คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชอบด้วยกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4180/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายและการใช้ดุลพินิจในการลงโทษคดีอาวุธปืน
ขณะผู้เสียหายทั้งแปดยืนรอขึ้นรถโดยสารประจำทาง อ. กับจำเลยที่1และที่2มาพบผู้เสียหายที่1 อ. ซึ่งรู้จักกับผู้เสียหายที่1ได้เข้าถามหาเพื่อนคนหนึ่งแล้วไม่พอใจคำตอบของผู้เสียหายที่1จึงเกิดการโต้เถียงและเข้าต่อยใบหน้าของผู้เสียหายที่1แต่ไม่ถูกขณะนั้นจำเลยที่1ก็ยืนอยู่พวกของผู้เสียหายคนหนึ่งถือมีดดาบยาวประมาณครึ่งเมตรชูขึ้นเหนือศีรษะวิ่งตรงเข้าจะช่วยผู้เสียหายที่1จำเลยที่1และที่2จึงชักอาวุธปืนลูกซองสั้นและยิงลงไปที่พื้นดินคนละนัดก็เพื่อยับยั้งไม่ให้เพื่อนของผู้เสียหายที่1ใช้มีดฟัน อ. หรือจำเลยทั้งสองเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายแม้กระสุนปืนที่จำเลยที่1ยิงไปจะกระทบพื้นดินและแผ่กระจายถูกผู้เสียหายทั้งแปดจนได้รับอันตรายแก่กายจำเลยที่1ก็ไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น จำเลยที่1ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรกแม้จำเลยที่1จะฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายหากศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างลงโทษจำเลยที่1หนักเกินไปย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยที่1ให้เหมาะสมแก่ความผิดได้โดยให้รอการลงโทษแต่ให้ลงโทษปรับและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติด้วย กรณีที่ศาลล่างปรับบทมาตราผิดศาลสูงย่อมมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดหยิบยกขึ้นว่ากล่าวก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อยับยั้งการทำร้ายร่างกาย แม้ใช้อาวุธ
จำเลยเพียงถือมีดพกเข้าไปหา ล. และผู้เสียหายในลักษณะธรรมดาเท่านั้นโดยไม่ได้แสดงกิริยาอาการรีบร้อนหรือส่อแสดงว่าจะเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแต่อย่างใดยังบ่งบอกไม่ได้ว่าจำเลยจะเจ้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยเอามีดพกของตนไปจึงไปสอบถามทำให้เกิดเหตุทะเลาะกันสาเหตุก็เกิดจากผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อขึ้นก่อนยังเรียกไม่ได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุหรือสมัครใจทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายดังนั้นการที่ผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยจะเข้าไปแทงทำร้ายจึงใช้ไม้ท่อนยาว1ศอกขว้างจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งไปหาจำเลยและใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะจำเลยขึ้นจากสระน้ำจึงเป็นพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายก่อเหตุขึ้นก่อนจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและภยันอันตรายที่ใกล้จะถึงได้โดยพอสมควรแก่เหตุได้การที่จำเลยใช้อาวุธแทงผู้เสียหาย3ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไปเมื่อเปรียบเทียบอาวุธที่ใช้แล้วถือว่าจำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดอสังหาริมทรัพย์ชอบด้วยกฎหมายเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการยึดและปิดประกาศแล้ว
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับสำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่ 3 แล้ว จึงได้แจ้งการยึดที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างต่อจำเลยที่ 3ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียังได้แจ้งการยึดให้นายอำเภอในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินทราบแล้วด้วย จึงเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการยึดอสังหาริมทรัพย์ตามป.วิ.พ. มาตรา 304 วรรคหนึ่ง การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว โดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปยึดยังที่ดินและปิดประกาศการยึดไว้หรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงดอกเบี้ยบัตรเครดิตชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นเบี้ยปรับ ศาลแก้เป็นดอกเบี้ย 18.5%
ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดและคำขอสินเชื่อบัตรเครดิตได้กำหนดไว้ว่า ในกรณีที่ธนาคารผ่อนผันการจ่ายเงินไปก่อนทั้งที่เงินฝากคงเหลือในบัญชีของผู้ฝากมีไม่พอจ่ายผู้ฝากยอมผูกพันตนที่จะจ่ายเงินนั้นคืน และยินยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์คิดจากผู้กู้ยืม เงินที่ธนาคารโจทก์ได้ผ่อนผันจ่ายไปก่อนนั้นไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654เพราะมิใช่เป็นเรื่องกู้ยืมและโจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์เป็นสถาบันการเงิน ข้อตกลงดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายจำเลยต้องเสียดอกเบี้ยไปตามนั้นไม่มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับที่จะลดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10132/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาที่ใช้ในการกู้ยืมเงิน การส่งหมายเรียกชอบด้วยกฎหมายแต่จำเลยไม่ทราบการฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ได้ย้ายไปประกอบกิจการและจำเลยที่ ๒ ได้ย้ายไปอยู่ ณ ที่บ้านเลขที่ ๖๕ หมู่ที่ ๘ ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ปี ๒๕๓๑ แต่ขณะที่จำเลยที่ ๑ ทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์และจำเลยที่ ๒ ทำสัญญาค้ำประกัน จำเลยทั้งสองได้ระบุภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันไว้ตรงกับหลักฐานทางทะเบียนของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท และหลักฐานทางทะเบียนบ้าน โดยมิได้ระบุภูมิลำเนาเลขที่๖๕ ดังกล่าวไว้ในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกัน ทั้งที่จำเลยที่ ๑ ได้ย้ายไปประกอบกิจการและจำเลยที่ ๒ ได้ย้ายไปอยู่ ณ บ้านเลขที่ ๖๕ นั้นแล้ว แต่ก็มิได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของจำเลยที่ ๑ ดังนี้ถือว่าจำเลยที่ ๑ มีภูมิลำเนา๒ แห่ง คือตามที่ได้จดทะเบียนที่ตั้งสำนักงานใหญ่และที่ได้ประกอบกิจการแท้จริงส่วนจำเลยที่ ๒ ซึ่งมีฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ด้วย ถือว่ามีภูมิลำเนาณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ระบุในทะเบียนบ้าน ถือว่าจำเลยที่ ๒ มีภูมิลำเนา ๒ แห่ง คือตามที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของจำเลยที่ ๑ และที่จำเลยที่ ๑ ประกอบกิจการแท้จริง
เมื่อจำเลยทั้งสองใช้บ้านเลขที่ ๓๔/๑ หมู่ที่ ๔ ตำลคลองหนึ่งอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นภูมิลำเนาในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันจึงถือว่าจำเลยทั้งสองได้เลือกเอาบ้านเลขที่ ๓๔/๑ ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาสำหรับการกู้ยืมเงินและการค้ำประกันกับโจทก์ การที่เจ้าพนักงานศาลได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งหมายนัดสืบพยานโจทก์และคำบังคับไปส่งให้แก่จำเลยทั้งสองที่บ้านเลขที่ ๓๔/๑ จึงเป็นการส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง หมายนัดและคำบังคับโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้อยู่ที่ภูมิลำเนาดังกล่าว และจำเลยทั้งสองไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง ดังนี้ แม้การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหมายนัดสืบพยานโจทก์และคำบังคับให้แก่จำเลยทั้งสองจะเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายแต่เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8372/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเกินกว่ากรณีจำต้องป้องกัน
บุตรจำเลยไปทะเลาะวิวาทและสมัครใจทำร้ายกับฝ่ายผู้ตายโดยจำเลยไม่ทราบ เพียงแต่จำเลยเห็นผู้ตายใช้มีดดาบไล่ฟันบุตรจำเลยมาทางบ้านจำเลยและเห็นผู้ตายเงื้อมีดดาบจะฟันบุตรจำเลยซึ่งล้มอยู่ ย่อมทำให้จำเลยกลัวว่าบุตรของตนจะถูกผู้ตายฟันถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทันทีเพื่อช่วยเหลือบุตรของตนให้พ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงนั้น จึงมีสิทธิกระทำเพื่อป้องกันได้ หากกระทำไปพอสมควรแก่เหตุก็ไม่มีความผิด
