 172 หาจำต้องบรรยายถึงฐานะตนเองมาในคำฟ้องด้วยไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2462/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าจ้างวันหยุดพักผ่อนประจำปี การแก้ไขคำพิพากษาเกินคำขอ
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 ให้คำนิยามของคำว่า "เจ็บป่วย" ไว้เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้างที่เจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างไม่ได้ฟ้องเรียกเงินทดแทนจากจำเลยซึ่งเป็นนายจ้าง แต่ฟ้องเรียกเงินค่ารักษาพยาบาลตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง จึงไม่จำต้องนำหลักฐานกฎหมายดังกล่าวมาวินิจฉัย
แม้ศาลแรงงานกลางจะพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่โจทก์โดยคำนวณถูกต้องตาม สิทธิที่โจทก์พึงได้รับก็ตาม แต่เมื่อเกินคำขอบังคับของโจทก์แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ขึ้นมาโดยตรง ศาลฎีกาก็เห็นควรแก้ไขให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2050/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาฐานดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและการปรับตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร: ศาลพิพากษาลงโทษได้ตามคำขอ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยฝ่าฝืนคำสั่งให้รื้อถอนอาคารที่ต่อเติม มีกำหนด 150 วัน (นับตั้งแต่ วันที่ 29 สิงหาคม 2530จนถึง วันฟ้อง) และมีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอศาลได้ สั่งปรับจำเลยตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวด้วย เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้ บรรยายแล้วว่าจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งมีกำหนดถึง วันฟ้องกี่วัน และมีคำขอท้ายฟ้องให้สั่งปรับจำเลยตลอด เวลาที่ฝ่าฝืนมาด้วยจำเลยให้การรับสารภาพ จึงอ้างว่าไม่สามารถเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ได้ พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 6570 บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่าให้ปรับได้ตลอด ระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนคำสั่งให้รื้อถอนอาคาร และโจทก์ก็ขอมาในคำขอท้ายฟ้องด้วย การที่ศาลพิพากษาในปัญหานี้จึงไม่เกินคำขอ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันในการชำระค่าเสียหาย, การแก้ไขคำพิพากษาศาลล่างให้ถูกต้องตามคำขอ
โจทก์เสียหายเดือน ละ 500 บาท โดย จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดร่วมกันซึ่ง เป็นการชำระหนี้ไม่อาจแบ่งแยกได้ แต่ ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยที่ 1 ใช้ ค่าเสียหายเดือน ละ 500 บาท และจำเลยที่ 2ใช้ ค่าเสียหายเดือน ละ 500 บาท จนกว่าจะออกจากที่ดินและบ้านโจทก์โดย มิได้กำหนดให้ร่วมรับผิด ทำให้แต่ ละคนต้อง ใช้ ค่าเสียหายคนละ 500บาท เกินค่าเสียหายจริงของโจทก์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ร่วมรับผิดและให้มีผลถึง จำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วย ได้. โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ ค่าเสียหายนับแต่วันฟ้อง (1 ตุลาคม2527) แต่ ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยที่ 1 รับผิดนับแต่วันละเมิดคือวันที่ 13 กันยายน 2527 เป็นการเกินคำขอ ดังนี้ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุผลสงสัยในความผิดฐานชิงทรัพย์ และการพิพากษาเกินคำขอ
จำเลยถูกฟ้องหลายข้อหาในคดีที่มีข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกันศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย เมื่อจำเลยฎีกาในข้อหาที่ไม่ต้องห้ามฎีกาหากศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนร้าย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาที่ต้องห้ามฎีกาได้ด้วย
เมื่อคำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายมาว่าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ไม่มีรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลแนบท้ายฟ้องทั้งผู้เสียหายก็มิได้เบิกความว่าได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคสอง, 340 ตรี เท่านั้น การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม, 340 ตรีจึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์
ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษโดยเพียงแต่ระบุมาตรา มิได้ระบุวรรคให้ชัดเจนนั้น แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ฎีกาแต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้วศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องและชัดเจนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุผลแห่งการพิพากษาชิงทรัพย์เกินคำขอ, เหตุสงสัยผู้ต้องหา, การแก้ไขโทษที่ศาลล่าง
จำเลยถูกฟ้องหลายข้อหาในคดีที่มีข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกันศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย เมื่อจำเลยฎีกาในข้อหาที่ไม่ต้องห้ามฎีกาหากศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนร้าย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาที่ต้องห้ามฎีกาได้ด้วย เมื่อคำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายมาว่าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ไม่มีรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลแนบท้ายฟ้องทั้งผู้เสียหายก็มิได้เบิกความว่าได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง, 340 ตรี เท่านั้น การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม, 340 ตรีจึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษโดยเพียงแต่ระบุมาตรา มิได้ระบุวรรคให้ชัดเจนนั้น แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ฎีกาแต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้วศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องและชัดเจนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์เกินกรอบคำขอเดิม และคำสั่งศาลชั้นต้นที่ถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
แม้คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์จะใช้แบบพิมพ์คำร้องเป็นคำฟ้องอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์ก็วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นข้ออื่น จึงมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยแล้วว่าเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ขัดต่อกฎหมายถึงขนาดที่จะรับไว้พิจารณาไม่ได้ อุทธรณ์ของโจทก์มิได้โต้เถียงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดไต่สวนและยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์ คำสั่งศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุดโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้วโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 215.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษฐานรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เกินคำขอ
ฟ้องโจทก์ที่มีข้อความว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทเพื่อถือการครอบครองที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวบางส่วน อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ถือว่าเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครอง และปลูกสร้างอาคารอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วย มิใช่ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว เมื่อได้ความว่าจำเลยปลูกเรือนพิพาทลงในแม่น้ำโดยมิได้ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทแต่จำเลยนำไม้ระแนง พาด จากพื้นดินไปยังเรือนพิพาทเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกผ่านที่พิพาท อันเป็นการปลูกสร้างอาคารรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขตามฟ้องโจทก์แล้ว ดังนั้นการที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้อง.
of 28