พบผลลัพธ์ทั้งหมด 233 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายในเหตุชุลมุน ศาลพิจารณาเจตนาและแก้ไขบทลงโทษ
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 2 และผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งชุลมุนต่อสู้กัน จำเลยที่ 2 กับผู้ตายชกจำเลยที่ 1 ก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ใช้เหล็กขูดชารฟท์ไล่แทงจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายถูกที่ฝ่ามือ จำเลยที่ 1 จึงคว้าไม้เหลี่ยมกว้าง 3 นิ้วฟุต ยาวประมาณ 1 แขนตีผู้ตาย ดังนี้ เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 ให้ไม้ตีผู้ตายไปในขณะที่ชุลมุนต่อสู้กัน โดยคว้าไม้ซึ่งวางอยู่ตรงนั้นเองตีผู้ตายไปโดยไม่ได้เลือกตี และตีเพียงทีเดียว พฤติการณ์แห่งคดีฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำไปโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ 1 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294,295 โทษเท่ากัน ให้ลงโทษจำเลยเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 มิได้ระบุให้ชัดลงไปว่าให้ลงโทษตามบทมาตราใด และที่พิพากษาเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามของ 6 เดือน เป็น 9 เดือน เป็นการผิดพลาด เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาพิพากษาแก้ (แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกา)
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294,295 โทษเท่ากัน ให้ลงโทษจำเลยเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 มิได้ระบุให้ชัดลงไปว่าให้ลงโทษตามบทมาตราใด และที่พิพากษาเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามของ 6 เดือน เป็น 9 เดือน เป็นการผิดพลาด เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาพิพากษาแก้ (แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกา)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บลงโทษตามบทหนัก
จำเลยยิง ม. 2 นัด นัดหนึ่งถูก ม. ไม่ตาย อีกนัดหนึ่งพลาดไปถูก พ. ตาย เป็นความผิดตาม มาตรา 288,60 กับ มาตรา 288,80 อีกบทหนึ่ง ลงโทษตาม มาตรา 288,60 ซึ่งเป็นบทหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2969/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมปล้นทรัพย์จนผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องรับผิดตามมาตรา 340 วรรคท้าย แม้ไม่ได้ร่วมลงมือฆ่า
จำเลยทั้งสี่ปรึกษากันจะปล้นรถที่ผ่านมา แล้วจอดรถรออยู่เมื่อผู้เสียหายขับรถมาถึง จำเลยที่ 1 ยืนส่องไฟฉายให้รถหยุดผู้เสียหายถามว่ารถเป็นอะไร จำเลยที่ 1 แกล้งบอกว่าไฟช้อตแล้วกระโดดขึ้นรถของจำเลยและขับหนีไปก่อน โดยร้องตะโกนบอกจำเลยที่ 2, 3 และ 4 ว่า จัดการให้เรียบร้อย จำเลยที่ 2, 3 และ 4 ก็จับผู้เสียหายกับพวกที่มาด้วยมัดแล้วยิง พวกผู้เสียหายถูกยิงตายหมด แล้วจำเลยที่ 2, 3, 4 ก็เอารถไป การปล้นทรัพย์รายนี้เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำการปล้นในระยะแรก แม้มิได้อยู่ด้วยในขณะที่จำเลยอื่นฆ่าเจ้าทรัพย์กับพวกจำเลยที่ 1 ก็ต้องมีความผิดตามวรรคท้ายของมาตรา 340 แห่งประมวลกฎหมายอาญาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ, หลบหนีไม่ช่วยเหลือ, ไม่รอการลงโทษ
จำเลยขับรถโดยประมาทด้วยความเร็วสูงในทางโค้ง รถจึงพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้ผู้โดยสารตายและบาดเจ็บ เกิดเหตุแล้วจำเลยมิได้ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของจำเลยกลับหลบหนีไป จึงไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84-85/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และการปรับบทมาตรา 340 วรรคท้าย
