พบผลลัพธ์ทั้งหมด 351 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4415/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องมีการครอบครองจริงและต่อเนื่อง การใช้ประโยชน์เล็กน้อยไม่ถือเป็นการครอบครอง
จำเลยมีที่ดินอันมีสภาพเป็นป่าได้ตัดไม้ล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทที่อยู่ติดต่อกันเพื่อเอามาใช้สอยเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นครั้งคราวเท่านั้น การกระทำดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
ในชั้นอุทธรณ์ โจทก์มิได้แก้อุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษาให้จำเลยไม่ต้องใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์
ในชั้นอุทธรณ์ โจทก์มิได้แก้อุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษาให้จำเลยไม่ต้องใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4415/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองที่เปิดเผยและต่อเนื่อง การใช้ประโยชน์เล็กน้อยไม่ถือเป็นการครอบครอง
จำเลยมีที่ดินอันมีสภาพเป็นป่าได้ตัดไม้ล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทที่อยู่ติดต่อกันเพื่อเอามาใช้สอยเล็ก ๆ น้อย ๆเป็นครั้งคราวเท่านั้น การกระทำดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ในชั้นอุทธรณ์ โจทก์มิได้แก้อุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์จึงไม่ถูกต้องศาลฎีกาจึงต้องพิพากษาให้จำเลยไม่ต้องใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการถอนคืนการให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ และการประพฤติเนรคุณต่อเนื่อง
เหตุประพฤติเนรคุณที่จำเลยขับไล่โจทก์ออกจากบ้านและบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นแก่การเลี้ยงชีวิตโจทก์ซึ่งเกิดขึ้นนับถึงวันฟ้องเกินกว่า 6 เดือนย่อมขาดอายุความ แต่บทบัญญัติป.พ.พ. มาตรา 531(3) มาตรา 533 มิได้กำหนดว่าในชั่วชีวิตของโจทก์จะขอสิ่งจำเป็นเพื่อการเลี้ยงชีวิตจากจำเลยได้เพียงครั้งเดียวการขาดแคลนสิ่งจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้ทุกขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ โจทก์ย่อมขอสิ่งเหล่านั้นจากจำเลยได้เสมอตามความจำเป็น และจำเลยยังสามารถให้ได้ โจทก์ฟ้องและนำสืบได้ความว่าก่อนฟ้องคดีประมาณ 1 เดือน โจทก์ป่วยไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลจึงขอเงินจากจำเลยแต่จำเลยไม่ยอมให้โดยจำเลยอยู่ในฐานะจะให้เงินแก่โจทก์ได้ จึงเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้ที่ดินจากจำเลยได้ คดีโจทก์ส่วนนี้ไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแสดงเจตนาเป็นเจ้าของอย่างต่อเนื่อง การทำประโยชน์เป็นครั้งคราวไม่เพียงพอ
การที่ผู้ร้องเข้าไปขุดหน้าดินขายในปี 2516-2517 และดูดทรายขายในปี 2526 เพียง 2 ครั้ง โดยไม่ติดต่อกัน ถือว่าเป็นการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินเป็นครั้งคราว ยังไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นการใช้สิทธิยึดถือครอบครองเหนือที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแสดงเจตนาเป็นเจ้าของและการทำประโยชน์ต่อเนื่อง การทำประโยชน์เป็นครั้งคราวไม่เพียงพอ
ผู้ร้องเข้าไปขุดหน้าดินขายในปี 2516-2517 และดูดทรายขายในปี 2526 ในที่ดินพิพาทเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ไม่ได้กระทำสืบเนื่องติดต่อกันเป็นการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นครั้งคราว ยังไม่ได้แสดงได้โดยแจ้งชัดว่าเป็นการใช้สิทธิยึดถือครอบครองเหนือที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันโทรมหญิง: การกระทำต่อเนื่องโดยหลายคนเข้าข่ายความผิด