จำเลยยิงผู้ตาย 2 นัด โดยนัดแรกถูกที่หน้าอกด้านขวาและนัดที่สองถูกใต้ต้นคอด้านหลัง บาดแผลแรกวิถีกระสุนปืนเข้าทางด้านหน้า ส่วนบาดแผลที่สองวิถีกระสุนปืนเข้าจากด้านหลัง เห็นได้ว่ากระสุนนัดแรกก็หยุดการกระทำของผู้ตายได้แล้วโดยผู้ตายได้หันหลังให้แก่จำเลย การที่จำเลยยิงผู้ตายซ้ำอีกเป็นนัดที่สอง ทั้งที่ผู้ตายหันหลังมายังจำเลยนั้น เป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7812/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายแจ้งคำสั่งศาลไปยังทนายโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย แม้จะไม่ได้ส่งถึงตัวโจทก์โดยตรง ไม่ถือว่าทิ้งฟ้อง
คำว่า"โจทก์"ในคดีแพ่งแม้ไม่มีบทวิเคราะห์ศัพท์ไว้โดยตรงก็ตามย่อมหมายความว่าผู้ยื่นคำร้องต่อศาลหรือนัยหนึ่งหมายความถึงผู้เป็นคู่ความตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา1(11)ซึ่งรวมถึงบุคคลผู้มีสิทธิกระทำการแทนบุคคลนั้นๆตามกฎหมายหรือในฐานะทนายความด้วยฉะนั้นการส่งหมายหรือแจ้งคำสั่งของศาลไปยังตัวโจทก์หรือทนายโจทก์ก็ย่อมมีผลตามกฎหมายเช่นเดียวกันและไม่มีกฎหมายใดบังคับไว้ว่าต้องส่งหมายหรือแจ้งคำสั่งของศาลไปให้ตัวโจทก์เมื่อพนักงานเดินหมายได้นำหมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวที่แจ้งถึงการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้และให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน7วันนับแต่วันทราบไปส่งให้แก่ทนายโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลที่โจทก์ได้แต่งตั้งและให้มีอำนาจดำเนินคดีแทนตามใบแต่งทนายและเป็นคู่ความตามมาตรา1(11)จึงถือว่าเป็นการส่งหมายให้โจทก์ทราบโดยชอบเมื่อโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดจึงถือว่าทิ้งอุทธรณ์ตามมาตรา174(2)ประกอบมาตรา246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7290/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขึ้นทะเบียนโบราณสถาน: การแจ้งเจ้าของที่ดินไม่จำเป็นต้องเป็นลายลักษณ์อักษร การประชาสัมพันธ์ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
พระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพ.ศ.2504มาตรา7วรรคสองมีความมุ่งหมายเพียงให้อธิบดีกรมศิลปากรแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโบราณสถานทราบถึงการขึ้นทะเบียนโบราณสถานเท่านั้นมิใช่เป็นการขออนุญาตดังนั้นเมื่อมีการประกาศกำหนดเขตที่ดินใดเป็นเขตโบราณสถานแล้วแม้กรมศิลปากรจำเลยไม่ได้แจ้งเป็นหนังสือให้โจทก์ผู้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวทราบเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนประกาศก็ถือได้ว่าเป็นการประกาศขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นโบราณสถานโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายและการกระทำที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายในกรณีป้องกันทรัพย์สิน
คนร้ายเคยเจาะกำแพงอิฐบล็อกโรงงานของจำเลยแล้วลักเอาสิ่งของจากโรงงานไปคนงานของจำเลยจึงคิดวิธีป้องกันไว้ล่วงหน้าก่อนที่ภยันตรายจะถึงโดยขึงเส้นลวดไว้ที่ไม้สี่เหลี่ยมตั้งอยู่ที่พื้นปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้ากับเส้นลวดวันเกิดเหตุกำแพงอิฐบล๊อกโรงงานจำเลยถูกเจาะที่เดิมอีกผู้ตายเป็นผู้เจาะกำแพงอิฐบล๊อกแล้วมุดเข้าไปในโรงงานเพื่อลักทรัพย์ของจำเลยแต่ผู้ตายเหยียบแผ่นไม้สี่เหลี่ยมที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านเส้นลวดจนถูกช็อตจนถึงแก่ความตายถือว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยย่อมได้รับนิรโทษกรรมไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา449วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6744/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการซื้อที่ดินแทนบุคคลอื่นตามสัญญาซื้อขาย: ชอบด้วยกฎหมายและมีผลบังคับใช้
ข้อตกลงในสัญญาซื้อขายที่ดินระบุชัดว่า จำเลยให้สิทธิแก่โจทก์ว่าโจทก์สามารถนำบุคคลอื่นมาซื้อแทนได้หรือร่วมซื้อกับโจทก์ก็ได้ เช่นนี้ เป็นข้อตกลงที่ชอบด้วยกฎหมายและมีผลบังคับตามกฎหมาย จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญา มิใช่เป็นกรณีที่มีการเปลี่ยนตัวผู้ซื้อรายใหม่หรือเป็นกรณีแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้
of 51