จำเลยทั้งสามต่างถือปืนสั้นคนละกระบอกไปร่วมกันปล้นทรัพย์ที่บ้านผู้ตายโดยจี้บังคับผู้ตายให้เข้าไปในห้องนอน และบังคับให้นอนคว่ำหน้าตรงทางเข้าประตูห้องนอนจำเลยที่ 2 เหยียบหลังผู้ตายไว้ จำเลยที่ 1 ถือปืนยืนคุมอยู่ตรงศีรษะผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 3เข้าไปในห้องนอนค้นหาทรัพย์ ครั้นค้นได้ทรัพย์แล้วก็เดินออกจากห้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็เดินตามไป แต่พอคล้อยห่างผู้ตายได้เพียง 2 ศอกผู้ตายก็ผงกศีรษะขึ้น จำเลยที่ 1 จึงยิงผู้ตาย 1 นัด ถูกศีรษะผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสามก็พากันหลบหนีไป ดังนี้เห็นได้ชัดว่า เพราะผู้ตายผงกศีรษะหรือเงยหน้าขึ้นคงเพื่อดูหน้าคนร้ายอันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนั้น จำเลยที่ 1 จึงยิงผู้ตายจำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ร่วมกระทำในตอนนี้ด้วย ข้อเท็จจริงหาพอที่จะฟังว่ามีเจตนาร่วมกันที่จะฆ่าเจ้าทรัพย์มาแต่แรกไม่จึงควรปรับบทฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ไม่ใช่ปรับบทมาตรา289 (7)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้ลงมือแทงโดยตรง ก็ถือเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น
พฤติการณ์ที่จำเลยมีอาวุธมีดเข้าไปถามหาเรื่องจะทำร้ายพวกของผู้ตายและทำร้ายพวกคนหนึ่งของผู้ตายครั้งหนึ่งแล้วเมื่อพวกจำเลยพบพวกผู้ตายกำลังจะกลับบ้าน พวกจำเลยได้ไล่แทงทำร้ายผู้ตาย จำเลยก็ขัดขวางไม่ให้พวกของผู้ตายช่วยเหลือเมื่อผู้ตายวิ่งมาล้มลง จำเลยก็เตะต่อยซ้ำเติมแม้จำเลยจะไม่ได้แทงผู้ตาย จำเลยก็มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยเพราะถือว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกเพื่อจะแทงทำร้ายผู้ตายกับพวกมาแต่เริ่มแรกแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวละเมิดหลายบท: การลงโทษจำเลยในคดีพยายามฆ่าและทำให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้ปืนยิง ว. สามนัด ด้วยเจตนาฆ่ากระสุนนัดแรกไม่ถูกผู้ใด กระสุนนัดที่สองพลาดไปถูก ร.ถึงแก่ความตาย และกระสุนนัดที่สามไม่ถูกผู้ใด ดังนี้เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวละเมิดกฎหมายหลายบท คือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 บทหนึ่ง และมาตรา 288,60 อีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นการกระทำผิดหลายกระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวละเมิดหลายบท: การยิงพลาดทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลต้องลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุด
จำเลยใช้ปืนยิง ว. สามนัด ด้วยเจตนาฆ่า กระสุนนัดแรกไม่ถูกผู้ใด กระสุนนัดที่สองพลาดไปถูก ร. ถึงแก่ความตาย และกระสุนนัดที่สามไม่ถูกผู้ใด ดังนี้เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวละเมิดกฎหมายหลายบท คือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 บทหนึ่ง และมาตรา 288,60 อีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นการกระทำผิดหลายกระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2251/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาททำให้ถึงแก่ความตาย แต่มีส่วนร่วมของผู้อื่นและมีการถอนฟ้อง
จำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ ก. ตาย แต่เหตุก็มิได้เกิดจากผลแห่งการกระทำของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวบิดาของ ก. ก็มีส่วนร่วมก่อให้เกิดผลนี้ด้วย ประกอบกับบิดาของ ก. ไม่ติดใจเอาเรื่องราวจำเลย คดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2217/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ลูกระเบิดทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาความร้ายแรงของการกระทำและกำหนดโทษจำคุกตลอดชีวิต
จำเลยที่ 1 ใช้ลูกระเบิดมือขว้างจำเลยที่ 4 ซึ่งวิ่งหนีเข้าไปในกลุ่มคน สะเก็ดระเบิดทำให้คนตาย 7 คน และได้รับอันตรายแก่กายอีกหลายคน การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นลักษณะของการกระทำที่จะทำให้ตายโดยใช้อาวุธที่ร้ายแรง มีอำนาจแห่งการทำลายโดยกว้างขวาง แต่ไม่เป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้าย
โจทก์ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2513โจทก์ยื่นฎีกาได้ภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2513 แต่เมื่อวันที่ 5, 6 และ 7เป็นวันหยุดราชการ โจทก์จึงยื่นฎีกาในวันที่ 8 ธันวาคม 2513 ได้
โจทก์ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2513โจทก์ยื่นฎีกาได้ภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2513 แต่เมื่อวันที่ 5, 6 และ 7เป็นวันหยุดราชการ โจทก์จึงยื่นฎีกาในวันที่ 8 ธันวาคม 2513 ได้