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้วออกจากห้องไป ว.เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราต่อ เสร็จแล้วจำเลยเข้ามาข่มขืนกระทำชำเราอีก หลังจากนั้น ว. เข้ามาข่มขืนกระทำชำเราอีกสลับกันไปการข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะเช่นนี้ แม้ว่าผู้กระทำมิได้อยู่ในห้องในขณะที่คนหนึ่งข่มขืนกระทำชำเราอยู่ แต่จำเลยกับพวกได้กระทำในลักษณะติดต่อกัน จึงเป็นการสมคบกันกระทำผิดอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์: เจตนาเป็นเจ้าของ ความต่อเนื่อง และระยะเวลา
จำเลยครอบครองปลูกบ้านและทำประโยชน์ในที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดด้วยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเรื่อยมาเป็นเวลานานหลายสิบปี ที่พิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองตามกฎหมาย แม้โจทก์จะจดทะเบียนการได้มาซึ่งที่พิพาทโดยการครอบครองตามคำสั่งศาลไปก่อนแล้ว โจทก์ก็หามีสิทธิดีกว่าอันจะเป็นเหตุให้มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยไม่ เพราะโจทก์มิใช่ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการทอดทิ้งการครอบครองที่ดิน การครอบครองต้องต่อเนื่องและเปิดเผย
จำเลยที่ 2 ออกจากที่ดินพิพาทไปเป็นเวลา 10 ปีเศษ โดยไม่ได้มาใช้สิทธิเหนือที่ดินพิพาทเลย เป็นการทอดทิ้งทรัพย์ที่ครอบครองไปแม้การทอดทิ้งนั้นจะเป็นเพราะถูกบุคคลอื่นหลอกว่าทางราชการต้องการที่ดินคืน ก็หาใช่เป็นเหตุขัดข้องชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377 วรรคสองไม่ ที่จำเลยที่ 2เข้ายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทครั้งหลังก็ถูกโจทก์โต้แย้งการครอบครองของจำเลยจึงสิ้นสุดลง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภาระจำยอมเกิดจากการใช้สิทธิอย่างเปิดเผยและต่อเนื่อง แม้เจ้าของที่ดินทราบเห็น ก็ไม่ถือเป็นการขัดขวาง
โจทก์ใช้ทางพิพาทบนที่ดินของจำเลยเดินผ่านเข้าออกไปสู่ถนนตั้งแต่บิดามารดาโจทก์ซื้อที่ดินมา นับเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว เมื่อจำเลยซื้อที่ดินมาจำเลยก็ทราบว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทเดินเข้า ออกจากบ้านโจทก์ไปสู่ถนนระยะเวลาการใช้ทางพิพาทของโจทก์จึง ไม่สะดุดหยุดลง ทางพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3986/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงต่างกรรม: การหลอกลวงต่อเนื่องสร้างความเสียหายแยกส่วน
จำเลยกับพวกใช้หลักฐานปลอมหลอกลวงโจทก์ร่วม โดยอ้างว่า ว.ขอเอาประกันชีวิตต่อบริษัทโจทก์ร่วม ซึ่งความจริง ว. ตัวจริงได้ถึงแก่ความตายไปแล้ว โจทก์ร่วมหลงเชื่อจึงออกกรมธรรม์ประกันชีวิตอันเป็นเอกสารสิทธิให้ การกระทำของจำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงเสร็จเด็ดขาดกรรมหนึ่งแล้ว ต่อมาจำเลยกับพวกได้สร้างสถานการณ์ว่าว. ผู้เอาประกันได้รับอุบัติเหตุถึงแก่ความตาย เพื่อหลอกลวงโจทก์ร่วม จนโจทก์ร่วมหลงเชื่อจึงจ่ายเงินตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ให้กับพวกของจำเลย แม้การกระทำครั้งหลังนี้จำเลยได้นำเอาผลของการกระทำครั้งก่อนมาเป็นส่วนประกอบ แต่การกระทำของจำเลยมีเจตนาจะทำให้ผลของการหลอกลวงทั้งสองครั้งเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมแต่ละส่วนกัน การกระทำของจำเลยครั้งหลังนี้จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงต่างกรรมกับการกระทำครั้งแรก.