คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษาถึงที่สุด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 214 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871-1872/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีพิพาทการรังวัดแบ่งแยกที่ดินที่เคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ศาลฎีกาได้พิพากษาให้โจทก์แบ่งที่ดินในโฉนดให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ในสำนวนแรก และแบ่งให้แก่นาง พ. มารดาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในสำนวนหลัง ต่อมาโจทก์และจำเลย ได้พิพาทกันในชั้นบังคับคดี เกี่ยวกับการรังวัดแบ่งแยกที่ดินในโฉนดดังกล่าว ว่ารังวัด แบ่งแยกถูกต้องตรงตามคำพิพากษาฎีกาหรือไม่ ศาลชั้นต้นได้นัด พร้อมทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าตรงที่พิพาทด้านเหนือให้ เจ้าพนักงานรังวัด แบ่งให้เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสองสำนวน นี้เพียงแค่ติดสวนของโจทก์ เมื่อช่างแผนที่ไปรังวัด แบ่งแยกเสร็จแล้วโจทก์ไม่รับรอง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รูปแผนที่แบ่งแยกซึ่งช่างแผนที่ทำมานั้นถูกต้องตรงกับข้อตกลงของโจทก์ จำเลยแล้ว มีคำสั่งให้แบ่งแยกที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองสำนวน ตามรูปแผนที่แบ่งแยกดังกล่าว คดีถึงที่สุด ฉะนั้นที่โจทก์ฟ้องคดี ทั้งสองสำนวนนี้ว่า จำเลยทั้งสองสำนวนได้สมคบกันออกรูปแผนที่ หลังโฉนดซึ่ง เป็นที่พิพาทกันในคดีก่อนขัดกับคำพิพากษาฎีกา เป็นเหตุให้ ที่ดินของโจทก์ขาดไป. จึงเป็นการโต้เถียงว่า การรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทไม่ถูกต้องตรงตามคำพิพากษาฎีกา อัน เป็นประเด็นเดียวกัน กับประเด็นที่โจทก์จำเลยพิพาทกันใน ชั้นบังคับคดี ซึ่งได้มีคำพิพากษา หรือคำสั่งถึงที่สุดดังกล่าว แล้ว ฟ้องของโจทก์ทั้งสองสำนวนนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950-953/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความ การครอบครองแทนผู้ชนะคดี และอายุความครอบครองปรปักษ์
เดิมจำเลยที่ 3 และที่ 5 เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ ว.ออกจากที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของฉ. ภริยา ว.ไม่ใช่ของจำเลย ที่3 และที่ 5 คดีถึงที่สุดแล้วหลังจากนั้นจำเลยทั้งหกว. และ ฉ. ก็ยังคงอาศัยอยู่ในที่พิพาทโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4และที่ 6 อาศัยสิทธิจำเลยที่ 3 และที่ 5 ปลูกสร้างอยู่อาศัยในที่พิพาทด้วย ต่อมาโจทก์ได้รับโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทจากฉ. และฟ้องขับไล่จำเลยทั้งหกให้ออกไปจากที่พิพาทเป็นคดีนี้ดังนี้ ผลแห่งคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยที่ 3 และที่ 5 ในคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 การครอบครองที่พิพาทของจำเลยหลังจากศาลพิพากษาถึงที่สุดถือว่าเป็นการครอบครองแทนผู้ชนะคดี จึงต้องถือว่าจำเลยทั้งหกอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ฉ.
ตามคำให้การจำเลยไม่ปรากฏว่าจำเลยคนใดได้มีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเพื่อตนไปยังผู้ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381เพื่อการเริ่มต้นนับระยะเวลาแย่งการครอบครองโดยมิชอบตามมาตรา1375 เป็นประเด็นไว้จำเลยที่ 3 และที่ 5 จึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ฉ.เจ้าของผู้ครอบครองที่พิพาทคนเดิมและโจทก์ผู้รับโอนซึ่งสิทธิและหน้าที่ในที่พิพาทจากเจ้าของเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องร้องบังคับจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมซ้ำ กรณีเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับให้จำเลยจัดการจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมดังกล่าว คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน คือทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ กรณีจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 มิให้โจทก์รื้อร้องฟ้องในประเด็นตามคำขอท้ายฟ้องในคดีนี้ซึ่งโจทก์อาจมีคำขอได้อยู่แล้วในคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคืนของกลางพ้นกรอบเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 นับจากวันคำพิพากษาถึงที่สุด
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้กับผู้ร้องในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ จำเลยให้การรับสารภาพ ผู้ร้องให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสั่งในวันที่ 4 กันยายน 2524 ให้โจทก์แยกฟ้องผู้ร้องเป็นคดีใหม่ และในวันเดียวกัน พิพากษา ลงโทษจำเลย ริบไม้และรถยนต์บรรทุกของกลาง โจทก์ฟ้อง ผู้ร้องเป็นคดีใหม่เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2524ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่28 กุมภาพันธ์ 2526 คำว่าวันคำพิพากษาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 หมายความถึงคำพิพากษา ในคดีที่ ศาลมีคำสั่งให้ริบทรัพย์ เมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาและมีคำสั่งให้ริบทรัพย์เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2524โดยไม่มีการอุทธรณ์ คำพิพากษาจึงถึงที่สุดตั้งแต่วันที่22 กันยายน 2524 ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์บรรทุกของกลางเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2526 จึงเป็นการยื่นภายหลังวันที่คำพิพากษาคดีนี้ถึงที่สุดแล้วเกิน 1 ปี คำร้องจึงต้องห้ามตาม มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง การอ้างเหตุผลจากคดีอื่นมาลบล้างมิได้
คำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีหลังซึ่งยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่า เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยและผู้อื่น ย่อมผูกพันโจทก์จำเลยในคดีหลังกล่าวคือโจทก์หมดสิทธิที่จะได้รับมรดกเฉพาะเกี่ยวกับทรัพย์มรดกที่ว่ากล่าวกันในคดีหลังซึ่งเป็นทรัพย์คนละส่วนกับคดีนี้เท่านั้น จะถือเอาคำพิพากษาในคดีหลังไปลบล้างคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีนี้ที่พิพากษาให้โจทก์มีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม เพื่อมิให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแบ่งสินสมรสซ้ำหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ถือเป็นการฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. ม.148
โจทก์จำเลยเคยมีคดีฟ้องร้องพิพาทกันเกี่ยวกับการแบ่งสินสมรสซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้แบ่งสินสมรสตามที่คู่ความตกลงประนีประนอมยอมความกัน และคดีถึงที่สุดไปแล้วการที่โจทก์กลับมาฟ้องขอแบ่งสินสมรสจากจำเลยอีก ไม่ว่าทรัพย์ในคดีนี้จะเป็นทรัพย์รายเดียวกันกับคดีก่อนหรือต่างรายกัน ก็ยังเป็นการฟ้องร้องในประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอยู่นั่นเอง จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. ม.148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันโจทก์ในคดีที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากข้อผิดพลาดเดียวกัน
โจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยพิมพ์ฉลากสำหรับใช้ปิดสับปะรดกระป๋อง จำเลยได้ส่งมอบฉลากให้โจทก์รับไปแล้ว แต่โจทก์ยังไม่ได้ชำระค่าจ้างพิมพ์ฉลากให้แก่จำเลย จำเลยจึงได้ยื่นฟ้องขอให้ศาลบังคับโจทก์ชำระเงินค่าจ้างพิมพ์ฉลาก โจทก์ให้การต่อสู้ว่าจำเลยพิมพ์ฉลากไม่ตรงตามตัวอย่างเป็นการผิดสัญญา และโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหาย ฐานผิดสัญญาพิมพ์ฉลากไม่เหมือนตัวอย่างเป็นคดีนี้ มูลกรณีที่โจทก์ถูกจำเลยฟ้อง จึงเป็นมูลคดีเดียวกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ คดีทั้งสองสำนวนศาลพิจารณาพิพากษารวมกันเมื่อคดีแรกศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้พิมพ์ฉลากถูกต้องตามความประสงค์ของโจทก์ มิได้ผิดสัญญาคดีถึงที่สุดแล้ว ผลแห่งคำพิพากษานั้นย่อมผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์จะฎีกาในคดีนี้ว่าจำเลยพิมพ์ฉลากไม่ตรงตามตัวอย่าง เป็นการผิดสัญญาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีค่าชดเชย: แม้กฎหมายเกี่ยวข้องความสงบเรียบร้อย ก็ไม่อาจฟ้องซ้ำได้หากเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า การที่โจทก์ออกจากงานเป็นการเลิกจ้าง มีสิทธิได้รับค่าชดเชย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ามิใช่เป็นกรณีเลิกจ้างคดีถึงที่สุด แล้วโจทก์มาฟ้องคดีนี้เรียกค่าชดเชยโดยอาศัยเหตุว่า เป็นการเลิกจ้างอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ เพราะแม้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานจะเป็นกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชน ก็มิใช่กรณีที่ยกเว้นให้ฟ้องซ้ำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาทหลังคำพิพากษาถึงที่สุด และสิทธิของผู้รับพินัยกรรมแทนเจ้าของเดิม
การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาท ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลในคดีก่อน จะถือว่าจำเลยครอบครองโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนหาได้ไม่ และเมื่อคดีก่อนนั้นถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของ ล. ผลของคำพิพากษานั้นย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความ จำเลยจึงไม่อาจยกเอาสิทธิแห่งการครอบครองที่ดินพิพาทในระหว่างคดีก่อนมาใช้ยันกับโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมและเข้าเป็นคู่ความแทน ล. ผู้มรณะได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริง จากพยานหลักฐานในคดี เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 เมื่อจำเลยต้องการใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา ก็ต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3867/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องทางจำเป็น/ภาระจำยอม: ศาลฎีกาไม่อุทธรณ์ประเด็นนอกฟ้องเดิม และถือคำพิพากษาศาลชั้นต้นถึงที่สุด
คำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมของที่ดินแปลงอื่น ทั้งยังบรรยายว่าที่ดินที่มีทางภาระจำยอมนั้นเป็นที่ดินมรดกซึ่งยังมิได้แบ่งปันกัน ถือได้ว่าคำฟ้องของโจทก์มิได้ตั้งประเด็นว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมของที่ดินแปลงอื่นจนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ ทั้งในชั้นชี้สองสถานก็ได้กำหนดประเด็นไว้ว่ามีทางภาระจำยอมหรือไม่ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเป็นทางจำเป็นและให้เปิดทางจำเป็น จึงเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดนอกฟ้องนอกประเด็น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็น และยกฟ้องในคำขอข้ออื่น ถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเกี่ยวกับทางภาระจำยอมแล้ว เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น และมิได้โต้แย้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับทางภารจำยอมจึงถึงที่สุด โจทก์จะรื้อฟื้นฎีกาขอให้เปิดทางภารจำยอมอีกหาได้ไม่
of 22